สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักบางสกุล ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 มิ.ย.) ด้วยแรงหนุนจากข้อมูลดัชนีภาคบริการของสหรัฐที่ขยายตัวเป็นเดือนที่ 89 ติดต่อกันในเดือนพ.ค.
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1252 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1277 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นที่ระดับ 1.2908 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2881 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 0.7489 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7438 ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 110.49 เยน จากระดับ 110.48 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9650 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9640 ฟรังก์สวิส
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.09% สู่ระดับ 96.802 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐได้รับปัจจัยหนุนบางส่วนจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อวานนี้ โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยผลสำรวจว่า ดัชนีภาคบริการของ ISM ขยายตัวที่ระดับ 56.9 ในเดือนพ.ค. ซึ่งแม้จะลดลงจากระดับ 57.5 ในเดือนเม.ย.และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่ก็เป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 89 ติดต่อกัน
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 0.2% สู่ระดับ 4.69 แสนล้านดอลลาร์ ในเดือนเม.ย. ซึ่งแม้จะเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน แต่ก็สอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด
อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันให้แข็งค่าในกรอบจำกัดจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเพียง 138,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค.น้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง
นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนเม.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อดูว่า ECB จะส่งสัญญาณใดๆเกี่ยวกับการปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่