เปิดปัจจัยขับเคลื่อนการบริหารผู้มีศักยภาพและผู้นำในกลุ่มแพทย์

ข่าวทั่วไป Thursday August 21, 2014 11:30 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--21 ส.ค.--เฮย์กรุ๊ป อย่างที่ทราบกันว่าธุรกิจด้านการดูแลสุขภาพมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ บุคคลากรในธุรกิจ เช่น แพทย์และพยาบาล นับว่าเป็นอาชีพที่มีความท้าทายและมีความกดดันในการทำงานสูง โดยเฉพาะบุคคลากรที่ต้องดำรงตำแหน่งผู้นำหรือผู้บริหาร ซึ่งบทบาทของผู้นำในทางการแพทย์นั้นมีการเปลี่ยนแปลงและถูกคาดหวังเป็นอย่างมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดความท้าทายทั้งต่อตัวบุคคลและองค์กรในการพัฒนาผู้นำให้มีความพร้อมในระยะเวลาอันสั้น ความคาดหวังดังกล่าวได้กระตุ้นให้เกิดแนวคิดใหม่ๆ ในการมีระบบที่สามารถสร้างและพัฒนาผู้นำในกลุ่มแพทย์ที่มีความจำเป็นในอนาคตออกมาได้ ซึ่งหากมองให้ลึกลงไปแล้ว คงไม่ใช่แค่การจะพัฒนาผู้นำแต่ละคนอย่างไร แต่ต้องมองว่าเราจะบริหารผู้มีศักยภาพและผู้นำในกลุ่มแพทย์อย่างไร ซึ่งจากประสบการณ์และผลการศึกษาของ เฮย์กรุ๊ป บริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารองค์กรและบุคคลากรชั้นนำ เราได้สำรวจผู้นำและผู้บริหารทั้งในกลุ่มแพทย์และกลุ่มสายอาชีพอื่นๆ เพื่อศึกษาในประเด็นนี้อย่างละเอียดลงไป จากการสอบถามผู้เข้าร่วมการสำรวจเกี่ยวกับแผนที่จะดำรงตำแหน่งผู้นำและความมั่นใจว่าจะมีผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำในธุรกิจทางการแพทย์และการรักษาพยาบาล พบว่าคำตอบได้สร้างความท้าทายต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก โดยร้อยละ 45 ของผู้นำในกลุ่มแพทย์นั้น ไม่มั่นใจว่าจะดำรงตำแหน่งเป็นเวลามากกว่า 5 ปี ในขณะเดียวกันผู้นำร้อยละ 58 ก็มีความมั่นในเพียงน้อยนิด หรือไม่มีความมั่นใจว่าจะมีผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำในธุรกิจนี้ “วัฒนธรรมและบริบทของงานด้านการดูแลสุขภาพ ก่อให้เกิดการขาดแคลนผู้นำและผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความยากในการนำบุคคลากรในวิชาชีพอื่นมาบริหารงาน การที่แพทย์สามารถสร้างรายได้หลักได้จากการรักษา รวมไปถึงการที่ต้องบริหารจัดการเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้เกิดปัญหาในการบริหารผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำในกลุ่มแพทย์ เห็นได้จากผลการสำรวจที่ชี้ว่าร้อยละ 82 ของผู้นำในกลุ่มแพทย์มองว่าตำหน่งผู้นำและผู้บริหารไม่สามารถดึงดูดผู้มีศักยภาพเพื่อเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งงาน” ภานุวัฒน์ กาญจะโนสถ ที่ปรึกษาอาวุโสบริษัท เฮย์กรุ๊ป กล่าว เฮย์กรุ๊ปพบว่าปัจจัยที่ทำให้บทบาทหรือตำแหน่งผู้นำไม่มีความน่าดึงดูดนั้นสามารถสรุปออกมาได้ 5 กลุ่มดังนี้ 1. การบริหารงานด้านการรักษาและบทบาทการเป็นผู้นำหรือผู้บริหาร ผู้นำในกลุ่มแพทย์เห็นว่า ข้อจำกัดทางด้านเวลาในการเป็นผู้บริหาร ความยืดหยุ่นในการรับงานด้านคลินิก และโอกาสในการทำงานด้านการรักษาอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยที่ทำให้ตำแหน่งผู้นำหรือผู้บริหารไม่น่าสนใจ โดยผลกระทบในเรื่องของเวลานั้นเป็นปัจจัยหลักที่ผู้นำกว่าร้อยละ 90 ลงความเห็นตรงกัน จากผลศึกษาจึงชี้ให้เห็นว่าผู้นำในธุรกิจนี้ยังคงต้องการที่จะทำงานด้านการแพทย์ต่อไปอยู่ 2. ขาดความสัมพันธ์ที่ดี ผู้ถูกสำรวจลงความเห็นว่าการขาดการสนับสนุนด้านการจัดการเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตำแหน่งผู้นำไม่น่าดึงดูด ซึ่งการสนับสนุนหมายรวมถึงการสนับสนุนด้านการจัดการที่ดี ความสัมพันธ์ในการทำงานที่ดี และความเชื่อใจของทีมงานระดับสูงด้วย 3. การสนับสนุนจากเพื่อนร่วมงาน แม้ผู้นำในกลุ่มที่ไม่ใช่ธุรกิจการดูแลสุขภาพจะลงความเห็นว่าการบริหารเพื่อนร่วมงานที่มักจะสร้างความท้าทาย เป็นเหตุผลที่ทำให้คนไม่ต้องการดำรงตำแหน่งผู้นำ แต่สำหรับผู้นำในกลุ่มแพทย์นั้น แม้จะเห็นว่าสิ่งนี้เป็นอุปสรรคแต่ก็ไม่ได้นับว่าเป็นปัจจัยหลัก การได้รับการสนับสนุนที่ดีจากบุคคลากรในกลุ่มแพทย์เป็นสิ่งสำคัญมากกว่า นอกจากนั้นยังมีเรื่องความยากในการทำให้เพื่อนร่วมงานรับผิดชอบงานและทำให้เกิดเป็นผลลัพธ์ที่ตนเองต้องการอีกด้วย 4. ขาดแคลนทรัพยากร การขาดแคลนทรัพยากรในการทำงานให้สำเร็จ โดยเฉพาะทรัพยากรด้านการจัดการและทรัพยากรด้านการเงิน ถือเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ตำแหน่งผู้นำไม่น่าดึงดูด 5. สถานะที่ไม่เหมาะสม ผู้นำในกลุ่มอื่นจะให้ความสำคัญกับค่าตอบแทนมากกว่าผู้นำในกลุ่มแพทย์ แต่สำหรับผู้นำในกลุ่มแพทย์นั้นประเด็นหลักน่าจะเป็นเรื่องของคุณค่าและความสำคัญของตำแหน่ง ซึ่งอาจส่งผลถึงค่าตอบแทนและเส้นทางสายอาชีพ แม้จะมีหลายปัจจัยที่ทำให้แพทย์ไม่อยากรับบทบาทของผู้นำ แต่สิ่งที่ทำให้ตำแหน่งนี้น่าดึงดูดสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประการ ดังนี้ 1. ให้มากกว่าแค่การพัฒนา ผู้ถูกสำรวจที่ไม่ใช่กลุ่มแพทย์มองว่าสิ่งที่จะดึงดูดผู้นำในกลุ่มแพทย์คือการให้ความสำคัญในการฝึกอบรมและการพัฒนา ซึ่งแม้ว่าผู้นำในกลุ่มแพทย์เองจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ แต่ยังมองในมุมที่กว้างกว่านั้น ได้แก่ - ความชัดเจนของบทบาทหน้าที่ในตำแหน่งผู้นำ - การสนับสนุนให้เข้าใจและการพัฒนาบทบาทของผู้นำตั้งแต่เริ่มรับตำแหน่ง - การประเมินอย่างสม่ำเสมอและการเรียนรู้จากประสบการณ์ในการทำงานจริงและการวางแผนเส้นทางอาชีพ - ความยืดหยุ่นในเส้นทางอาชีพที่ช่วยให้ผู้นำสามารถบริหารเวลาได้ระหว่างงานทางด้านการแพทย์ (clinical works) และงานบริหาร - การสนับสนุนในการย้ายเข้าและออกจากตำแหน่งผู้นำหรือตำแหน่งทางการแพทย์ 2. การสร้างการรับรู้ในตำแหน่งและสถานะ สถานะของตำแหน่งผู้นำมีความสำคัญและมีผลโดยตรงกับการได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมงาน การวางสถานะของตำแหน่งให้มีคุณค่าและความสำคัญจึงเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงเป็นอย่างมาก ซึ่งการสร้างระดับและสถานะนั้นได้แก่ - การพัฒนาและสร้างบทบาทให้เป็นที่ยอมรับ - การสร้างการรับรู้ในผลงาน - การให้ผู้นำในกลุ่มแพทย์แสดงถึงคุณค่าของบทบาทผู้นำ แม้ว่าค่าตอบแทนจะเป็นปัจจัยที่แพทย์เห็นว่ามีผลกระทบอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด อย่างไรก็สิ่งที่ต้องคำนึงถึงควรจะเป็นในเรื่องของ “ความยุติธรรม” และ “ความเสมอภาค” ระหว่างค่าตอบแทนของตำแหน่งผู้บริหารกับงานทางด้านการแพทย์ 3. การได้รับการสนับสนุน ความสัมพันธ์กับผู้จัดการระดับปฏิบัติการและการสนับสนุนจากผู้จัดการเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้นำในกลุ่มกลุ่มแพทย์คำนึงถึง จากการเปลี่ยนแปลงในช่วงที่ผ่านมา แม้บุคคลากรการแพทย์จะถูกผลักดันให้เป็นผู้นำ แต่ผลการศึกษาก็พบว่าผู้นำในกลุ่มธุรกิจการแพทย์ไม่ได้ต้องการทำงานคนเดียว การทำงานเป็นทีมยังคงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งการสนับสนุนที่ผู้นำในกลุ่มธุรกิจนี้ต้องการได้แก่ - การได้รับทรัพยากรที่จำเป็นต่อการทำงานให้สำเร็จ - การได้รับการพัฒนาและการฝึกอบรมที่จำเป็นสำหรับตำแหน่งนี้ - การได้รับการสนับสนุนและความเชื่อถือจากเพื่อนร่วมบริหารงานในระดับสูงหรือระดับที่เท่าเทียมกัน ภานุวัฒน์กล่าวทิ้งท้ายว่า “การมุ่งเน้นแค่การพัฒนาผู้นำเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการรับมือกับความท้าทายในการบริหารผู้มีศักยภาพและผุ้สืบทอดตำแหน่งผู้นำในกลุ่มแพทย์ การสร้างคุณค่าในบทบาทผู้นำ และการสนับสนุนให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารสายอาชีพระหว่างงานรักษาและงานบริหาร เป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดและสร้างผู้นำในกลุ่มแพทย์ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการผลักดันให้เกิดการพัฒนาระบบสาธารณสุขที่มีคุณภาพในอนาคตอย่างยั่งยืน”

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ