ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลลาร์แข็งค่า-ปอนด์ร่วง หลังเลือกตั้งอังกฤษ

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday June 10, 2017 07:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 มิ.ย.) โดยเฉพาะเงินปอนด์ที่ร่วงลงอย่างมาก หลังผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการชี้พรรคอนุรักษ์นิยมของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ไม่สามารถครองเสียงข้างมากในสภาได้

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1197 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1222 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงที่ระดับ 1.2730 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2937 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง ที่ระดับ 0.7528 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7547 ดอลลาร์

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 110.17 เยน จากระดับ 109.91 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9690 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9670 ฟรังก์สวิส ขณะที่อ่อนค่าลงแตะ 1.3469 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.3505 ดอลลาร์แคนาดา

ผลการนับคะแนนเลือกตั้งอังกฤษอย่างไม่เป็นทางการปรากฏว่า พรรคอนุรักษ์นิยมได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 319 ที่นั่ง ลดลง 11 ที่นั่ง จากเดิมที่ได้ 330 ที่นั่ง ส่วนพรรคแรงงานได้ 261 ที่นั่ง เพิ่มขึ้น 29 ที่นั่ง จากเดิมที่ได้ 232 ที่นั่ง ขณะที่พรรคชาตินิยมสกอตแลนด์ (SNP) ได้ 35 ที่นั่ง และพรรค Lib Dems ได้ 12 ที่นั่ง ส่วนพรรค Democratic Unionist Party (DUP) ได้ 10 ที่นั่ง

ผลการนับคะแนนดังกล่าวบ่งชี้ว่าอังกฤษจะเข้าสู่ภาวะที่ไม่มีพรรคใดครองเสียงข้างมากในสภา (Hung Parliament) โดยพรรคการเมืองจะต้องได้ที่นั่งอย่างน้อย 326 ที่นั่งจากทั้งหมด 650 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร จึงจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมากได้

ล่าสุด นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ โดยจะร่วมกับพรรค Democratic Unionist Party (DUP) ของไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งการที่พรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งได้ 319 ที่นั่ง จับมือกับพรรค DUP ซึ่งมี 10 ที่นั่ง จะทำให้เกิดรัฐบาลผสมที่มี 329 ที่นั่ง โดยมีจำนวนที่นั่งเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรอย่างฉิวเฉียด

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อนางเมย์ เนื่องจากการสูญเสียเสียงข้างมากในสภานั้นจะลดทอนอำนาจของเธอในรัฐบาลชุดใหม่

ผลการเลือกตั้งอังกฤษยังได้กดดันให้เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับในสัปดาห์หน้า นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 13-14 มิ.ย. โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารกลางญี่ปุ่น และธนาคารกลางสวิสก็มีกำหนดประชุมในสัปดาห์หน้าเช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ