เอราวัต เรืองวุฒิ เปลี่ยนชื่อเป็น “พศิน” แล้ว เหตุเพราะเล่นหนังอุกกาบาต...

ข่าวทั่วไป Tuesday September 14, 2004 13:26 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--14 ก.ย.--ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น
ห่างหายไปจากจอเงินนานเกือบ 3 ปี หลังจากที่ เอราวัต เรืองวุฒิ เคยฝากผลงานในภาพยนตร์เรื่องฟ้าทะลายโจร กลับมาคราวนี้ได้ทำงานร่วมกับผู้กำกับรุ่นใหญ่อย่าง บัณฑิต ฤทธิ์ถกล ในภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นมันส์ทะลุจอเรื่อง “ อุกกาบาต ” จนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่เพราะหนังเรื่องนี้เป็นเหตุ โดยเอราวัต หรือ เอ ได้เผยถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ว่า “ คือจริงๆ เคยมีความคิดเรื่องการเปลี่ยนชื่ออยู่เป็นทุนเดิมนะ เพราะคนเขามักจะชอบเขียนชื่อเราผิดๆ มันจะรู้สึกไม่ค่อยดี แต่ก็ยังไม่ได้จังหวะ ประกอบกับไปดูกราฟชีวิตมามันก็ไม่ค่อยดี และก็มีคนทักอีก และอีกอย่างตอนนั้นมันมีเหตุอยู่ว่าช่วงหนึ่งที่ผมหลังจากที่จบจากฟ้าทะลายโจรแล้วก็วางไป 2 ปี ผมไดไปเจอกับอาบัณฑิตในงานสุพรรณหงส์ ผมก็เข้าไปสวัสดีอาและตอนนั้นนึกยังไงไม่รู้ก็เอ่ยปากของานอาเลยบอกว่าอยากเล่นหนังของอา หลังจากนั้นไม่นานอาก็ติดต่อมาถามว่าอยากเล่นหนังไม่ ผมตกลงทันทีชนิดไม่ขอคิดอะไรอีก ก็ได้มาเล่นเรื่องอุกกาบาตรับบทเป็น “ พศิน ” พออุกกาบาตปิดกล้องไปไม่นานผมก็มีงานละครเข้ามาอีก 2 เรื่อง มีงานเขียนการ์ตูนเข้ามาอีก ก็เลยรู้สึกว่าชื่อพศินน่าจะถูกโฉลกกับเรา ที่นี้ก็เลยเอาชื่อนี้ไปดูตำรามหาทักษาว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนชื่อคือจะเป็นเรื่องของตัวเลขที่มีอิทธิพลทำให้ชีวิตเราดีขึ้น มันจะเป็นการนับเลข คือเอาชื่อกับนามสกุลมารวมกันและก็บวก ลบ กันชื่อพศิน เรืองวุฒิ พอมาบวกลบกันแล้วมันตกลงตรงเลข 24 ซึ่งถือว่าดี ซึ่งชื่อพศินจะแปลว่า อำนาจ-บารมี เหมือนกับว่าชื่อนี้นำสิ่งดีๆ นำโชคดีมาให้เรา ผมตั้งใจจะเปลี่ยนชื่อในวันเกิดของผมคือ 31 กรกฎาคม โดยจะไปทำพิธีทางศาสนา นำพระพุทธรูปเขียนชื่อเดิมของเราไว้ที่ฐานและก็นำไปถวายวัด จากนั้นผมก็จะใช้ชื่อ “ พศิน ” อย่างเป็นทางการ
สำหรับในเรื่องอุกกาบาตผมรับบทเป็นตำรวจชื่อพศิน เป็นตำรวจธรรมดาคนหนึ่งที่ทำหน้าที่สืบหาความจริงว่าเหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้นได้อย่างไร บทนี้ไม่มีความซับซ้อนอะไรมากนัก แต่จะยากตรงที่เราต้องสื่อให้คนรับรู้ได้โดยไม่ต้องแสดงออกอะไรมาก ต้องไม่แสดงออกจนเกินจริง ต้องทำเหมือนว่าตัวเราสงสัยเอง คิดเอง ทำทุกอย่างให้เป็นธรรมชาติไม่เคลียด ผมต้องปรับตัวค่อนข้างมาก
เราต้องล้างใหม่หมดเพราะก่อนหน้านี้ผมเล่นละครมาตลอด เคยทำงานละครที่ต้องรับบทแรงๆ สีหน้าจริงจัง แอ็คติ่งเกินจริง พอมาเป็นหนังมันต้องลดลง ตรงนี้จะตั้งใจมากเพราะ เป็นการกลับสู่จอเงินอีกครั้งสำหรับผม และที่สำคัญเป็นการทำงานร่วมกับอาบัณฑิตครั้งแรกด้วย ผมจะได้ยินชื่อเสียงอามาตั้งแต่เด็ก พอมาวันนี้ได้ร่วมงานกัน ตื่นเต้นมากประกอบกับบรรยากาศในการทำงานมันจริงจังมาก ยอมรับครับงานนี้ผมเทคเยอะที่สุดเท่าที่เคยทำงานมา จะมีอยู่ฉากหนึ่งที่ผมหนักใจจริงๆ จะเป็นฉากที่ผมต้องขับรถลงมาจากเนินเป็นทางยาวพอขับลงมาจะต้องเจอกับพายุฝน มีกลุ่มหมอก มีฝุ่นเถ้าและใบไม้เต็มไปหมด และพอขับผ่านเข้าไปปุ๊บโผลออกมาก็จะเจอคน 20 คนยืนเรียงขวางรถ และเราต้องเบรกให้พอดีถ้าพลาดก็ชน ผมรู้สึกว่ามันเป็นการเสี่ยง และที่สำคัญผมขับรถไม่เก่ง มันเลยเคลียดมากและก็รู้สึกยากในทุกๆ ครั้งที่ต้องขับรถ แต่ในซีนอื่นๆ ก็สนุกดีนะเพราะหนังเรื่องนี้เป็นหนังแอ็คชั่น มีการใช้จิตนาการเข้ามามีส่วน เป็นเรื่องของชาย 2 คนที่มีพลังเหนือธรรมชาติมาเจอกัน คนหนึ่งต้องการทำลายร้างโลกแต่อีกคนพยายามที่จะปกป้องเลยเกิดการต่อสู้กัน มีการใช้เทคนิคพิเศษเยอะพอสมควรในแต่ละฉาก มีการนำเสนอที่ไม่เหมือนใคร ผมว่าหนังเรื่องนี้มีมีความแตกต่างนะ ผมคาดหวังกับหนังเรื่องนะค่อนข้างมากทั้งในด้านการตอบรับ และในส่วนของตัวเนื้อหนัง ผมมองว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ทำยาก มีหลายมุมมอง ครบรสไม่ว่าจะแอ็คชั่น ตื่นเต้น มีการสอดแทรกมุขตลก ดูสนุก มีการใช้เทคนิคพิเศษ และอีกอย่างเป็นหนังแนวใหม่ของอาบัณฑิต ผมว่ามันน่าสนใจ....เอ กล่าวทิ้งท้าย ”
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทร. 02-246-9025-9 ต่อ ประชาสัมพันธ์
หรือ พัชรา ศรีทอง โทร. 01-827-0647--จบ--
--อินโฟเควสท์ (นห)--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ