สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 ม.ค.) หลังเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายคนออกมาเสนอแนะให้เฟดพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 3 ครั้งในปี 2561
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1965 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2050 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.3565 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3571 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง ที่ระดับ 0.7841 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7868 ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 113.08 เยน จากระดับ 113.14 เยน แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9775 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9755 ฟรังก์สวิส
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นด้วยแรงหนุนจากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายคน โดยนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ได้เรียกร้องให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ด้วยเหตุผลว่าเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐจะได้รับปัจจัยบวกจากกฎหมายปฏิรูประบบภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ขณะที่ลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า การที่เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวอย่างมั่นคงด้วยอัตราว่างงานที่ต่ำมากเช่นนี้ จะหนุนให้เฟดพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้ง ในปี 2561
นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ เพื่อจับสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ของเฟด โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนธ.ค. ในวันพฤหัสบดีที่ 11 ม.ค. และจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนธ.ค. ในศุกร์ที่ 12 ม.ค.
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดย่อมเดือนธ.ค. โดย NFIB, ดัชนีราคานำเข้า-ดัชนีราคาส่งออกเดือนธ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย.