ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบเยน ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อเยนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกต่อปัจจัยการเมืองในญี่ปุ่น หลังจากที่นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาวของข้อตกลงในการขายที่ดินของรัฐต่ำกว่าราคาประเมิน รวมถึงข้อกล่าวหาเรื่องการแก้ไขเอกสารที่เกี่ยวข้อง
ณ เวลา 22.38 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์อ่อนค่า 0.03% สู่ระดับ 109.97 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.16% สู่ระดับ 130.50 เยน และดีดตัวขึ้น 0.23% สู่ระดับ 1.2315 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.29% สู่ระดับ 89.97
นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ออกมาปฎิเสธว่า ตนและภรรยาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาวอันเนื่องมาจากข้อตกลงในการขายที่ดินของรัฐในราคาที่ต่ำกว่าประเมิน รวมถึงข้อกล่าวหาเรื่องการแก้เอกสารที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว ขณะที่พรรคฝ่ายค้านได้ออกโรงกดดันและเรียกร้องให้อดีตข้าราชการคนสำคัญเข้าชี้แจงประเด็นดังกล่าวต่อสภาไดเอท เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง
ทั้งนี้ นายอาเบะ และนายทาโร่ อาโสะ รมว.คลังญี่ปุ่น กำลังตกที่นั่งลำบากนับตั้งแต่นายอาโสะ ยอมรับเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า มีการแก้เอกสารเกี่ยวกับการขายที่ดินดังกล่าวให้แก่เจ้าของโรงเรียนเอกชนในจังหวัดโอซาก้าเมื่อปี 2560 ซึ่งรวมถึงการตัดข้อความที่อ้างอิงถึงนายอาเบะและนางอากิเอะ ผู้เป็นภริยา
ขณะเดียวกัน ปอนด์พุ่งขึ้นเทียบดอลลาร์และยูโรในวันนี้ หลังมีข่าวว่า สหภาพยุโรป (EU) และสหราชอาณาจักร สามารถบรรลุข้อตกลงในวันนี้ในการอนุญาตให้สหราชอาณาจักรยังคงอยู่ใน EU ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2563 แม้มีบทบาทและอำนาจที่ลดน้อยลง
ณ เวลา 21.28 น.ตามเวลาไทย ปอนด์ดีดตัว 0.75% สู่ระดับ 1.4043 ดอลลาร์ และแข็งค่า 0.51% สู่ระดับ 0.8765 เทียบยูโร
ทั้งนี้ EU และสหราชอาณาจักรกำหนดช่วงเวลาดำเนินกระบวนการเปลี่ยนผ่านเป็นเวลา 21 เดือนนับตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค.2562 จนถึงสิ้นปี 2563 ก่อนที่สหราชอาณาจักรจะแยกตัวออกจาก EU (Brexit) อย่างสมบูรณ์
นายมิเชล บาร์นิเยร์ ตัวแทนเจรจาฝ่าย EU ในประเด็น Brexit กล่าวว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว สหราชอาณาจักรจะไม่สามารถเข้าร่วมกระบวนการตัดสินใจภายในองค์กรของ EU อีกต่อไป
นอกจากนี้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 มี.ค.2562 กฎหมายของยุโรปจะยังคงสามารถบังคับใช้ในสหราชอาณาจักรต่อไป
ทั้งนี้ การกำหนดระยะเวลาในการเปลี่ยนผ่านดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อให้ภาคธุรกิจและพลเมืองทั้งในสหราชอาณาจักรและ EU มีเวลามากขึ้นในการเตรียมพร้อมสำหรับการแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจาก EU และจะช่วยให้คณะเจรจาของสหราชอาณาจักรและ EU มีเวลาในการสรุปการเจรจาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ฝ่ายขณะเริ่มปี 2564