ฟิทช์คงอันดับเครดิตของ บมจ. ปูนซีเมนต์นครหลวง ที่ระดับ ‘A(tha)’; แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 11, 2014 16:11 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 เม.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC ที่ระดับ ‘A(tha)’ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ระดับ ‘F1(tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิที่ระดับ ‘A(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต หนึ่งในผู้นำตลาดปูนซีเมนต์ของไทย – SCCC ยังคงรักษาตำแหน่งผู้ผลิตปูนซีเมนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาดที่ระดับร้อยละ 28 ในปี 2556 ชื่อเสียงของตราสินค้าประเภทปูนซีเมนต์และคอนกรีตผสมเสร็จเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้บริษัทฯ สามารถรักษากำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย รวมถึงอัตราส่วนกำไรต่อรายได้ให้อยู่ระดับที่แข็งแกร่งตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ธุรกิจส่งออกของบริษัทฯ ยังได้รับการสนับสนุนด้านเครือข่ายการจัดจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศที่แข็งแกร่งจาก Holcim Ltd. (‘BBB’/Stable) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 27.5 ของบริษัทฯ อีกด้วย ฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง – บริษัทฯ มีอัตราส่วนทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า (Adjusted net debt to EBITDAR) อยู่ในระดับต่ำกว่า 1 เท่า (ณ สิ้นปี 2556 อยู่ที่ระดับ 0.6 เท่า) การที่บริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินอยู่ในระดับต่ำทำให้ บริษัทฯ มีความยืดหยุ่นเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายลงทุนเพื่อการขยายธุรกิจที่อยู่ในระดับสูงในช่วงสองปีข้างหน้า ฟิทช์คาดว่าบริษัทฯ จะยังคงรักษาอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า (Adjusted net debt to EBITDAR) ให้อยู่ในระดับไม่เกิน 1.5 เท่าได้ในช่วงปี 2557 ถึง 2558 ในขณะที่อัตราส่วนกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงในทรัพย์สินและหนี้สินต่อดอกเบี้ยจ่าย (FFO interest coverage) น่าจะยังคงแข็งแกร่งอยู่ในระดับที่สูงกว่า 10 เท่า (ณ สิ้นปี 2556 อยู่ที่ระดับ 28 เท่า) อุปสงค์ของปูนซีเมนต์ในประเทศชะลอการเติบโต –อุปสงค์ของปูนต์ซีเมนต์ในประเทศมีแนวโน้มที่จะเติบโตในระดับที่ลดลงในปี 2557 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดต่ำลง อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ของปูนต์ซีเมนต์ในประเทศยังคงมีแนวโน้มเติบโตในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ การเพิ่มขึ้นของโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และแผนการลงทุนสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของภาครัฐ ฟิทช์คาดว่ายอดขายของบริษัทฯ จะเติบโตในระดับประมาณร้อยละ 2-5 ในปี 2557 (เทียบกับอัตราการเติบโตที่สูงกว่าร้อยละ 10 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา) จากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ผลการดำเนินงานอ่อนไหวต่อราคาพลังงาน – อัตราส่วนกำไรของบริษัทฯ มีความอ่อนไหวต่อระดับราคาพลังงาน โดยเฉพาะราคาถ่านหินและไฟฟ้า ต้นทุนเชื้อเพลิงและไฟฟ้ามีสัดส่วนประมาณร้อยละ 75 ของต้นทุนการผลิตทั้งหมด อย่างไรก็ตาม แรงกดดันต่ออัตรากำไรขั้นต้นอันเนื่องมาจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนน่าจะบรรเทาลงในปี 2557 เนื่องจาก ราคาถ่านหินในตลาดโลก ณ ปัจจุบันได้ปรับลดลงจากปีก่อน และคาดว่าจะมีความผันผวนน้อยลงในปี 2557 การมีตลาดหลักเพียงตลาดเดียว – อันดับเครดิตของบริษัทฯ ถูกจำกัดจากการที่บริษัทฯ มีการกระจายตัวของแหล่งรายได้ค่อนข้างน้อย โดยรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทฯ มาจากการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปูนต์ซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกันภายในประเทศเป็นหลัก แม้ว่าการเติบโตของอุปสงค์ของปูนต์ซีเมนต์ในประเทศในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าจะช่วยทะยอยดูดซับกำลังการผลิตส่วนเกินที่มีอยู่ได้ในระดับหนึ่ง แต่กำลังการผลิตโดยรวมของประเทศก็อาจเพิ่มขึ้นได้อีกจากการขยายกำลังการผลิตของผู้ผลิตรายใหญ่อื่นๆ ในประเทศ ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต ปัจจัยบวก: - การเพิ่มขึ้นของขนาดธุรกิจและการกระจายตัวของแหล่งรายได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยที่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า (Adjusted net debt to EBITDAR) ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 1.0 เท่า ปัจจัยลบ: - อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อรายได้ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง หรือการลงทุนขนาดใหญ่ที่ใช้เงินกู้เป็นแหล่งเงินทุน หรือการจ่ายเงินปันผลที่สูงกว่าที่คาด ซึ่งทำให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่ายและค่าเช่า (Adjusted net debt to EBITDAR) สูงกว่า 2.0 เท่าอย่างต่อเนื่อง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ