ปลุกเทรนด์เด็กรุ่นใหม่ มั่นใจ-มีสาระ กับ กิจกรรม Are you ready? Camp

ข่าวทั่วไป Friday November 5, 2010 13:45 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--5 พ.ย.--Are you ready? Club Are you ready? Club จัดกิจกรรมสร้างสรรค์สังคม เตรียมความพร้อมให้เด็กไทยรุ่นใหม่ “กายพร้อม ใจแกร่ง บุคลิกภาพแน่น สื่อสารมั่นใจ” ย้ำครอบครัวคือรากฐานสำคัญ Are you ready? เป็นการตั้งคำถามกับเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ ว่าพร้อมแล้วหรือยังที่จะเติบโตขึ้นเป็นคนดีของสังคมต่อไป โดย แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ และกลุ่มเพื่อนสนิท เบิ้ม-สมชาย ลีลารักษ์สกุล, เวียร์-ศุกลวัฒน์ คณารศ และร๊อกกี้-สุรบดินทร์ สมบัติเจริญ กับน้องชาย พัตเตอร์-ภทรนันท์ จามิกรณ์ ได้รวมตัวกันในชื่อ Are you ready? Camp เพื่อสร้างสรรค์กิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อเยาวชนและร่วมตอบแทนสังคม ประเดิมด้วย Are you ready? Camp เตรียมความพร้อมทั้งด้านบุคลิกภาพ ร่างกาย ความคิด จิตใจ และสร้างทัศนคติที่ดีให้แก่เยาวชน ตลอดจนส่งเสริมความรักในครอบครัว ด้วยเกม กิจกรรม และการบรรยาย-เสวนาเกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัวของวัยรุ่นทั้งรุ่นเล็ก-รุ่นใหญ่ อาทิ ความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจ เรื่องของสิวและผิวพรรณ การจัดฟัน ฯลฯ โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ จากมหาวิทยาลัยชั้นนำ กิจกรรม Are you ready? Camp จัดขึ้นภายใต้แนวคิด กายพร้อม ใจแกร่ง บุคลิกภาพแน่น สื่อสารมั่นใจ แบ่งเป็น 2 วัน สำหรับ 2 กลุ่ม ซึ่งผู้เข้าร่วมไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น วันแรกสำหรับกลุ่มอายุ 8-16 ปี พร้อมผู้ปกครอง จำนวน 82 คน และวันที่ 2 สำหรับกลุ่มอายุ 17-24 ปี จำนวน 50 คน ที่โรงแรม โนโวเทล กรุงเทพ สยามสแควร์ โดยทั้ง 2 กลุ่มได้รับทั้งความเพลิดเพลินสนุกสนาน พร้อมกับความรู้และแง่คิดที่สามารถนำไปต่อยอดเพื่อการเติบโตอย่างมีคุณภาพ อ. ดร. ประสบโชค โชคเหมาะ จากภาควิชาพลศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ แนะนำให้เยาวชนสนใจการเล่นกีฬาซึ่งช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง และมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาบุคลิกภาพ ช่วยสร้างความมั่นใจ โดยควรเริ่มจากกีฬาที่ชอบหรือชนิดที่เล่นได้ไม่ยากและเหมาะกับสรีระของเราด้วย แพทย์หญิงจันทรา ตนันท์ยุทธวงศ์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร แนะนำเรื่อง “การสร้างทัศนคติที่ดี กับชีวิตที่มีความสุข” สำหรับวัยรุ่นซึ่งเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางร่างกาย อารมณ์ และสังคม เป็นวัยที่ผู้ปกครองควรให้ความใส่ใจและเข้าใจเป็นพิเศษ มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ พร้อมให้คำปรึกษาแนะนำที่ดี เปิดโอกาสให้คิด ตัดสินใจทำด้วยตัวเอง โดยพ่อแม่คอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ไม่ตำหนิ ชี้นำ หรือครอบงำความคิดของเด็ก และผู้ปกครองไม่ควรนำความหวังของตนเองไปกดดันลูกหลาน สิ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างทัศนคติที่ดี ส่งเสริมให้เขาเป็นตัวของตัวเอง มีความคิดริเริ่ม มีความมั่นใจ และพร้อมที่จะเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพต่อไป แพทย์หญิงสุพัตรา เทพพานิช แพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง ให้สาระเรื่องการดูแลสุขภาพผิวในวัยรุ่นว่าสิ่งสำคัญคือการรักษาความสะอาดทั้งผิวหน้าและผิวกาย ใช้เครื่องสำอางให้เหมาะสมกับวัย การเกิดสิวในวัยรุ่นเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่ปมด้อย ไม่ควรบีบสิวเพราะทำให้ผิวช้ำและเกิดรอยแผลลึก ซ้ำยังทำให้อักเสบเพิ่มขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อการรักษาปัญหาผิวอย่างถูกต้อง ทั้งผิวมัน ผิวแห้ง สิว ผดผื่น ฯลฯ เพราะบางอย่างเกิดจากพันธุกรรม ฮอร์โมน หรืออาหารก็อาจมีส่วน พร้อมทั้งแนะนำวิธีการดูแลผิวประเภทต่างๆ ที่สำคัญคือควรทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผักผลไม้และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ส่วนในเรื่องค่านิยมในการจัดฟันของวัยรุ่นยุคปัจจุบัน ทันตแพทย์ นพ บารมี อาจารย์พิเศษฝ่ายวิชาการ คณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “การจัดฟันมักทำในกรณีที่มีปัญหาเรื่องการบดเคี้ยวอาหาร และกรณีที่ฟันไม่สวยจริงๆ โดยทันตแพทย์เป็นผู้วินิจฉัย แต่ปัจจุบันวัยรุ่นนิยมจัดฟันกันเป็นแฟชั่นและบางส่วนไม่ได้ทำโดยทันตแพทย์ซึ่งจะมีความเสี่ยงสูง เนื่องจากผู้ทำไม่มีความรู้ และการใช้เครื่องมือรวมถึงลวดดัดฟันจากวัสดุไม่ได้มาตรฐานมักมีสารรั่วซึมหรือเกิดสนิมในภาวะที่มีน้ำลาย มีกรดในช่องปาก ส่งผลให้เป็นแผลเรื้อรัง ติดเชื้อ หรือเป็นบาดทะยัก ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ขอย้ำว่าแฟชั่นเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้เรื่อยๆ แต่เรื่องสำคัญที่ทุกคนควรใส่ใจให้มากคือการดูแลรักษาสุขภาพฟันและช่องปากมากกว่า เพราะโรคเกี่ยวกับฟันใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล และเมื่อถึงตอนนั้นก็รักษายากแล้ว ทั้งยังต้องเสียเวลา เสียเงิน และเสียบุคลิกด้วย เวียร์และร๊อกกี้ นำประสบการณ์ชีวิตวัยรุ่นวัยเรียนของตนมาบอกเล่าให้น้องๆ เห็นความสำคัญกับการเรียน ซึ่งมีเคล็ดลับเพียง 3 ข้อเท่านั้น คือ 1. รู้จักหน้าที่ 2. รู้จักเรียงลำดับความสำคัญว่าอะไรควรทำก่อนหลัง และ 3. การสร้างทัศนคติที่ดีกับตนเองและรู้จักตัวเองว่าเราเป็นใคร ควรจะทำอะไร อะไรที่ไม่รู้ก็ควรเรียนรู้เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นที่จะก้าวต่อไป และตอกย้ำเรื่องสำคัญว่า “พ่อแม่คือคนที่รักเราที่สุด” สำหรับผู้ร่วมกิจกรรม น้องมิ้นท์-ด.ญ.ปาลิตา คงสวาสดิ์ ชั้น ม.4 โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ กล่าวว่า “มากับคุณแม่ค่ะ ไม่เคยร่วมทำกิจกรรมแบบนี้มาก่อน รู้สึกสนุกมาก ทุกคนได้มีส่วนร่วม ทั้งเดินแบบ เล่นเกม สร้างความสามัคคี ได้ช่วยกันคิด และได้ฟังประสบการณ์ดีๆ จากพี่ๆ ประทับใจเรื่องของการเรียนพร้อมกับการทำงานของพี่เวียร์ คิดว่าพี่เขาทำได้เราก็ต้องทำได้ จะขยันเรียนให้มากขึ้น มิ้นท์ใฝ่ฝันอยากเป็นนางแบบเหมือนพี่แพนเค้กค่ะ ต่อไปก็จะฝึกฝนเรื่องการแสดงออก กับคุณแม่ก็รู้สึกผูกพันกันมากขึ้น คุณแม่ชอบมากเลยค่ะ” น้องพั้นช์-น.ส.วรรณรักษ์ ม.4 น้องแพร-ด.ญ.ทัศกมล ม.3 น้องพิ้งค์-ด.ญ.รักษณาวัณย์ ม.2 น้องพรู-ด.ญ.ภัทรจารีย์ ม.1 และคุณแม่วี-ฐิติรัตน์ วณิชย์วงศ์วาน “Concept ของโครงการฯ ตรงกับครอบครัวเรามากจึงพาลูกๆ มาร่วม ไม่ผิดหวังค่ะ สนุกมาก มีกิจกรรมดีๆ ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ทั้งการดูแลรักษาผิว การจัดฟัน ที่สำคัญคือการฝึกบุคลิกภาพ น้องพั้นช์ชอบกิจกรรมเดินแบบและความรู้เรื่องผิว และเราทุกคนได้เรียนรู้เรื่องสุขภาพจิตของวัยรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านร่างกายและอารมณ์ พ่อแม่ควรเข้าใจลูกในวัยต่างๆ ลูกๆ ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับเพื่อน แต่ต้องเป็นตัวของตัวเอง หากผิดเราก็กลับมาดูตัวเอง รู้จักกาลเทศะ ทำอะไรต้องคิดก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก และพี่ๆ ยังช่วยย้ำอีกว่าเรื่องเรียนต้องมาเป็นอันดับ 1 เสมอ แล้วกิจกรรมทุกอย่างเราสามารถทำควบคู่กันไปได้ แต่ต้องรู้จักเรียงลำดับความสำคัญ แล้วเราก็จะทำทุกอย่างได้อย่างยอดเยี่ยม” คุณระพีพัตร สุวัฒน์ทวีชัย คุณแม่ของน้องแจ๊กกี้-ด.ช.พิรชัชย์ ม.3 น้องแม๊ก-ด.ช.ไชยวัศ ป.5 เห็นว่าการร่วมกิจกรรมนี้ทำให้ได้รับสิ่งที่ดีๆ กลับไป โดยเฉพาะเรื่องการแบ่งเวลาให้เหมาะสมเพราะลูกและหลานทั้ง 6 คนเป็นนักดนตรีวง WINK ของโรงเรียนสารสาส์นวิเทศ ร่มเกล้า และเล่นกีฬาด้วย ซึ่งครอบครัวก็ส่งเสริม ทำห้องซ้อมดนตรีให้ที่บ้าน แต่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ขอให้ตั้งใจเรียน โบนัสของแม่คือการที่ลูกเป็นคนดี เรียนดี และเรื่องต่างๆ ที่คุณหมอแนะนำในวันนี้ คุณแม่นำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด และเชื่อว่าครอบครัวมีความสำคัญจริงๆ เราต้องใกล้ชิดลูก เพราะกลัวเรื่องยาเสพติด เด็กแว้น ติดเพื่อน ติดเกม ฯลฯ ดีใจที่ลูกเปิดใจคุยกับแม่ทุกเรื่อง ไม่ปิดบังกัน ต้นส้ม-น.ส.ณัฐณิชา หงษ์อ่ำ ม.5 โรงเรียนศรีอยุธยา “สิ่งที่จะนำไปใช้คือการดูแลสุขภาพและพัฒนาบุคลิกภาพในเรื่องการนั่งและการสื่อสาร ตอนนี้เรียนด้วยทำกิจกรรมด้วย เป็นเชียร์ลีดเดอร์ต้องแบ่งเวลาทำการบ้านและการซ้อมให้เหมาะสม ครอบครัวไม่เคยบังคับ ทำให้เราเป็นตัวของตัวเองแต่มีขอบเขต หากสิ่งไหนไม่เหมาะสมก็จะแนะนำ ทำให้เราไม่อึดอัดใจ ส้มโชคดีที่พ่อแม่ไม่คาดหวังอะไรมาก ขอให้ลูกเป็นคนดีก็พอค่ะ” แพนเค้ก - เขมนิจ จามิกรณ์ ผู้ริเริ่มจัด Are You Ready? Camp กล่าวว่า “กิจกรรมทั้ง 2 วัน ได้รับการตอบรับดีมากจากทั้ง 2 กลุ่มที่มาร่วม ชื่นใจที่เขาสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง น้องๆ ที่เข้าร่วมมีความสนใจมากและผู้ปกครองก็ให้ความสำคัญด้วย วิทยากรทุกท่านก็นำเรื่องใกล้ตัวเขามาแนะนำ ซึ่งช่วยให้เขาตัดสินใจได้ควรทำอะไรอยย่างไรต่อไป ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่แพนตั้งใจทำเพื่อตอบแทนสังคม และตอบแทนทุกๆ กำลังใจ ทุกๆ การสนับสนุนและการให้โอกาส ที่ทำให้แพนเป็นแพนในวันนี้ โดยมีครอบครัวเป็นหลักของใจเสมอ จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดคือครอบครัว ทำให้เด็กๆ ตามหาความฝันของตัวเอง แม้จะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ และเป็นการเริ่มต้นทำกิจกรรมแบบนี้เป็นครั้งแรก แต่ก็หวังว่าจะสามารถขยายผลให้เกิดประโยชน์ในวงกว้างได้ในอนาคต ซึ่งเราจะพยายามสานต่อโครงการนี้ต่อไป นอกจากนี้ก็เตรียมจัดกิจกรรมอื่นๆ เช่น Are You Ready? Show เพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ที่ด้อยโอกาสในสังคมด้วยค่ะ” Are You Ready? Camp อีกหนึ่งกิจกรรมที่มีส่วนช่วยเตรียมความพร้อมให้เด็กๆ จุดประกายให้ค้นหาตัวเอง และเห็นคุณค่าของตัวเอง ไม่วิตกกังวลกับจุดด้อยต่างๆ ไม่หลงยึดกับค่านิยมที่ผิดๆ ในขณะเดียวกันก็ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองได้รับข้อคิดที่ดีจากวิทยากร เพื่อนำไปปรุงสูตร ‘วัคซีน’ และ ‘อาหารเสริม’ ที่เหมาะสมสำหรับลูกหลาน ให้มี ‘ภูมิคุ้มกัน’ ด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง มีความมั่นใจและภาคภูมิใจในตัวเอง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ