ไทยออยล์สรุปผลการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2557

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 3, 2014 11:02 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 เม.ย.--ไทยออยล์ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) จัดให้มีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2557 ณ ห้องจัดงาน Exhibit Hall 101-102 ชั้น 1 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ โดยนายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ เปิดเผยถึง ผลการประชุมตามระเบียบวาระต่างๆ ดังนี้ : ระเบียบวาระที่ 1: พิจารณารับรองรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2556 เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2556 ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติให้รับรองรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2556 ระเบียบวาระที่ 2: รับทราบผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ประจำปี 2556 และพิจารณาอนุมัติงบการเงินสำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2556ที่ประชุมฯ มีมติรับทราบผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ประจำปี 2556 และพิจารณาอนุมัติงบการเงินสำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2556 ที่ผู้สอบบัญชีของบริษัทฯ ได้ตรวจสอบและรับรอง และผ่านการสอบทานจากคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2556 นั้น เครือไทยออยล์มีกำไรขั้นต้นจากการกลั่นของกลุ่มซึ่งรวมผลกระทบจากราคาสต๊อกน้ำมัน ที่ 7.6 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลและมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคา และรายจ่ายตัดบัญชี อยู่ที่ 22,361 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,011 ล้านบาท จากปี 2555 อย่างไรก็ตามผลจากการที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวลง 2.20 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ทำให้เกิดผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิจำนวน 3,111 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลขาดทุนทางบัญชีที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง ทำให้ในปี 2556 เครือไทยออยล์มีผลกำไรสุทธิรวม 10,394 ล้านบาท โดยบริษัทในเครือไทยออยล์ทุกบริษัท มีผลการดำเนินงานเป็นกำไรสุทธิทั้งหมด สำหรับฐานะการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 เครือไทยออยล์ มีสินทรัพย์รวม 208,519 ล้านบาท หนี้สินรวม 113,681 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น-สุทธิ 94,838 ล้านบาท เครือไทยออยล์มีโครงสร้างทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนสภาพคล่องในปี 2556 อยู่ที่ระดับ 2.6 เท่า และมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนผู้ถือหุ้นอยู่ที่ระดับ 0.3 เท่า ระเบียบวาระที่ 3: พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผล สำหรับผลประกอบการปี 2556ที่ประชุมฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปีสำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2556 ในอัตราหุ้นละ 2.30 บาท ซึ่งหลังจากหักการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 2556 ในอัตราหุ้นละ 0.80 บาท ที่ได้จ่ายให้กับผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2556 แล้ว คงเหลือเป็นเงินปันผลที่จะจ่ายสำหรับผลประกอบการ 6 เดือนหลังของปี 2556 อีกในอัตราหุ้นละ 1.50 บาท โดยกำหนดจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 30 เมษายน 2557 ระเบียบวาระที่ 4: พิจารณากำหนดค่าตอบแทนกรรมการ ประจำปี 2557ที่ประชุมฯ มีมติอนุมัติค่าตอบแทนและเงินโบนัสของกรรมการตามที่เสนอ ดังนี้ 1. ค่าตอบแทนประจำ แบ่งเป็น 1.1 ค่าตอบแทนประธานกรรมการ 75,000 บาทต่อเดือน ค่าตอบแทนกรรมการ 60,000 บาทต่อเดือน 1.2 ค่าตอบแทนประธานกรรมการเฉพาะเรื่อง 31,250 บาทต่อเดือน ค่าตอบแทนกรรมการเฉพาะเรื่อง 25,000 บาทต่อเดือน 2. เบี้ยประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ประธานกรรมการ 18,750 บาทต่อเดือน กรรมการ 15,000 บาทต่อเดือน 3. เงินโบนัสประจำปี จำนวน 31 ล้านบาท ระเบียบวาระที่ 5: พิจารณาแต่งตั้งผู้สอบบัญชี และกำหนดค่าตอบแทนการสอบบัญชี ประจำปี 2557ที่ประชุมฯ มีมติอนุมัติให้แต่งตั้งบริษัท เคพีเอ็มจี ภูมิไชย สอบบัญชี จำกัด โดยมีผู้สอบบัญชีของบริษัทฯ ประจำปี 2557 ดังนี้คือ 1.นายวินิจ ศิลามงคล ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเลขทะเบียน 3378 หรือ 2.นายเจริญ ผู้สัมฤทธิ์เลิศ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเลขทะเบียน 4068 หรือ 3. นายไวโรจน์ จินดามณีพิทักษ์ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเลขทะเบียน 3565 เป็นผู้สอบบัญชีของบริษัทฯ ประจำปี 2557 โดยกำหนดค่าตอบแทนผู้สอบบัญชีประจำปี 2557 เป็นจำนวนเงิน 2,540,000 บาท (สองล้านห้าแสนสี่หมื่นบาท) ระเบียบวาระที่ 6: พิจารณาเลือกตั้งกรรมการใหม่แทนกรรมการที่ครบวาระ ประจำปี 2557ที่ประชุมฯ มีมติอนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการที่ออกตามวาระ กลับเข้าดำรงตำแหน่งต่ออีกวาระหนึ่ง ดังนี้ 1.นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล เป็นกรรมการต่ออีกวาระหนึ่ง 2. นายถาวร พานิชพันธ์ เป็นกรรมการอิสระ ต่ออีกวาระหนึ่ง 3. นายธนวัฒน์ อัมพุนันทน์ เป็นกรรมการอิสระ ต่ออีกวาระหนึ่ง และที่ประชุมฯ มีมติอนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการใหม่แทนกรรมการที่ออกตามวาระ ดังนี้ 4. นายยงยุทธ จันทรโรทัย เป็นกรรมการ แทนนายอภิสิทธ์ รุจิเกียรติกำจร 5. นางชนาทิพย์ วีระสืบพงศ์ เป็นกรรมการอิสระ แทนนายวิศาล วุฒิศักดิ์ศิลป์ ระเบียบวาระที่ 7: พิจารณาอนุมัติวงเงินในการออก และเสนอขายหุ้นกู้ที่ประชุมฯ มีมติอนุมัติ ให้บริษัทฯ ออกและเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่นักลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศ ในวงเงินรวมไม่เกิน 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเทียบเท่า เพื่อใช้เป็นเงินทุนระยะยาวในการลงทุน การขยายธุรกิจ การชำระหนี้ และ/ หรือเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน และอื่นๆ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ