ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินปอนด์ร่วงเทียบดอลล์ จากแรงกดดันหลังอังกฤษเริ่มกระบวนการ Brexit

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 30, 2017 07:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินปอนด์ร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 มี.ค.) จากแรงกดดันภายหลังจากที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ประกาศมาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอน เพื่อเริ่มกระบวนการเจรจาแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) เมื่อวานนี้ ขณะที่ดอลลาร์ได้แรงหนุนบางส่วนจากถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ สาขาบอสตันและซาน ฟรานซิสโก ที่ได้แสดงความเห็นว่า เฟดควรปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้งในปีนี้

สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2421 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2444 ดอลลาร์ ในขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงแตะ 1.0753 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0800 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลีย แข็งค่าขึ้นที่ระดับ 0.7671 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7634 ดอลลาร์

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 111.10 เยน จากระดับ 111.15 เยน แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ะดับ 0.9972 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9931 ฟรังก์สวิส

เงินปอนด์ได้รับแรงกดดันให้อ่อนค่าลง หลังจากนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ประกาศมาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรป เพื่อเริ่มกระบวนการเจรจา Brexit ณ สภาสามัญชน (House of Commons) เมื่อวานนี้ ภายหลังจากนายทิม บาร์โรว์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำสหภาพยุโรป ได้ยื่นหนังสือแจ้งความจำนงดังกล่าวต่อนายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานคณะมนตรียุโรป ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมในวันเดียวกัน

นักลงทุนติดตามสถานการณ์ Brexit อย่างใกล้ชิด เนื่องจากการแยกตัวออกจาก EU อาจจะส่งผลให้อังกฤษเผชิญกับความไม่แน่นอนทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมือง ขณะที่ภาคธุรกิจของอังกฤษได้ออกมาเรียกร้องเมื่อวานนี้ เพื่อขอให้รัฐบาลรับประกันในเรื่องสิทธิของพนักงานกลุ่มประเทศ EU ที่ทำงานอยู่ในอังกฤษในระหว่างที่ได้มีการเจรจาต่อรองเพื่อถอนตัวจาก EU รวมทั้งการบริหารจัดการในช่วงเปลี่ยนผ่าน หากอังกฤษไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับทางสหภาพยุโรปได้ภายในระยะเวลา 2 ปี

ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนจากถ้อยแถลงของนายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ สาขาบอสตัน ที่ระบุว่าเฟดควรเตรียมพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 4 ครั้งในปีนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจสหรัฐตกอยู่ในภาวะร้อนแรงเกินไป

นอกจากนี้ นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟด สาขาซาน ฟรานซิสโก ยังออกมาแสดงความเห็นด้วยว่า กรรมการเฟด "ไม่ควรปฏิเสธความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 3 ครั้งในปีนี้"

นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 4/2559 (ประมาณการครั้งสุดท้าย), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.พ., รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนก.พ. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ