กรุงเทพฯ--4 มี.ค.--วธ.
ดร.ปรีชา กันธิยะ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการผลักดันให้มีหลักสูตรพุทธศึกษาในสถานศึกษา โดยแยกออกมาจากวิชาสังคม ให้อยู่ในหลักสูตรแกนกลาง ว่า หลังจากที่กระทรวงวัฒนธรรม ได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าควรมีการบรรจุวิชาพุทธศึกษาทั้งในและนอกระบบการศึกษา ใน (ร่าง) แผนการศึกษาแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง (พ.ศ. 2556 - 2559) ในทุกระดับการศึกษา โดยขอให้แยกออกจากวิชาสังคมให้อยู่ในหลักสูตรแกนกลาง ซึ่งเป็นวิชาบังคับที่นักเรียนจะต้องเรียน สำหรับหลักสูตรพุทธศาสนาจะเน้นการเรียนในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยทฤษฎีจะเน้นการเรียนพุทธประวัติ ทฤษฎีการปฏิบัติในพระพุทธศาสนา หลักธรรมคำสอน ในส่วนภาคปฏิบัติจะเน้นให้นักเรียนได้ปฏิบัติจริงโดยมีพระศีลธรรมเป็นผู้สอน เพื่อให้นักเรียนสามารถนำความรู้และหลักธรรมที่ได้ไปใช้ในการดำรงชีวิตประจำวัน ทั้งนี้ ขณะที่เรื่องดังกล่าว อยู่ระหว่างการรับไปพิจารณา หลังจากนั้นก็เกิดการยุบสภาขึ้น จึงไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้
ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม หลักจากที่มีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้ว กระทรวงวัฒนธรรม ก็จะผลักดันเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจังต่อไป โดยจะเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง และหากได้รับความเห็นชอบแล้ว จะมีการตั้งคณะกรรมการดำเนินการร่างหลักสูตรพุทธศึกษา ประกอบด้วย นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ จากนั้นจะนำหารือกับทุกฝ่าย และ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) อีกครั้ง ก่อนนำร่างหลักสูตรดังกล่าวเสนอต่อ มหาเถรสมาคม (มส.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
“สำหรับการศึกษาเรียนรู้วิชาพระพุทธศาสนา ผมมีแนวคิดว่าอยากให้มีการปฏิบัติจริง และเข้าถึงแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา อาทิเช่น สนับสนุนให้นักเรียนมีโอกาสเดินทางไปนมัสการ “สังเวชนียสถาน” ทั้ง 4 ตำบล ณ ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” และเสด็จดับขันปรินิพพาน เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้พุทธศาสนาจากสถานที่จริง ช่วยให้เกิดความเสื่อมใสศรัทธามากยิ่งขึ้นอีกด้วย” ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าว