“ GCAP เชื่อว่ารายได้ปี 57 ทำสถิติสูงสุดอีกครั้ง พร้อมโชว์กำไรปี 56 พุ่งจากปีก่อนกว่าร้อยละ 31 ”

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 19, 2014 14:59 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ก.พ.--IR PLUS “GCAP” โชว์ผลกำไรปี 2556 พุ่งจากปี 2555 กว่าร้อยละ 31 มีกำไรสุทธิ 42.81 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติ การณ์ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ “สันติ หอกิตติกุล” เอ็มดี ชี้กำไรเพิ่มขึ้นตามคาดหลังสินเชื่อเช่าซื้อโตกว่า ร้อยละ 26 ประเมินภาพรวมปี 2557 ความต้องการรถเกี่ยวนวดข้าวยังเติบโตต่อเนื่อง คาดว่ารายได้รวมทั้งปี 2557 โตกว่า ร้อยละ 20 นายสันติ หอกิตติกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีแคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรในหลากหลายประเภท ภายใต้แนวคิด "สินเชื่อฉับไว เกษตรไทยก้าวหน้า" เปิดเผยถึงผลประกอบการปี 2556 สินทรัพย์รวมของบริษัทฯ โตจาก 737 ล้านบาทในปี 2555 เป็น 936 ล้านบาท ในปี 2556 เพิ่มขึ้นร้อยละ 27 ขณะที่รายได้รวม เพิ่มขึ้นจาก 141 ล้านบาท เป็น 163 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 และมีกำไรสุทธิหลังภาษี เพิ่มขึ้นจาก 32 ล้านบาทเป็น 42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 31 และคณะกรรมการมีมติเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 22 เมษายน 2557 ให้จ่ายเงินปันผล ครึ่งปีหลัง หุ้นละ 0.07375 บาท เมื่อรวมกับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล แล้วทั้งปี คิดเป็น เงินปันผล 0.13 บาทต่อหุ้น (26 ล้านบาท / 200 ล้านหุ้น) ส่วนการดำเนินงานในปี 2557 ภาคการเกษตรน่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)ประเมินว่า ภาคการเกษตร จะเติบโต ร้อยละ3-4 ประกอบกับ การขาดแคลน แรงงานภาคการเกษตร และ ค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับตัวสูงขึ้นจึงมีความต้องการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรในการทำงานทดแทน ความต้องการสินเชื่อจะยังคงขยายตัวต่อเนื่อง เชื่อว่ารายได้รวมของปี 2557 จะเติบโตร้อยละ 20 ส่งผลให้ ผลประกอบการ ของ ปี 2557 จะโดดเด่น อีกปีหนึ่ง สำหรับ โครงการจำนำข้าว ที่ จ่ายเงินล่าช้านั้น น่าจะเป็นปัญหาชั่วคราว ไม่ส่งผลกระทบโดยตรงกับบริษัทฯ หากแต่เป็นผลกระทบทางอ้อม เนื่องจากบริษัทฯ ไม่ได้ให้สินเชื่อโดยตรงแก่ ชาวนา ที่ปลูกข้าวเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการให้สินเชื่อ กับลูกค้าที่ประกอบอาชีพรับจ้างเกี่ยวข้าว ซึ่งมีรายได้จากหลายทาง ดังนั้นในลูกค้าบางส่วนที่ได้รับเงินหรือค่าจ้างล่าช้า ก็จะทำให้ลูกค้าชำระค่างวดได้ไม่เต็มงวด หรือชำระได้บางส่วน ขณะที่ ลูกค้าส่วนใหญ่มีการชำระเงินเข้ามาตามปกติ ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ปรับเพิ่ม จากร้อยละ 5 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 เป็นร้อยละ 6 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 ซึ่งบริษัทฯ ได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสะสมไว้ถึง ร้อยละ 8 ซึ่งเกินกว่ายอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ขณะนี้ บริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดมากขึ้น โดยรวมแล้ว สถานการณ์ยังอยู่ในระดับ ที่สามารถควบคุมได้ และเชื่อว่า ภาพรวมสถานการณ์จะคลี่คลาย ไปได้ด้วยดีในครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นช่วง ไฮซีชั่น ของธุรกิจ เนื่องจากเป็นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวนาปี ที่ผู้รับจ้างเกี่ยวข้าวจะมีรายได้เข้ามาเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ภายหลังการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวน 135 ล้านบาท บริษัทฯ นำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและขยายพอร์ตสินเชื่อมากกว่า 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ภายหลังการเข้าจดทะเบียน บริษัทฯมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 ลดลงเหลือ 2.44 เท่า ขณะที่ ณ วันที่31 ธันวาคม 2555 มีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 4.73 เท่า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ