ผู้นำองค์กรควรทุ่มเทเวลาให้กับการมีปฏิสัมพันธ์หรือการบริหารจัดการมากกว่ากัน

ข่าวทั่วไป Thursday August 28, 2014 09:09 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--28 ส.ค.--ดีดีไอ บริษัท ดีดีไอ ที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการความสามารถ (Talent Management Consultancy) ระดับโลก และเดอะคอนเฟอเรนซ์บอร์ด สมาคมด้านการวิจัยจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยข้อมูลงานวิจัยชิ้นใหม่ในหัวข้อ The Global Leadership Forecast (GLF) 2014|2015, Ready-Now Leaders: Meeting Tomorrow’s Business Challenges พบว่าองค์กรต่างๆ ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการมากกว่าการมีปฏิสัมพันธ์ และนั่นกำลังกลายเป็นปัญหา รายงานฉบับที่เจ็ด นับตั้งแต่บริษัทดีดีไอได้เริ่มทำงานวิจัยชิ้นนี้ในปี พ.ศ.2542 ได้รวบรวมคำตอบจากกลุ่มผู้นำองค์กรระดับโลกจำนวน 13,124 คน และผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล 1,528 คนที่ทำงานอยู่ในองค์กรชั้นนำ 2,031 แห่ง ครอบคลุมใน 48 ประเทศและ 32 อุตสาหกรรมหลักๆ ภายใต้ความร่วมมือทั้งในระดับนานาชาติและระดับท้องถิ่น ผู้นำองค์กรหลายคนมักถามตัวเองว่า: อะไรคือความแตกต่างระหว่างการบริหารจัดการและการเป็นผู้นำ และสิ่งไหนมีความสำคัญมากกว่ากัน เราเลือกที่จะตีกรอกประเด็นนี้ใหม่ด้วยการพิจารณาไปที่การบริหารจัดการ และการมีปฏิสัมพันธ์มากกว่า "การบริหารจัดการ" คือเวลาที่ใช้ในการวางแผน การทำงานด้านบริหารจัดการ การกำหนดเวลา ขณะที่ "การมีปฏิสัมพันธ์" คือเวลาที่ใช้ในการสนทนากับผู้อื่น เช่น เพื่อนร่วมงาน สมาชิกในทีม ผู้บังคับบัญชา และลูกค้า เราตั้งสมมติฐานว่าการมีปฏิสัมพันธ์นั้นมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้ผู้นำองค์กรก้าวสู่ความสำเร็จมากกว่าการบริหารจัดการ ในบทความของนิตยสาร McKinsey Quarterly ผู้เขียนชี้ให้เห็นว่าคุณภาพของการมีปฏิสัมพันธ์นั้นช่วยเสริมศักยภาพในด้านการสร้างความแข็งแกร่ง ความได้เปรียบในการแข่งขัน และการแสดงบทบาทในการเป็นผู้นำได้อย่างเหมาะสม เราพบว่าผู้นำองค์กรในปัจจุบันใช้เวลาโดยเฉลี่ยประมาณ 41 เปอร์เซ็นต์ในการบริหารจัดการ ซึ่งเป็น ที่รับรู้กันว่าผู้นำระดับอาวุโสขององค์กรให้ความสำคัญกับความสามารถด้านการบริหารจัดการมากกว่าการสร้างสัมพันธภาพระหว่างบุคคล แต่เมื่อถามถึงความต้องการที่แท้จริงแล้วพบว่าผู้นำองค์กรต้องการใช้เวลาในด้านการมีปฏิสัมพันธ์มากกว่าการบริหารจัดการถึงสองเท่า องค์กรที่เพิกเฉยต่อการสร้างสมดุลของเวลาที่ใช้ในการบริหารจัดการและการมีปฏิสัมพันธ์จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างมาก และการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการก่อให้เกิด?ความพึงพอใจในงานน้อย มีอัตราการเปลี่ยนงานสูง และความผูกพันในกลุ่มผู้นำอยู่ในระดับต่ำ ถ้าองค์กรใช้เวลากับการมีปฏิสัมพันธ์เทียบเท่ากับการบริหารจัดการ พวกเขาก็จะเป็นผู้นำองค์กรที่แข็งแกร่งขึ้น อีกทั้งยังเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับประสิทธิภาพทางการเงินที่ดีกว่าเดิม ทั้งนี้ บริษัท ดีดีไอ ได้ประเมินผู้นำองค์กรนับพันราย โดยเน้นไปที่ทักษะด้านการมีปฏิสัมพันธ์ที่สำคัญ ดังนี้ 1. รักษาหรือเพิ่มความภาคภูมิใจในตนเอง 2. รับฟังและตอบสนองด้วยความเห็นอกเห็นใจ 3. ขอความช่วยเหลือและสนับสนุนให้มีส่วนร่วม 4. แบ่งปันความคิด ความรู้สึก และหลักการที่มีเหตุผล 5. ให้การสนับสนุนโดยไม่ต้องถอดถอนความรับผิดชอบ 6. อำนวยความสะดวกด้านการพูดคุยเรื่องต่างๆ สรุปจากรายงานดังกล่าวพบว่าผู้นำองค์กรส่วนใหญ่ยังขาดทักษะด้านการปฏิสัมพันธ์อย่างมาก** จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้จัดการระดับอาวุโสจะประสบความยุ่งยากในการเป็นผู้นำองค์กรระดับแนวหน้า สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณา 1. องค์กรธุรกิจหรือหน่วยงานต่างๆ ต้องให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการและสัมพันธภาพระหว่างบุคคลในสัดส่วนที่เท่ากัน ซึ่งนั่นจะนำไปสู่การประสบความสำเร็จ และระดับความผูกพันของพนักงานจะเพิ่มสูงขึ้น เมื่อผู้นำองค์กรได้รับรู้ถึงความคิดเห็นที่บุคคลอื่นมีต่อตน 2. ระบบการสรรหาและการเลื่อนตำแหน่งควรมีการวัดทักษะด้านการมีปฏิสัมพันธ์ด้วย เนื่องจากส่วนใหญ่จะเน้นทักษะทางเทคนิคมากกว่าทักษะด้านการเป็นผู้นำ 3. การสร้างการมีปฏิสัมพันธ์ทางบวกไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็สามารถฝึกฝนและพัฒนาได้ ความสมบูรณ์แบบสร้างได้ด้วยการฝึกฝน เราพบว่าผู้นำองค์กรที่ใช้เวลาในการมีปฏิสัมพันธ์มากกว่าจะมีทักษะเหล่านี้มากยิ่งขึ้น ได้แก่ การโค้ชและการพัฒนาผู้อื่น การสื่อสารและการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น การพัฒนาเครือข่าย/พันธมิตรที่เข้มแข็ง การสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมที่เกิดจากพนักงาน การระบุและพัฒนาความสามารถในอนาคต

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ