ปภ. รายงานมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง 42 จังหวัด 296 อำเภอ นายกฯ ห่วงสถานการณ์ภัยแล้ง กำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลือตามระดับความรุนแรง

ข่าวทั่วไป Tuesday April 22, 2014 13:18 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 เม.ย.--ปภ. กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานมีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) 42 จังหวัด 296 อำเภอ 1,821 ตำบล 17,370 หมู่บ้าน นายกรัฐมนตรี ห่วงใยสถานการณ์ภัยแล้ง สั่ง ปภ.ประสานจังหวัดสำรวจพื้นที่เสี่ยง พื้นที่ประสบภัยแล้ง พื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบ ตรวจสอบสถานการณ์น้ำ พร้อมจัดโซนนิ่งการช่วยเหลือ เน้นวางแผนบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุดและแจกจ่ายน้ำทั่วถึงครอบคลุมทุกพื้นที่ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556 – ปัจจุบัน มีจังหวัดประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) แล้ว 42 จังหวัด 296 อำเภอ 1,821 ตำบล 17,370 หมู่บ้าน แยกเป็น ภาคเหนือ 13 จังหวัด ได้แก่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย แพร่ ตาก น่าน พะเยา พิษณุโลก นครสวรรค์ พิจิตร แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน และเชียงราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่ บุรีรัมย์ ขอนแก่น ศรีสะเกษชัยภูมิ มหาสารคาม กาฬสินธุ์ หนองบัวลำภู สุรินทร์ และนครราชสีมา ภาคกลาง 6 จังหวัด ได้แก่ สิงห์บุรี สระบุรี ชัยนาท สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และปทุมธานี ภาคตะวันออก 7 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ปราจีนบุรี ตราด ชลบุรี สมุทรปราการ และสระแก้ว ภาคใต้ 7 จังหวัด ได้แก่ ตรัง สตูล กระบี่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ชุมพร และปัตตานี นายกรัฐมนตรีห่วงสถานการณ์ภัยแล้งจึงได้มอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยบูรณาการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือผู้ประสบ ภัยแล้ง เน้นวางแผนบริหารจัดการน้ำและแจกจ่ายน้ำทั่วถึงทุกพื้นที่ สำรวจพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบ ตรวจสอบสถานการณ์น้ำเพื่อจัดโซนนิ่งพื้นที่ประสบภัยแล้ง และกำหนดมาตรการให้ความช่วยเหลือตามระดับความรุนแรง พร้อมวางแผนการบริหารจัดการน้ำที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งน้ำอุปโภคบริโภค น้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศ น้ำที่ใช้ในการเกษตรและภาคอุตสาหกรรม เน้นการกระจายน้ำทั่วถึง ครอบคลุมทุกพื้นที่ นอกจากนี้ ให้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ วัสดุอุปกรณ์นำน้ำไปแจกจ่ายบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง นายฉัตรชัย กล่าวต่อไปว่า จากการประสานข้อมูลสภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ พบว่า มีปริมาตรน้ำทั้งสิ้น 38,553 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 55 มีปริมาตรน้ำใช้การได้ 15,050 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 32 มากกว่าช่วงเดียวกันของปี 2556 ซึ่งมีปริมาตรน้ำ 36,826 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 52 จำนวน 1,727 ล้านลูกบาศก์เมตร อย่างไรก็ตาม แหล่งน้ำต้นทุนสนับสนุนลุ่มน้ำเจ้าพระยา ทั้งเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีปริมาตรน้ำกักเก็บรวม 10,121 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 34.5 ของความจุรวมทั้ง 4 อ่างฯ เป็นปริมาตรน้ำที่ใช้การได้ 3,425 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 21.5 ของความจุรวมทั้ง 4 อ่างฯ ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าวมีการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งเกินกว่าแผนที่กำหนด โดยเฉพาะการทำนาปรัง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้ จึงขอความร่วมมือประชาชนใช้น้ำอย่างประหยัด เตรียมสำรองน้ำไว้อุปโภคบริโภค เกษตรกรควรวางแผนเพาะปลูกพืชให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำและแผนการจัดสรรน้ำในพื้นที่ เลือกปลูกพืชอายุสั้นที่ใช้น้ำน้อย งดเว้นการทำนาปรัง เพื่อป้องกันพืชผลทางการเกษตรได้รับความเสียหายจากการขาดแคลนน้ำ ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ