บลจ.ไทยพาณิชย์ปันผล 3 กอง LTF กว่า 650 ล้าน ชี้ทิศทางลงทุนครึ่งปีหลังสดใสจากปัจจัยบวกทางเศรษฐกิจ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 15, 2014 13:29 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--15 ก.ค.--PRDD นายสมิทธ์ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุน LTF สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2556 - วันที่ 30 มิถุนายน 2557 พร้อมกัน 3 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 (SCBLT1) จ่ายปันผลในอัตรา 0.35 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวอินเตอร์ (SCBLT4) จ่ายปันผลในอัตรา 0.31 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต (SCBLTT) จ่ายปันผลในอัตรา 0.26 บาทต่อหน่วย รวมมูลค่าประมาณ 658 ล้านบาท โดยจะจ่ายในวันที่ 22กรกฎาคมศกนี้ นายสมิทธ์กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของทั้ง 3 กองทุนดังกล่าวอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยกองทุน SCBLT1 เน้นลงทุนหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีนโยบายหรือมีการจ่ายปันผลอยางสม่ำเสมอ เฉลี่ยในปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 และไม่เกินร้อยละ 70 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม ซึ่ง ณ วันที่ 10 ก.ค.57 มีผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 13.97% ที่ผ่านมีการจ่ายเงินปันผลไปแล้ว 13 ครั้ง เป็นจำนวนเงินรวม 3.06 บาท กองทุน SCBLT4 เน้น ลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีพื้นฐานดี มั่นคง และมีแนวโน้มเจริญเติบโตสูง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม และมีนโยบายลงทุนในต่างประเทศ ไม่เกินกว่าร้อยละ 35 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม มีผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 16.13% ซึ่งตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2550 จนถึงปัจจุบัน ได้จ่ายปันผลไปแล้ว 6 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1.34 บาท ส่วนกองทุน SCBLTT เน้นลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีพื้นฐานดี มั่นคง และมีแนวโน้มเจริญเติบโตสูง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของมูลค่าทรัพย์สินของกองทุนรวม มีผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนอยู่ที่ 23.28 % โดยตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2550 จ่ายเงินปันผลไปแล้ว 8 ครั้ง รวมเป็นเงิน 2.04 บาท นายสมิทธ์ กล่าวว่า ทิศทางการลงทุนเริ่มดีขึ้น เนื่องจากแผนปฏิรูปเศรษฐกิจที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช) ได้ดำเนินการเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมแล้วหลายโครงการ นอกจากนี้ ยังได้จัดทำและผ่านงบประมาณในปี 2558 ซึ่งรวมถึงแผนการเกี่ยวกับโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 5-7 ปีด้วย ปัจจัยเหล่านี้ ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าในระยะสั้น-ระยะกลางเศรษฐกิจจะเริ่มเดินหน้าได้ ซึ่งจะส่งผลให้การลงทุนของบริษัทต่างๆ ที่เคยระงับไว้ก่อนจากความไร้ทิศทางของเศรษฐกิจเริ่มมีความมั่นใจและทยอยดำเนินการ จนในที่สุดการบริโภคและการท่องเที่ยวจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ในขณะที่ในระยะยาว เศรษฐกิจจะเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ จากปัจจัยบวกดังกล่าว ส่งผลทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อไปได้ เนื่องจากการเดินหน้าของเศรษฐกิจจะทำให้มีการปรับประมาณการณ์ผลกำไรของบริษัท จดทะเบียนในครึ่งปีหลัง 2557 และปี2558 ขึ้นจากเดิม ประกอบกับคาดว่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาบ้างจากนักลงทุนต่างประเทศซึ่งขายหุ้นออกไปเป็นจำนวนมากถึง 240,000 ล้านบาท ตั้งแต่ปีก่อนหลังจากการมีรัฐบาลแต่งตั้งและคาดว่านักลงทุนต่างประเทศจะกลับเข้ามาเต็มที่เมื่อมีการเลือกตั้ง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ