สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดเงินนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (9 ม.ค.) หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาส่งสัญญาณสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนจับตาสหรัฐเตรียมเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1932 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1965 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.3533 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3565 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7824 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7841 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 112.61 เยน จากระดับ 113.08 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9832 ฟรังก์ จากระดับ 0.9775 ฟรังก์
เจ้าหน้าที่เฟดได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ โดยนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า การที่เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวอย่างมั่นคงด้วยอัตราว่างงานที่ต่ำมากเช่นนี้ จะหนุนให้เฟดพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้ง ในปี 2561
ขณะที่นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ได้สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ด้วยเหตุผลว่าเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐจะได้รับปัจจัยบวกจากกฎหมายปฏิรูประบบภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
อย่างไรก็ตาม นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวว่า เฟดควรเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป แต่ควรลดความถี่ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้
สกุลเงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากมีรายงานว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้ปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรลงราว 5% ในการดำเนินการทางตลาดครั้งล่าสุดของ BOJ
นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ เพื่อจับสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนธ.ค.ในวันพรุ่งนี้ และจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนธ.ค.ในวันศุกร์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคานำเข้า-ดัชนีราคาส่งออกเดือนธ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย.