ศูนย์คุณธรรมแนะวัยรุ่นไทย ทำกิจกรรมรับปิดเทอมใหญ่ ให้หัวใจไม่ว้าวุ่น พร้อมห่วงสถิติความขยัน-อดทนของคนรุ่นใหม่ ได้คะแนนรั้งท้ายทุกอาชีพ

ข่าวทั่วไป Tuesday April 8, 2014 16:17 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 เม.ย.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน)เผยแนวคิด“ปิดเทอมใหญ่ หัวใจไม่ว้าวุ่น” ต้อนรับการขยายเวลาปิดภาคเรียนของนักศึกษาระดับอุดมศึกษา โดยมีจุดประสงค์เพื่อส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ ใช้เวลาว่างในช่วงปิดภาคเรียนที่ยาวนานเกือบครึ่งปีในการทำกิจกรรมที่เหมาะสมตามหลักคุณธรรม รวมทั้งเป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคม โดยแคมเปญนี้ ได้สะท้อนถึงมุมมองของวัยรุ่น 3 รูปแบบ ผ่าน 3 กิจกรรมที่วัยรุ่นต่างเลือกทำในช่วงปิดภาคเรียนนี้ ได้แก่ 1. มุมมองของวัยรุ่นที่ต้องการทำกิจกรรมจิตอาสาเพื่อเป็นต้นแบบที่ดีให้กับเยาวชนรุ่นหลัง 2. มุมมองของวัยรุ่นที่เลือกใช้เวลาว่างไปกับการสร้างรายได้ให้ตนเอง เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ในการประกอบอาชีพอย่างสุจริต พร้อมกับเป็นการแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองไปในตัว และ 3. มุมมองของวัยรุ่นที่อยากค้นคว้าหาความรู้ให้ตนเอง เพื่อเตรียมความรู้ความสามารถของตนให้พร้อมต่อการเปิดประชาคมอาเซียนในปีหน้า ซึ่งนับเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างหนึ่งของนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย พร้อมกันนี้ ศูนย์คุณธรรมได้เปิดเผยถึงข้อมูลผลวิจัยด้านคุณธรรมของเด็กไทยในยุคปัจจุบันว่า โมเดลคุณธรรมที่ควรปลูกฝังให้กับคนรุ่นใหม่มากที่สุดมี6 ประการ ได้แก่ ความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ ความมีสติสัมปชัญญะ ความขยันหมั่นเพียร ความมีวินัย และความอดทน เพราะเป็นคุณธรรมขั้นพื้นฐาน ที่จะสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับตัวเด็กเอง และหากคนรุ่นใหม่เติบโตมาอย่างเพียบพร้อมด้วยคุณธรรมเหล่านี้ ก็จะทำให้สังคมพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นได้ นอกจากนี้ ผลวิจัยยังพบว่า นักเรียน นักศึกษารุ่นใหม่ ๆ มีคะแนนด้านความอดทน และความขยัน อยู่ในอันดับท้ายสุด เมื่อเทียบกับกลุ่มอาชีพอื่น ๆ โดยมีคะแนนด้านความอดทนอยู่ที่ 70.29 และคะแนนด้านความขยันอยู่ที่ 70.58 ขณะที่กลุ่มอาชีพอื่น ๆ ได้คะแนนในเรื่องคุณธรรมทั้งสองด้านนี้ ตั้งแต่ 80 คะแนนขึ้นไปทั้งหมด ทั้งนี้ ศูนย์คุณธรรม จึงพร้อมเป็นหน่วยงานในการเตรียมความพร้อมด้านคุณธรรมในส่วนที่ยังขาดอยู่ให้กับวัยรุ่นไทยทุกคน โดยการนำกิจกรรมต่าง ๆ ดังตัวอย่างข้างต้น มาเป็นทางเลือกให้กับนักศึกษาที่อยากทำกิจกรรมอันเป็นประโยชน์ในช่วงปิดภาคเรียนแต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ซึ่งนับว่าเป็นการเปิดวิสัยทัศน์ใหม่ ๆ ในการส่งเสริมคุณธรรมให้กับวัยรุ่น โดยไม่จำเป็นต้องปลูกฝังเรื่องคุณธรรมโดยใช้ตำราเรียน หรือการเรียนการสอนในห้องเรียนเท่านั้น และยังทำให้วัยรุ่นตระหนักถึงหลักคุณธรรมในรูปแบบต่าง ๆ ที่สอดแทรกมาพร้อมกับการทำกิจกรรมคุณธรรมเหล่านี้ อันจะส่งผลดีต่อทั้งตนเอง คนรอบข้าง และสังคมไปพร้อมกัน โดยงานแถลงข่าว แนวคิด “ปิดเทอมใหญ่ หัวใจไม่ว้าวุ่น” ครั้งนี้ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2557 ณ ห้องประชุมใหญ่ ศูนย์คุณธรรม อาคารวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) ชั้น 16ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ ผู้สนใจองค์ความรู้ด้านคุณธรรม สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) หมายเลขโทรศัพท์ 02-644-9900 หรือ www.moralcenter.or.th ดร.ฉวีรัตน์ เกษตรสุนทร ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ในช่วงนี้เป็นช่วงปิดภาคเรียนของนักเรียนที่เพิ่งเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งถือเป็นการปิดภาคเรียนครั้งแรก ที่มีการปรับเวลาจากปกติที่จะต้องเปิดภาคเรียนในเดือนมิถุนายน เป็นเดือนสิงหาคม เพื่อให้การเปิดภาคเรียนของประเทศไทยเป็นไปพร้อมกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งช่วงเวลาที่ยาวนานเช่นนี้ เหมาะสมกับการส่งเสริมให้นักเรียน นักศึกษาที่มีเวลาว่าง ได้ออกมาร่วมทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคม ดีกว่าที่จะปล่อยเวลากว่า 5 เดือนให้สูญเสียไปเปล่าๆ ทั้งนี้ ศูนย์คุณธรรม จึงจัดแคมเปญ “ปิดเทอมใหญ่ หัวใจไม่ว้าวุ่น”ขึ้นมา เพื่อเป็นการนำร่องให้นักศึกษาที่สนใจ สามารถนำกิจกรรมต่าง ๆ ไปปฏิบัติได้ในช่วงปิดภาคเรียนนี้ โดยจะมีการแบ่งตัวอย่างกิจกรรมออกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ กิจกรรมจิตอาสาเพื่อสังคม กิจกรรมสร้างรายได้อย่างสุจริต และกิจกรรมการใฝ่หาความรู้เพื่อเตรียมความรู้ความสามารถให้พร้อมก่อนการเปิดประชาคมอาเซียน ซึ่งกิจกรรมทั้ง 3 รูปแบบนี้ ต่างสะท้อนหลักคุณธรรมที่แตกต่างกันออกไป เช่น กิจกรรมจิตอาสา เป็นการสะท้อนคุณธรรมเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม กิจกรรมสร้างรายได้ สะท้อนเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต และความอดทน ส่วนกิจกรรมใฝ่หาความรู้ สะท้อนเรื่องความขยันหมั่นเพียร นอกจากนี้ ดร.ฉวีรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมถึงภาพรวมด้านคุณธรรมของกลุ่มนักเรียนนักศึกษาไทยในยุคนี้ว่า จากการสำรวจในหัวข้อ “การวิเคราะห์แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงคุณธรรมจริยธรรมของคนไทย” ซึ่งจัดทำโดยศูนย์คุณธรรม และสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) พบว่า โมเดลคุณธรรมที่ควรปลูกฝังให้กับคนรุ่นใหม่มากที่สุดมี 6 ประการด้วยกัน ได้แก่ ความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ ความมีสติสัมปชัญญะ ความขยันหมั่นเพียร ความมีวินัย และความอดทน โดยเฉพาะคะแนนในด้านความอดทน และความขยัน ซึ่งกลุ่มนักเรียนนักศึกษาได้คะแนนอยู่ในอันดับท้ายสุด เมื่อเทียบกับกลุ่มอาชีพอื่น ๆ โดยมีคะแนนอยู่ที่ 70.29 และ 70.58 ตามลำดับ ขณะที่กลุ่มอาชีพอื่น ๆ ได้คะแนนในเรื่องคุณธรรมทั้งสองด้านนี้ ตั้งแต่ 80 คะแนนขึ้นไปทั้งหมด ซึ่งเป็นผลจากสภาพสังคม และวัฒนธรรมในปัจจุบันที่มีความเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก จึงเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้คนรุ่นใหม่หรือวัยรุ่นในกลุ่มเจนวาย (Gen Y) มีค่านิยมเปลี่ยนแปลงไปจากยุคก่อน ๆ โดยเฉพาะพฤติกรรมที่เห็นได้ชัดคือ การใช้เทคโนโลยีมากเกินความจำเป็น หรือเสพติดเทคโนโลยี จนบางครั้งอาจส่งผลให้วัยรุ่นละเลยการทำหน้าที่ของตนเอง เช่น กรณีของเด็กติดเกมจนไม่ยอมไปเรียนหนังสือ เป็นต้น ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้เป็นภาพสะท้อนว่า หากเราปล่อยปละละเลยเรื่องการปลูกฝังคุณธรรมให้กับคนรุ่นใหม่ อาจจะทำให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมา ในฐานะที่ศูนย์คุณธรรม เป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมองค์ความรู้และสรรค์สร้างนวัตกรรมด้านคุณธรรม เราจึงมีบทบาทสำคัญในการเตรียมความพร้อมด้านคุณธรรมให้กับวัยรุ่นไทยทุกคน โดยการนำกิจกรรมต่างๆ ดังตัวอย่างข้างต้น มาใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างคุณธรรมให้กับวัยรุ่นยุคใหม่ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้วัยรุ่นไทยมีช่องทางในการทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ โดยได้ใช้หลักคุณธรรมมาประกอบ ซึ่งนับว่าเป็นการเปิดวิสัยทัศน์ใหม่ ๆ ให้วัยรุ่นได้เรียนรู้เรื่องคุณธรรมโดยไม่จำเป็นต้องสอนเรื่องนี้โดยใช้ตำราเรียน หรือใช้การเรียนการสอนในห้องเรียนเท่านั้น และยังกิจกรรมหมดนี้ ยังมีประโยชน์ต่อทั้งตัวผู้ทำ ผู้ปกครอง คนรอบข้าง และสังคมไปพร้อมกันด้วย ด้าน พลเอก ดร.ศรุต นาควัชระ ประธานกรรมการมูลนิธิรัฐบุรุษ เปรม ติณสูลานนท์ เป็นตัวแทนผู้นำเครือข่ายจิตอาสาสำหรับเยาวชน ในการกล่าวถึงการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มจิตอาสาในประเทศไทย โดยยกตัวอย่างจากการทำงานของมูลนิธิรัฐบุรุษว่า คนส่วนใหญ่อาจมองภาพการทำงานของกลุ่มจิตอาสาว่า เป็นเพียงการลงพื้นที่ไปช่วยเหลือคนที่ได้รับความเดือดร้อนแต่ความจริงแล้ว หากได้เข้ามาทำงานในจุดนี้จริงๆ จะพบว่า เราต้องฝึกฝนทักษะหลายอย่างควบคู่กันไป ตั้งแต่การใช้ความคิดสร้างสรรค์ การเรียนรู้เรื่องคน การดึงพลังของคนอื่นๆให้อยากร่วมทำกิจกรรมกับเรา เป็นต้น เพราะการเดินทางลงพื้นที่ในแต่ละครั้ง เราย่อมเจอกลุ่มคนที่แตกต่างกันไป ซึ่งก็จะส่งผลต่อการคิดรูปแบบกิจกรรมที่แตกต่างกันไป เพื่อให้เหมาะกับกลุ่มคนในพื้นที่นั้น ๆ และทำให้พวกเขาอยากร่วมกิจกรรมกับเรา ทั้งนี้ ในส่วนของมูลนิธิรัฐบุรุษฯ ได้ทำหน้าที่ในการรวมพลังเยาวชนหัวใจจิตอาสา มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 ภายใต้แนวคิดหลักในการสร้างความสามัคคีให้กับกลุ่มเยาวชน นักเรียน นักศึกษา ด้วยการส่งเสริมให้ทุกคนได้ทำงานร่วมกันผ่านกิจกรรมในรูปแบบ WIN – WIN คือกิจกรรมที่ทุกฝ่าย ทั้งตัวคนทำงาน ผู้ร่วมกิจกรรม ตลอดจนทุกคนในสังคม ได้ประโยชน์ร่วมกันหมด โดยกิจกรรมหลักๆ ที่มูลนิธิฯ ดำเนินการมาตลอด คือกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ต่าง ๆ อาทิ ค่ายอาสา ค่ายแนะแนวการศึกษา ค่ายผู้นำเยาวชน ค่ายนันทนาการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้วัยรุ่นได้เรียนรู้ถึงการคิดและทำเพื่อส่วนรวม เด็ก ๆ ก็จะได้รู้จักกับความเสียสละ รู้จักความรับผิดชอบต่อสังคมในฐานะที่พวกเขาเป็นปัญญาชนคนหนึ่ง ที่จะต้องเติบโตมาเป็นกำลังสำคัญของชาติซึ่งในฐานะของประธานมูลนิธิ ตนก็รู้สึกยินดี ที่ได้เห็นคนรุ่นใหม่กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออกในทางที่ถูกที่ควร ตระหนักถึงการช่วยเหลือสังคม และมีจิตสำนึกที่พร้อมจะบำเพ็ญประโยชน์เพื่อสาธารณะ ไม่ใช่การช่วยเหลือแค่เฉพาะกับคนใกล้ตัวหรือคนที่ตนรู้จักเท่านั้นซึ่งหากใครสนใจ ก็สามารถสมัครเข้าร่วมกิจกรรมกับมูลนิธิฯ ได้ทางหมายเลขโทรศัพท์ 02-628-5226-7 หรือ www.ratthaburut.com ส่วน นายพชรพรรษ์ ประจวบลาภ ประธานเครือข่ายยุวทัศน์ กรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการทำงานในฐานะผู้นำของเครือข่ายฯ ว่า เครือข่ายยุวทัศน์ กรุงเทพมหานคร เรียกได้ว่าเป็น “เครือข่ายของเยาวชนเพื่อเยาวชน” เพราะเป็นเครือข่ายที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวของเยาวชนที่มีจิตอาสา โดยมีภารกิจหลักในการสร้างสรรค์โครงการต่างๆ เพื่อช่วยพัฒนาเยาวชนไทยให้เติบโตมาเป็นนักคิด นักพัฒนา และกล้าแสดงออกในทางที่ดี ซึ่งในช่วงปิดเทอมใหญ่นี้ ทางเครือข่ายฯ มีกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นใหม่มากมายอาทิ กิจกรรมในโครงการ Teen plus culture ที่ได้รับการสนับสนุนโดยกระทรวงวัฒนธรรม โดยโครงการนี้ จะเปิดรับคนรุ่นใหม่ที่ชอบเรียนรู้ ชอบคิด ชอบขียน หรือมีมุมมองที่อยากส่งต่อให้กับคนอื่นๆ ให้เข้ามาฝึกทำจุลสารภายใต้ชื่อ “Kidsdee” ด้วยกัน ซึ่งประโยชน์ที่ได้จากการทำกิจกรรมนี้แน่นอน คือการได้ฝึกลับคมความคิด และเป็นการเปิดมุมมองใหม่ๆ ที่อยู่นอกห้องเรียนให้กับตนเอง ส่วนอีกโครงการหนึ่งคือ โครงการสร้างภูมิคุ้มกันด้านวัฒนธรรมต้านปัญหายาเสพย์ติด ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจอยากฝึกเป็นนักพูดหรือวิทยากรก็สามารถเข้ามาอบรมกับทางเครือข่ายได้ ซึ่งหลังจากผ่านการอบรมแล้ว น้องๆ จะได้เดินทางลงพื้นที่ไปพูดให้ความรู้กับเยาวชนในโรงเรียนทั่วประเทศกันจริงๆ ทั้งนี้ ตนคิดว่า โครงการดังกล่าว นอกจากจะช่วยให้นักศึกษาได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์แล้ว ยังเป็นการสร้างอนาคตให้ประเทศไทย โดยเริ่มจากการกล้าอุทิศตนเอง เพื่อสร้างร้อยยิ้มให้ผู้อื่น ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเปลี่ยนแปลงค่านิยมในสังคมไทย ให้เป็นสังคมให้การให้ด้วยใจ โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน โดยโครงการต่างๆที่แนะนำ เปิดให้นักศึกษาที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการได้ตลอดช่วงปิดเทอมนี้ ที่หมายเลขโทรศัพท์ 081 – 149- 6824 หรือwww.ynetbangkok.or.th นางสาวพริษา คุณวุฒิกรนักศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะรัฐศาสตร์ ชั้นปี 4 ตัวแทนของวัยรุ่นผู้ต้องการใช้เวลาว่างในการทำกิจกรรมจิตอาสา กล่าวว่าตนเริ่มต้นทำงานจิตอาสามาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เพราะอยากใช้ศักยภาพของตนเองในการทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและตอบแทนสังคมบ้าง ตอนนั้นจึงสมัครเป็นสมาชิกของมูลนิธิรัฐบุรุษฯ เพราะเห็นว่าทางมูลนิธิฯ มีแนวคิดในการผลักดันให้กลุ่มวัยรุ่นออกมาทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งที่ผ่านมา ตนได้มีโอกาสทำกิจกรรมจิตอาสาหลากหลายรูปแบบเช่น เป็นอาสาสมัครสอนหนังสือให้น้องๆ ซ่อมแซมห้องสมุดให้กับโรงเรียนในชนบท ลงพื้นที่สร้างฝาย และตนยังเป็นอาสมัครสอนภาษาอังกฤษในโครงการ HELP ในสมเด็จพระเทพฯอีกด้วย ซึ่งการเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสามาตลอด ทำให้ตนได้พัฒนาศักยภาพของตัวเองหลายอย่าง ทั้งการฝึกเรื่องการทำงานร่วมกับผู้อื่น การฝึกแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ฝึกความเป็นผู้นำ การปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างจากสังคมที่เราอยู่ และทำให้เรารู้จักการจัดแบ่งเวลาอย่างเหมาะสม เนื่องจากจะต้องเรียนและทำกิจกรรมไปพร้อมกัน นอกจากนี้ สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ได้รับจากการได้ลงไปทำกิจกรรมต่าง ๆ กับเด็กในชุมชนที่ขาดแคลน หรือมีปัญหาในครอบครัว คือกำลังใจที่ทำให้เรารู้สึกว่า เราควรจะใช้โอกาสที่เรามี ในการลงมือทำสิ่งดี ๆ ที่มีส่วนช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนที่เดือดร้อนกว่าเรา อีกทั้งทุกครั้งที่เราได้ทำสิ่งดีๆเพื่อน้อง ยังเปรียบเหมือนว่าเราได้เป็นต้นแบบในการทำความดีให้เยาวชนได้เห็น ซึ่งก็จะทำให้เรียนรู้ถึงการทำความดี และเติบโตมาเป็นคนดีไม่สร้างความเดือดร้อนต่อสังคม นางสาวสุกฤตา สกลฤทธิ์ นักเรียนที่เพิ่งจบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และกำลังเตรียมตัวเปิดเรียนพร้อมกับนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา ตัวแทนของวัยรุ่นในมุมมองของการใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอมในการหารายได้พิเศษ เพื่อช่วยเหลือตนเอง และครอบครัว กล่าวว่าในช่วงปิดเทอมนี้ เป็นช่วงเดียวกับการจบการศึกษาจากชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 พอดี ระหว่างที่กำลังรอเข้ามหาวิทยาลัย ตนจึงเลือกใช้เวลาไปกับการลงทุนทำร้านขายไอศกรีมทอดเล็ก ๆ เพื่อหารายได้มาช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ปกครอง และหาประสบการณ์ใหม่ๆให้ตัวเอง เพราะโดยส่วนตัว ตนมีความใฝ่ฝันว่าอยากทำธุรกิจส่วนตัวในอนาคต เมื่อมีเวลาว่างในช่วงปิดเทอมที่ยาวนานกว่า 5 เดือน จึงเป็นโอกาสที่ดีในการทดลองทำงานดูก่อน เพราะตนคิดว่า การฝึกทักษะในการทำงาน เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้การเรียนในมหาวิทยาลัย และการได้ทำงานหารายได้ด้วยตัวเอง ยังช่วยสอนให้เราได้เรียนรู้คน ได้ฝึกรับมือกับปัญหาต่าง ๆ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ดีในการสอนให้เรารู้จักอดทน ดังนั้น หากใครมีเวลาว่าง และไม่รู้จะทำอะไรดี การทำงานหารายได้อย่างสุจริต ก็เป็นอีกกิจกรรมที่น่าสนใจ และสามารถนำไปใช้ได้จริงในอนาคตแน่นอน นางสาวรตนขวัญ แก้วทุย นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมเคมี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ตัวแทนนักศึกษาที่ต้องการหาความรู้เพิ่มเติมในช่วงปิดเทอมกล่าวว่า จริงๆแล้ว การหาความรู้ให้ตนเองเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเปิดหรือปิดเทอม แต่เนื่องจากระยะเวลาในการปิดเทอมใหญ่ของปีนี้ค่อนนาน ซึ่งก็จะทำให้เราต้องห่างหายจากการเรียนไปนานด้วยเช่นกัน จึงคิดว่า น่าจะใช้เวลาที่มีในการแสวงหาความรู้เพิ่มเติมให้กับตนเอง ซึ่งอาจไม่จำเป็นต้องเติมความรู้ในด้านวิชาการเท่านั้น แต่อาจเป็นการเรียนภาษา เรียนดนตรี เรียนศิลปะ หรือการเข้าร่วมคอร์สอบรมที่เป็นประโยชน์ ซึ่งสำหรับตนเอง ได้วางแผนไว้ว่าอยากจะเดินทางไปศึกษาเพิ่มเติมด้านภาษาที่ประเทศฟิลิปปินส์ เพราะคิดว่าทักษะด้านภาษาเป็นสิ่งที่สำคัญในช่วงที่ประเทศไทยกำลังจะเปิดประชาคมอาเซียน ในช่วงปิดเทอมนี้ จึงอยากเชิญชวนเพื่อนๆ มาใช้เวลาอย่างคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ทักษะด้านใดๆก็ตาม เพราะยิ่งถ้าเราได้ลองทำอะไรหลายๆอย่าง ก็จะยิ่งทำให้เราค้นหาตัวเองได้เจอเร็วขึ้นว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร และยังเป็นการเพิ่มความสามารถให้ตัวเองอีกด้วย สำหรับงานแถลงข่าว แคมเปญ “ปิดเทอมใหญ่ หัวใจไม่ว้าวุ่น” ครั้งนี้ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2557 ณ ห้องประชุมใหญ่ ศูนย์คุณธรรม อาคารวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) ชั้น 16ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ ผู้สนใจองค์ความรู้ด้านคุณธรรม สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) หมายเลขโทรศัพท์ 02-644-9900 หรือเว็บไซต์ www.moralcenter.or.th
แท็ก คุณธรรม   ลาว  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ