สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร ขณะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 เม.ย.) หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากทั้งฝั่งสหรัฐและยุโรป
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0895 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0880 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.2958 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2908 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียปรับตัวขึ้นแตะ 0.7486 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 0.7470 ดอลลาร์สหรัฐในวันก่อน
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 111.42 เยน จากระดับ 111.23 เยน แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9940 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9939 ฟรังก์สวิส และปรับตัวขึ้นแตะ 1.3662 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3623 ดอลลาร์แคนาดา
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ของการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 1 อยู่ที่ระดับ 0.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.2%
การขยายตัวที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 1 ได้รับผลกระทบจากการใช้จ่ายที่ซบเซาของผู้บริโภค และตอกย้ำรูปแบบการปรับตัวของเศรษฐกิจสหรัฐที่มักจะชะลอตัวในช่วงต้นปี
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 2.1% ในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว หลังจากที่พุ่งขึ้น 3.5% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี หรือนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2557 และมีการเติบโต 1.4% ในไตรมาส 2 และ 0.8% ในไตรมาส 1
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตัวเลขจีดีพีที่มีการเปิดเผยล่าสุดนี้ได้ลดกระแสคาดการณ์ในตลาดที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) มีกำหนดประชุมในวันอังคารและวันพุธที่จะถึงนี้
ด้านเงินยูโรแข็งค่าขึ้นในวันศุกร์ หลังสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อตามดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในยูโรโซนพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนเม.ย.
ยูโรสแตทเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนดีดตัวสู่ระดับ 1.9% ในเดือนเม.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.8% และนับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนปรับตัวกลับขึ้นมาอยู่ที่ระดับเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่กำหนดให้เงินเฟ้ออยู่ใกล้ระดับ 2%
ก่อนหน้านี้ อัตราเงินเฟ้อยูโรโซนร่วงลงแตะ 1.5% ในเดือนมี.ค. จาก 2.0% ในเดือนก.พ.
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน แตะระดับ 1.2% ในเดือนเม.ย. จากระดับ 0.7% ในเดือนที่แล้ว โดยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเดือนเม.ย. เป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2556
ส่วนเงินปอนด์ยังสามารถพยุงตัวแข็งค่าอยู่ได้ แม้ตัวเลขจีดีพีออกมาอ่อนแรง โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 0.3% ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากที่ขยายตัว 0.7% ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 และเป็นอัตราการขยายตัวที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2559 หรือในรอบหนึ่งปี