สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 9.00 น.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 26, 2014 10:11 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 ก.ย.--MTS Gold Group ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,213 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,218 เหรียญ/ออนซ์ (22.30 น.) ค่าเงินบาทปิด 32.27 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,500 บาท กับ 18,600 บาท และกลับมาปิดที่ 18,450 บาท กับ 18,550 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 767 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 4,453 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 1.7% แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 2.1% GFV14 ปิด 18,640 บาท และ GFZ14 ปิด 18,700 บาท GF10V14 ปิดที่ 18,640 บาท GF10Z14 ปิดที่ 18,690 บาท สัญญา Comex เพิ่มขึ้น 2.4 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,221.9 ดอลลาร์/ออนซ์ NYMEX เพิ่มขึ้น 5ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ระดับ 97 ดอลลาร์/บาร์เรล SPDR ถือครองทองคำที่ระดับ 773.45 ตัน ( คงทองเท่าเดิม) ข่าวที่สำคัญ ทองคำได้รับแรงสนับสนุนจากการเข้าซื้อทองคำของนักลงทุน หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯแสดงให้เห็นถึงภาวะซบเซา ขณะที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลดลงอย่างหนัก นักลงทุนจับตาไปยังข้อมูล GDP ของสหรัฐที่จะเปิดเผยในค่ำคืนนี้ เพื่อประเมินความแข็งแกร่งของสภาพเศรษฐกิจและการส่งผลกระทบต่อการพิจารณานโยบายทางการเงินของเฟด ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ อาจช่วยสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วนี้ๆ และจะช่วยสนับสนุนค่าเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าต่อเนื่อง ขณะที่ทองคำจะได้รับแรงกดดันในทิศทางขาลง เทรดเดอร์เชื่อว่าทองคำยังคงเปราะบางและกำลังจะหลุดระดับ 1,200 เหรียญ ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญทางจิตวิทยา จากแรงเทขายของกลุ่มนักลงทุนที่อาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ ปริมาณการนำเข้าทองคำของจีนจากฮ่องกองยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องในเดือนสิงหาคม และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2011 ท่ามกลางปริมาณความต้องการทองคำจากผู้บริโภคที่ซบเซาทั่วโลก ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนประจำเดือนสิงหาคมของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 18.2% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากยอดสั่งซื้อเครื่องบินพลเรือนลดลงอย่างมาก บ่งชี้ให้เห็นถึงภาวะชะลอตัวของภาคการผลิตสหรัฐฯ ขณะที่จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงาน ปรับตัวสูงขึ้น 12,000 ราย สู่ระดับ 293,0000 ราย แสดงให้เห็นว่าภาคแรงงานยังคงมีความไม่แน่นอนในการฟื้นตัว ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น เนื่องจากผลความแตกต่างจากนโยบายของเฟดและอีซีบี ซึ่งวิเคราะห์ส่วนใหญ่ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ จะส่งผลให้เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในต้นปี 2015 ขณะที่อีซีบีอาจดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งเดือนพฤศจิกายน 2012 ที่ระดับ 1.2747 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.2781 ดอลลาร์/ยูโร และค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นที่ระดับ 108.69 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 108.99 เยน/ดอลลาร์ นาย มาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการ BOE ส่งสัญญาณว่า อาจมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงฤดูใบไม้ผลิของปี 2015 หลังจากค่าแรงปรับตัวสูงขึ้น และทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอังกฤษอยู่ในทิศทางเชิงบวก อย่างไรก็ดี ถ้อยแถลงดังกล่าวส่งผลให้ค่าเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นในทันทีเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรและแข็งค่าที่สุดในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ เขาเองต้องเฝ้าจับตานโยบายการเงินอย่างใกล้ชิดเนื่องจากประเทศกลุ่มสหภาพยุโรปยังคงใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำในเวลานี้ ตลาดการเงินมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในรัสเซีย หลังจากที่รัฐบาลรัสเซีย เสนอร่างกฎหมายต่อรัฐสภา เพื่อขออนุมัติการยึดทรัพย์สินของบริษัทต่างชาติที่อยู่ในดินแดนรัสเซีย เพื่อตอบโต้การคว่ำบาตรของชาติตะวันตก นายฟูมิโอะ คิชิดะ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ญี่ปุ่นพร้อมที่จะผ่อนคลายหรือยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อรัสเซีย หากรัสเซียดำเนินการที่จะนำไปสู่การคลี่คลายวิกฤตยูเครนอย่างสันติ อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนสิงหาคม บ่งชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่ BOJ กำลังเผชิญจากนโยบายการผลักดันราคาผู้บริโภคให้ปรับตัวสูงกว่า 2% เจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐฯ มีความกังวลว่าเครื่องบินทิ้งระเบิดของรัสเซียบินเหนือน่านฟ้าของสหรัฐฯ ซึ่งอาจเป็นรูปแบบการทำสงครามเย็นรูปแบบหนึ่งของรัสเซีย สำนักข่าว Reutures รายงานว่า เมื่อวานนี้ฝรั่งเศสมีการปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในอิรัก ขณะที่เครื่องบินรบสหรัฐฯและกลุ่มประเทศอาหรับทำการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันขนาดเล็กที่กลุ่ม IS ยึดครองทางตะวันออกของซีเรีย นายฟรองซัวร์ ออลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศสประกาศเพิ่มมาตรการความมั่นคงควบคู่กับมาตรการเฝ้าระวังเพื่อรับมือกับความเสี่ยงจากกลุ่มก่อการร้ายในประเทศ โดยเน้นไปยังพื้นที่สาธารณะแลการขนส่ง หลังกลุ่ม IS ข่มขู่ว่าจะโจมตีประชาชนชาวฝรั่งเศส เมื่อคืนนี้ ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิด -1.54% หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาแย่กว่าที่คาดการณ์ ทำให้ตลาดกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของภาคาการผลิต และตลาดยังได้รับแรงกดดันจากสถานะการณ์ตึงเครียดในรัสเซีย เช้านี้ ดัชนีนิเกอิเปิด -1.75% เพราะได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นดาวโจนส์ที่ร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.20 – 32.30 บาท/ดอลลาร์ โดยนักลงทุนจับตาไปยังตัวเลขGDP ของสหรัฐฯ ที่จะสะท้อนภาพรวมแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืน - Core Durable Goods Orders m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.7% ตัวเลขจริงที่ออกมาอยู่ที่ระดับ 0.7% - Durable Goods Orders m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 22.6% ตัวเลขจริงที่ออกมาอยู่ที่ระดับ -18.2% - Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 281K ตัวเลขที่ออกมาอยู่ที่ระดับ 293K ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้ -Final GDP q/q ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 4.2% ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 4.6% -Revised UoM Consumer Sentiment ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 84.6 ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 85.1 ทิศทางราคาทองคำ ราคาทองคำมีความผันผวนในตลาดซื้อขายเมื่อวานค่อนข้างมาก โดยที่ในช่วงต้นปรับตัวลดลงไปถึงระดับ 1,207 เหรียญ และกลับดีดตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และค่อยๆทรงตัว โดยยังมีการแกว่งหรือความผันผวนของราคาค่อนข้างมาก โดยที่มีจุดสูงสุดที่แกว่งขึ้นไปถึงระดับ 1,224 เหรียญ และกลับมาปิดตลาด COMEX ที่ระดับ 1,221.9 เหรียญ จากความผันผวนมีทั้งตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่ออกมาแย่ลง ได้แก่ คนว่างงานเพิ่มมากขึ้น รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่ออกมาแย่ลงเป็นประวัติการณ์ และการที่ฝรั่งเศสเริ่มเปิดฉากโจมตีกลุ่ม IS รวมถึงการที่สหรัฐฯและชาติอาหรับทำการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของกลุ่ม IS การปฏิบัติการดังกล่าวส่งผลให้เกิดความตึงเครียดทาง Geopolitics ขณะที่ SPDR ยังคงถือครองทองคำเท่าเดิม 773.45 โดยที่ค่าเงินดอลลาร์เองยังคงปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรและเยน โดยเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.2752 ยูโร/ดอลลาร์ และค่าเงินเยนที่ระดับ 108.86 เยน/ดอลลาร์ โดยที่ดัชนีดอลลาร์อยู่ที่ระดับ 85.17 ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลงมากกว่า 200 จุดและสูงที่สุดในรอบ 2 เดือน 1.54% จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดการณ์ ซึ่งในวันนี้จะมีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐอเมริกา ได้แก่ Final GDP และ Revised UoM Consumer Sentiment ซึ่งจะมีผลอย่างมากต่อค่าเงินดอลลาร์ และทองคำ โดยต้องจับตาดูผลที่จะออกมาอีกครั้ง วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ราคาทองคำยังคงทำจุดต่ำสุดใหม่ในรอบ 9 เดือนที่ระดับ 1,210 เหรียญ ในขณะที่มี Technical Rebound ขึ้นมา ทำให้ราคาดีดขึ้นมาต่อเนื่องในเช้านี้มาทำจุดสูงสุดบริเวณ 1,228 เหรียญ อันจะเห็นได้จากความผันผวนของทั้งราคาทองคำและ Oscillator ในกราฟระยะสั้น ค่อนข้างมาก วันนี้คาดว่าราคายังคงมีความผันผวนต่อเนื่องจากการที่ตัวเลข GDP สหรัฐฯจะประกาศออกมาในคืนนี้ และคาดว่าจะเคลื่อนในกรอบ 1,200-1,235 เหรียญ ซึ่งเป็นกรอบกว้าง โดยขึ้นอยู่กับตัวเลข GDP ที่จะออกมา กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ ยังคงแนะนำให้เล่นตามสภาวะการแกว่งตัวของราคา โดยเน้นการเข้าออกเร็วตามสภาพการแกว่งขายบริเวณแนวต้าน และซื้อกลับเมื่อราคาอ่อนตัว - นักลงทุนที่ถือ Long Position และ นักลงทุนที่ถือ Short Position เล่นสั้น เข้าออกเร็ว และบริหารพอร์ตให้สมดุลกับสภาพการแกว่งของตลาด กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading ยังคงแนะนำให้ทำกำไรในระยะสั้นเป็นช่วงๆ และในระยะยาวยังคงลงทุนในทิศทางแนวโน้มขาลงตามสภาพตลาดในระยะยาว Gold Futures V14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,760 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,960 บาท Gold Futures Z14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,810 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,000 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง ประชาสัมพันธ์: 1. เรียนเชิญนักลงทุนเข้าร่วมงานสัมมนาพิเศษในหัวข้อ “เทคนิคการทำกำไรในทองคำแท่งและGold Futures” บรรยายโดย นพ. กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ในวันที่ 29 กันยายน 2557 ณ สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น12 เวลา 15.00-17.00น. สำรองที่นั่งได้ที่ MTS Gold Call Center: 02 770 7777 2. HOT Line: “MTS E-Business 02-770-7791” นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดด้านการลงทุนผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทั้งระบบ Gold Online และ Gold Futures ได้ตั้งแต่เวลา 09.00-24.00น.

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ