ทราบหรือไม่!! ผู้หญิง 1 ใน 4 มี “เนื้องอกในมดลูก”

ข่าวทั่วไป Tuesday August 19, 2014 15:45 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--19 ส.ค.--โรงพยาบาลปิยะเวท สาว ๆ หลายคนคงเคยได้ยินกับชื่อ โรคเนื้องอกในมดลูก กันมาบ้างแล้ว บางคนถึงกับตกใจและเกิดความกังวลใจ บางคนเข้าใจสับสนกับซีสต์หรือเข้าใจเลยเถิดว่าเป็นมะเร็ง แต่ความจริงแล้วโรคนี้จะไม่น่ากลัวอย่างที่คิด หากตรวจพบตั้งแต่เริ่มแรกและได้รับการรักษาที่ถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัย นพ.ภานุพงศ์ พันธ์เมธาฤทธิ์ สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลปิยะเวท ให้ความรู้กับเราว่า “ผู้หญิงหลายคนมีความเข้าใจที่สับสนเกี่ยวกับซีสต์และเนื้องอก ซึ่งโดยปกติแล้วในมดลูกจะไม่ค่อยมีซีสต์ เพราะองค์ประกอบส่วนใหญ่ของมดลูกเป็นกล้ามเนื้อ ซีสต์มีองค์ประกอบเป็นของเหลว และมักเกิดในอวัยวะสืบพันธุ์ เช่น รังไข่ ท่อรังไข่ หรือปากมดลูก ที่ผิดปกติในมดลูกมักเป็นเนื้องอกมากกว่า เนื้องอกในมดลูกเป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้หญิง โดยพบประมาณร้อยละ 25 ของผู้หญิงวัย 35 ปีขึ้นไป และพบ 1 ใน 3 ของผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ อาจพบที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งในตัวมดลูก มีขนาดต่าง ๆกันไป บางชนิดโตช้า บางชนิดโตเร็ว อาจจะมีก้อนเดียวหรือหลายก้อนก็ได้ ซึ่งความน่าเป็นห่วงของโรคนี้คือ ผู้หญิงหลายคนไม่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคนี้ หรือกำลังอยู่ในกลุ่มเสี่ยง เพราะไม่มีอาการแสดงใด ๆ จนพบว่าตัวเองเป็นเนื้องอกในมดลูก โดยบังเอิญจากการตรวจสุขภาพประจำปีหรือการมาปรึกษาแพทย์ด้วยโรคอื่น ๆ ทั้งนี้ เนื้องอกของมดลูกมีชนิดธรรมดา และชนิดที่เป็นมะเร็ง โดยเนื้องอกส่วนใหญ่เกิดจากชั้นกล้ามเนื้อของมดลูก เรามักพบเจอเนื้องอกธรมดาทั่วไปมากกว่า ซึ่งก็มีเนื้องอก 2 แบบใหญ่ ๆ คือ เกิดจากกล้ามเนื้อโดยตรง หรือเกิดจากมีเนื้ออย่างอื่น (เช่น เนื้อเมนส์) แทรกเข้าไปในกล้ามเนื้อ แล้วทำให้มันโตขึ้นมา โดยอาจโตแบบกระจาย โตทั้งลูกเท่า ๆ กัน หรือแทรกแบบจุด ๆ แล้วจึงรวมกันเป็นก้อน อาจปูดด้านซ้าย ด้านขวา ด้านบน หรือด้านล่างของมดลูก เป็นต้น หรืออีกชนิดหนึ่งคือ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่แทรกเข้ามาในมดลูก หรือมีหลายเม็ดเกาะกันเป็นกลุ่มจนใหญ่ขึ้น ชนิดนี้เป็นเนื้องอกชนิดเยื่อบุมดลูกแทรกเข้ามา คืองอกผิดที่ สำหรับอาการสงสัยว่าเป็นเนื้องอกในมดลูกคือ ประจำเดือนมามากผิดปกติ จะปวดท้องหรือไม่ปวดก็ได้ อาการปวดท้องจากเนื้องอกส่วนใหญ่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเนื้องอก ซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นจนเลือดไปเลี้ยงเนื้องอกไม่พอ จนทำให้เนื้องอกขาดเลือด หรือเนื้องอกไปกดเบียดอวัยวะอื่น ๆ เช่น กดกระเพาะปัสสาวะ กดลำไส้ใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ ก็จะทำให้เกิดการปวดแบบหน่วง ๆ เหมือนมีก้อนหนัก ๆ ในท้อง และทำให้ปัสสาวะบ่อย ท้องผูก ประจำเดือนมามากในระหว่างมีรอบเดือน หรือมีอาการปวดท้องขณะมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที สำหรับการพิจรณารักษาเนื้องอกของผู้ป่วยแต่ละรายจะขึ้นอยู่กับอาการ ลักษณะของเนื้องอก และปัจจัยโดยรวมของผู้ป่วย เช่น อายุ ความต้องการในการมีบุตร การตั้งครรภ์ เป็นต้น มาพิจารณาร่วมกันเพื่อหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุด บางรายอาจจะแค่รับประทานยา บางรายแพทย์อาจต้องแนะนำให้ผ่าตัด หรือในผู้ป่วยบางรายแพทย์แนะนำให้ตัดรังไข่ร่วมด้วยเพื่อป้องกันการเกิดมะเร็งรังไข่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาจากตัวโรคเป็นสำคัญ ในปัจจุบันเทคโนโลยีการผ่าตัดที่ได้รับความนิยมคือการผ่าตัดผ่านกล้อง ซึ่งมีขนาดแผลที่เล็ก ลดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด และใช้เวลาพักฟื้นน้อย ทำให้ไม่กระทบต่อชีวิตประจำวันของคนไข้มากนัก” อย่างไรก็ตามการผ่าตัดเนื้องอกในมดลูกโดยที่ไม่ได้เอามดลูกออกร่วมด้วยนั้น ก็ยังมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นเนื้องอกซ้ำได้อีก ฉะนั้นทางที่ดีที่สุดคือคุณสาว ๆ ควรเข้ารับการตรวจภายในอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง เพื่อตรวจหาความผิดปกติของมดลูก เป็นการป้องกันตัวเองในเบื้องต้น เพราะหากตรวจพบเร็ว ได้รับการรักษาเร็ว ผลการรักษาก็ย่อมดีไปด้วย แล้วสาว ๆ รักสุขภาพเช่นคุณ ปีนี้ไปตรวจสุขภาพกันมาหรือยัง!!! วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม 2557 เวลา 09.00 – 12.00 น. โรงพยาบาลปิยะเวท ร่วมกันจัดงานเสวนา “เนื้องอกในมดลูก อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม” รับบริการตรวจอัลตร้าซาวด์มดลูกหาเสี่ยงในการเป็นเนื้องอกในมดลูก (จำกัดจำนวน 30 ท่าน) ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ได้ในงาน วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม 2557 เวลา 09.00 – 12.00 น. ณ โถงกิจกรรมชั้น 2 โรงพยาบาลปิยะเวท สอบถามรายละเอียด และสำรองที่นั่งโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายที่ Call Center โทร. 02-625 6555 หรือ www.piyavate.com
แท็ก มะเร็ง  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ