ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์อ่อนเทียบเงินสกุลหลัก ขณะนลท.คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยค่อยเป็นค่อยไปในปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 3, 2018 07:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 ม.ค.) ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปี 2561 นี้

ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2045 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2010 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.3594 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3519 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 0.7829 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7813 ดอลลาร์

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.34 เยน จากระดับ 112.62 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9724 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9744 ฟรังก์สวิส

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.38% สู่ระดับ 91.893 เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ลดลงกว่า 9% ในปี 2560

นักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนยังคงมีความกังขาเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 3 ครั้งของเฟดในปี 2561 แม้ว่าเงินเฟ้อสหรัฐจะยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับเป้าหมายก็ตาม ทั้งนี้คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) มีกำหนดจะเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 12-13 ธ.ค. 2560 ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ขณะนักลงทุนคาดหวังว่า เฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับความถี่ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น ไอเอชเอส มาร์กิต รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนธ.ค.ของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 55.1 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2558 จากระดับ 53.9 ในเดือนพ.ย. สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของภาคการผลิตสหรัฐ ขณะที่คำสั่งซื้อใหม่ในภาคการผลิตปรับตัวสูงขึ้น และการจ้างงานในภาคการผลิตพุ่งขึ้นในอัตราเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2557

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ดัชนีภาคการผลิตเดือนธ.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนพ.ย., ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนธ.ค.จาก ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนธ.ค.จากมาร์กิต และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนต่างจับตาเหตุการณ์สำคัญที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ ซึ่งรวมถึงการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวโน้มจะประกาศแผนการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ วงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ พร้อมทั้งจับตานโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานเฟด ต่อจากนางเจเน็ต เยลเลน ในเดือนก.พ.ปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ