ขนมชูซ์ Choux.... ขนมอบสไตล์เมืองน้ำหอม ณ เกล็นบาร์ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ

ข่าวบันเทิง Friday April 18, 2014 14:56 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 เม.ย.--โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เวลา 8.00 – 20.00 น. เกล็นบาร์ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ ขอแนะนำขนมอบแบบล่าสุดใหม่สไตล์ฝรั่งเศสขนมชูซ์” (Choux) สร้างสรรค์โดยเชฟขนมหวานชาวฝรั่งเศส ซีริว เวโร ผู้ชื่นชอบและหลงใหลในการทำขนมหวาน ซึ่งขนมชูซ์ (Choux) จะมีเนื้อขนมด้านนอกจะลักษณะกรุบและนิ่มด้านใน สอดไส้ความหวาน หอม อร่อย กับ 5 รสชาติในขนาดชิ้นพอดีคำ อาทิ รสชาติช็อกโกแลตที่มีความหวาน มัน เข้มข้นถึงเนื้อช็อกโกแลต 70% หรือรสชาติเข้มข้นของกาแฟ ตามด้วยรสชาติวนิลลา เนื้อสอดไส้สีครีม หอมจากกลิ่นของฝักต้นวนิลลาแท้ๆ นอกจากนี้ยังมีรสชาติของผลไม้อย่างราสเบอร์รี่ ที่ใช้ผลของราสเบอร์รี่สดๆ ซึ่งรสชาติจะออกหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย สุดท้ายกับรสชาติมะนาว เปรี้ยวจี๊ดสะใจ เหมาะสำหรับเป็นอาหารว่างรับประทานทานคู่กับชาร้อนๆ หรือกาแฟ เพียงราคาชิ้นละ 45 บาทเท่านั้น ประวัติของขนมชูซ์ (Choux) ตามตำนานแป้งที่นำมาทำขนมนั้นถูกคิดค้นครั้งแรกโดยพ่อครัวฝรั่งเศสนามว่า Panterelli ในปีค.ศ. 1540 ซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานขนมที่ศาลของเจ้าหญิงแคเธอรีนเดอเมดิชิ (Catherine de' Medici) เมื่อแคทเธอรีถูกบังคับให้ออกจากฟลอเรนซ์พร้อมกับศาลของเธอพ่อครัวของเธออยากจะทำขนมที่สามารถทำได้อย่างรวดเร็วในขณะที่เดินทาง ทำให้เขาได้คิดค้นโดยการใช้เนยร้อนและแป้งเพื่อให้แป้งของขนมนั้นมีปริมาณน้ำสูง จากนั้นก็ใช้แป้งเพื่อทำขนมเล็กๆ ที่มีชื่อว่า Pâte à Panterelli เมื่อเวลาผ่านไปชื่อของขนมขนาดเล็กเหล่านี้เปลี่ยนไปเป็น Pâte à Popelin หรือ Popelins และพ่อครัวอื่น ๆ เช่น Avice ได้นำสูตรการทำขนมปังมาใส่ไส้โดยมีทั้งรสชาติหวานและเผ็ด จนวิธีการทำขนมชูซ์ที่แน่นอนนั้น เริ่มเป็นที่แพร่หลายในหนังสือการทำอาหารของโดยพ่อครัวชาวฝรั่งเศส Anotoine Careme ในปี ค.ศ. 1815 นั่นเอง ขนมชูซ์ เป็นขนมที่สามารถหาทานได้ง่าย และทานได้ตลอดเวลา แต่สำหรับในเมืองไทยนั้น เราอาจคุ้นเคยกันดีกับขนมที่เราเรียกกันติดปากว่า เอแคลร์ (Éclair) แต่ที่จริงแล้ว ขนมเอแคลร์นั้นมีลักษณะเป็นชิ้นยาวๆ เปลือกนอกเป็นลอนหรือคลื่น และขนมทั้งสองนี้ใช้แป้งชนิดเดียวกัน ต่างกันที่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น นอกจากนี้จุดเด่นที่ทำให้ขนมทั้งสองชนิดครองใจใครๆหลายคนได้ ก็คือการทำแป้งซึ่งจะต้องให้ความร้อน 2 ครั้ง ครั้งแรกในหม้อบนเตาในการทำแป้ง ส่วนครั้งที่สอง การนำแป้งมาอบเพื่อให้เกิดรูปทรง และเรายังต้องทราบว่าน้ำเป็นตัวทำให้ชูซ์พอง ส่วนไข่เป็นตัวให้รสชาติกับชูซ์ เพราะฉะนั้น 2 อย่างนี้ต้องสมดุลกัน และสุดท้ายการที่ลักษณะของขนมภายในเป็นรูกลวง ทำให้เราสามารถใส่ไส้ต่างๆ ได้ด้วยการเจาะรูเล็กๆที่เปลือกของขนม แล้วบีบไส้ครีมต่างๆ เพิ่มรสชาติความอร่อยไม่น้อย จึงเป็นเหตุผลที่ใครหลายๆคนจะหลงรักขนมของดินแดนเมืองน้ำหอมนี้ได้ไม่ยาก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือ สำรองที่นั่งได้ที่หมายเลข 02 680 9999

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ