คนไทยป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังเพิ่มขึ้นเท่าตัว พบ 60%เกิดจากเบาหวานและความดันโลหิตสูง แพทย์เตือนบริโภคมะเฟือง เชอรี่ ลูกเหนียงปริมาณมากเสี่ยงไตวาย

ข่าวทั่วไป Tuesday May 27, 2014 10:48 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--27 พ.ค.--ร.พ.ศิริราช ปิยมหาราชการุณญ์ โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ (SiPH) จัดกิจกรรมเวิร์กช้อปสุขภาพ ในหัวข้อ “ผู้สูงอายุกับโรคไต" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “อาสาสมัครใจ SiPH 2gether Caring & Sharing” สานต่อแนวคิด ผู้รับและผู้ให้ ในการดูแลสังคมด้วยคุณธรรมและจริยธรรม ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยเชิญ อ.นพ.สมเกียรติ วสุวัฏฏกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาคุณภาพ และอายุรแพทย์โรคไต ศูนย์โรคไต โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ มาให้ความรู้และแนะนำวิธีดูแลตนเองให้ปลอดจากโรคไต ว่า สมาคมโรคไตแห่งประเทศไทยระบุถึงสถานการณ์โรคไตในเมืองไทยปัจจุบัน พบว่า คนไทยเป็นโรคไตมากถึง 17% หรือประมาณ 10 ล้านคน จำนวนนี้เป็น ผู้ป่วยไตเสื่อมเรื้อรัง จำเป็นต้องฟอกเลือดหรือล้างไตผ่านช่องท้องมากถึง 47,000 คน (ข้อมูลจากสมาคมโรคไต ปี 2554) สาเหตุเกิดจากโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงมากที่สุดประมาณ 60-70% โดยวิธีสังเกต อาการโรคไตนั้นวิธีที่ง่ายที่สุดและได้ผลชัดเจนที่สุดคือการเจาะเลือดตรวจ โดยเฉพาะคนที่อายุ 40 ปีขึ้นไป ควรตรวจอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อเช็คสภาพของไต และผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคไตเรื้อรังที่ควรเข้ารับ การตรวจคัดกรองโรค ได้แก่ ผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป มีโรคประจำตัวที่เป็นสาเหตุของโรคไตเรื้อรัง ได้รับสารพิษหรือยาที่ทำลายไต มีมวลเนื้อไตลดลง ทั้งที่เป็นมาแต่กำเนิด หรือเป็นภายหลัง มีประวัติโรคไต เรื้อรังในครอบครัว “ สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นโรคเรื้อรังมาก่อนโอกาสที่จะเป็นโรคไตนั้น ก็มีโอกาสเป็นได้ บางคนอาจจะเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น เป็นนิ่วที่ไต ก็เกิดโรคไตได้ หรือว่ามีการอักเสบของหลอดเลือดฝอยที่ไต อย่าง โรค SLE ที่เป็นหลอดเลือดฝอยอักเสบ พวกนี้มักจะบวมแล้วมีเลือดออก หรือว่าเรื่องเกี่ยวกับการรับประทานยา โดยเฉพาะยาแก้ปวดทั้งหลาย พวกเอ็นเสท ยาแก้ปวดพวกแอสไพริน หากกินมาเป็นเวลานาน แล้วเรื้อรัง ก็อาจทำให้มีเรื่องของไตวายเข้ามาได้” อายุรแพทย์โรคไตกล่าว นอกจากนี้ การรับประทานผลไม้บางประเภท เช่น มะเฟือง เชอรี่ ลูกเหนียง ก็อาจจะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคได้ หากรับประทานในปริมาณที่มาก เนื่องจากในมะเฟืองจะมีออกซาเลตสะสมอยู่มาก เป็นสาเหตุทำให้เกิดนิ่วได้ และหากเกิดการอุดตันในเนื้อไต และท่อไต อาจเกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้ ส่วนเชอรี่ เป็นผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง ในเมล็ดมีสารไฮโดรเจนไซนาไนต์ โดยเฉพาะเวลาเคี้ยว บด จะทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ สับสน วิตกกังวลและอาเจียน ทำให้มีปัญหาเรื่องหัวใจและความดันโลหิตได้ อ.นพ.สมเกียรติ ยังบอกอีกว่า ในบางกรณีถ้าตรวจเช็คดูแล้วพบว่าเราเป็นนิ่ว แก้ปัญหาได้ ก็ไม่มีปัญหาสู่ไตวายระยะสุดท้าย หรือหากเป็นไตอักเสบแล้วเราสามารถรักษาได้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร หรือแม้กระทั่งเป็นเบาหวาน หรือความดันสูง หากเราสามารถควบคุมให้ดีขึ้น ทั้งควบคุมเบาหวาน ควบคุมอาหารต่างๆ ให้ดีขึ้น ลดเค็มครึ่งหนึ่ง พวกนี้ก็สามารถชะลอการเสื่อมของไตได้ รวมถึง สาเหตุอื่นๆ เช่น การรับประทานยาแก้ปวด ถ้าหยุดยาแก้ปวดได้ เหล่านี้ก็จะชะลอ หรือว่าลดการเกิดเรื่องโรคไตได้ หากเป็นโรคนี้ขึ้นมาแล้วค่าใช้จ่ายในการ ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมไม่ว่าจะเป็นล้างทางช่องท้อง หรือว่าไต เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2 แสน/คน/ปี “สัญญาณที่บ่งชี้ว่าจะต้องเข้ามารับการตรวจร่างกายหากคิดว่าป่วย เช่น คนที่มีอายุมากกว่า 40 ปี ขึ้นไปควรเช็คเรื่องเกี่ยวกับหน้าที่การทำงานของไต หรือเราเช็คดูเองได้เวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงความผิดปกติของหลอดเลือดไม่ว่าจะเป็นความดันสูง จะมีโปรตีนรั่วออกมา ก็เช็คปัสสาวะ ว่าเป็นฟองมากขึ้น หรือเป็นฟองนานผิดสังเกตหรือไม่ หรือเช็คอาการบวมก็มีที่ก้นกบ และหน้าแข้ง หรือว่าที่เท้า เวลาบวมจะนูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ตึงขึ้น เมื่อกดแล้วจะบุ๋มลงไป” ส่วนในเรื่องผู้หญิงไทยมักนิยมกินอาหารเสริม หรือพวกกลุ่มกลูต้า เรื่องนี้ อ.นพ.สมเกียรติ ระบุต่อว่า เรื่องนี้ยังไม่เห็นรายงานว่าสิ่งเหล่านี้จะมีปัญหากับไตหรือไม่ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ กลุ่มพวกวิตามินบางตัว เช่น พวกที่มีอ็อกทาลิกมากๆ หากทานในปริมาณโดสสูงเกินไปเพื่อให้เห็นผลที่ไวขึ้น พวกนี้อาจจะมีผลต่อการทำงานของระบบในร่างกาย ซึ่งจริงๆ เราไม่จำเป็นต้องหันมากินอาหารเสริมพวกนี้เลย เพียงแค่ทานผักผลไม้ก็นับว่าดีต่อสุขภาพแล้ว รวมถึง ทำจิตใจให้สบาย เพราะความเครียด จะส่งผลให้ความดันโลหิตสูง เลือดไปเลี้ยงไตไม่เพียงพอ จนกระทบต่อไต พักผ่อนให้เพียงพอ ลดกิน อาหารเค็ม อาหารประเภทเนื้อสัตว์ และควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อชะลอความเสื่อมของไตอีกด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ