กรุงเทพฯ--22 ก.ย.--KTAM
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทประสบความสำเร็จในการเปิดขายกองทุนเปิดกรุงไทย5% ทริกเกอร์ ฟันด์ 3 ( TRIG5-3 ) โดยใช้ระยะเวลาในการถึงเป้าหมายเพียงแค่ 13 วันทำการ หลังจากจดทะเบียนจัดตั้งกองทุน ในวันที่ 8 สิงหาคม 2557 โดยกองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 5.55% ในขณะที่ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.42%
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มี Upside ข้างค่อนจำกัด แต่ด้วยกลยุทธ์ที่กองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นเป็นรายตัวที่มีศักยภาพในการเติบโต เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ และ ภาพรวมทางเศรษฐกิจไทยในอนาคต มีปัจจัยหลายอย่างที่ช่วยสนับสนุนให้ขยายตัวได้ดี ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่มีหลายโครงการสามารถทำได้ทันที เพียงรอการอนุมัติจากรัฐบาล ซึ่งได้มีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีแล้ว คาดว่าโครงการต่าง ๆ จะเริ่มทยอยออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น รวมถึงนโยบายที่มุ่งเน้นสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร กระตุ้นการท่องเที่ยวของไทย ล้วนเป็นส่วนช่วยกระตุ้นการจ้างงาน การอุปโภค บริโภคภายในประเทศให้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาคเอกชนขยายตัวการลงทุน เป็นส่วนช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจของไทยขยายตัวได้ดี สามารถโตได้ไม่ต่ำกว่า 4-5% ในปีหน้า ซึ่งหลักทรัพย์ที่ได้รับประโยชน์จากนโยบายดังกล่าวนั้นยังคงไม่แพง หากเทียบกับดัชนี ที่ปรับตัวขึ้นมา ค่า P/E ยังคงอยู่ในระดับค่าเฉลี่ย และบางตัวต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอยู่ จึงมีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ไม่ยาก และดัชนีหลักทรัพย์ของไทยมีโอกาสที่จะถูกปรับเพิ่มมีสูง ฉะนั้นโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนในตลาดหลักทรัพย์ของไทยในระดับที่ดีนั้นเป็นไปได้ไม่ยาก บริษัทจึงมองว่าเป็นโอกาสดีที่จะเข้าไปลงทุน
นอกจากนี้ การที่เฟดยังคงมีนโยบายตรึงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไปอีก คลายความกังวลให้แก่นักลงทุนที่เกรงว่าเฟดอาจจะขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดหลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลายตัวออกมาดี อีกทั้งทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน ( กนง.) ยังคงมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.00% ช่วยเอื้อประโยชน์ให้กระแสเงินทุนไหลเข้าตลาดหลักทรัพย์ต่อเนื่อง
บริษัทจึงเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทย5% ทริกเกอร์ ฟันด์ 4 ( TRIG5-4 ) ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 25 กันยายน 2557 มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ในราคาหน่วยลงทุนละ 10 บาท เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท โดยมีนโยบายลงทุนในหุ้น ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตราสารหนี้ เงินฝาก และ/หรือลงทุนในหลักทรัพย์ หรือ ทรัพย์สินอื่น หรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง ได้ตามที่สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนด ผู้จัดการลงทุนจะปรับสัดส่วนการลงทุนได้ตั้งแต่ร้อยละ0 ถึงร้อยละ 100 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะการณ์ในแต่ละขณะ
ทั้งนี้ บริษัทจะเลิกโครงการโดยอัตโนมัติ เมื่อหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.5555 บาท เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกันขึ้นไป และทรัพย์สินของกองทุนที่จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ จะต้องเป็นเงินสด หรือเทียบเท่าเงินสดทั้งหมด หลังจากนั้น บริษัทจะสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุนทั้งหมดไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์ หรือกองทุนรวมตลาดเงินอื่นที่บริษัทเปิดให้สับเปลี่ยนหน่วยลงทุน โดยมูลค่าหน่วยลงทุนที่คืนให้กับผู้ถือหน่วยต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 105 ของมูลค่าที่ตราไว้ที่ 10 บาท
ส่วนในกรณีที่ไม่เกิดเหตุการณ์ที่มูลค่าหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นจนเป็นเหตุให้เลิกกองทุนภายใน 6 เดือน นับจากวันจดทะเบียนกองทรัพย์สินเป็นกองทุนรวม บริษัทจัดการจะเปิดทำการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนทุกวันทำการ และหากในวันใดวันหนึ่งราคาหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.5555 บาท เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกันขึ้นไป บริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติ พร้อมสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนทั้งหมดไปยังกองทุนเปิดกรุงไทยสะสมทรัพย์