ตัวแทนผู้พิการเฮ! หลังสนามบินสุวรรณภูมิ เอาจริง ออกมาตรการล็อค 62 ช่องจอดรถเพื่อคนพิการ พร้อมตรวจเข้ม ถ้าไม่มีผู้พิการหรือผู้สูงอายุ ต้องจอดที่อื่นทันที ชี้เป็นรูปธรรมและเป็นจุดเริ่มต้นแก้ปัญหาที่จอดรถคนพิการ วอนห้างสรรพสินค้าและสถานที่ราชการอื่นๆเอาเป็

ข่าวทั่วไป Wednesday October 1, 2014 11:13 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--1 ต.ค.--change.org นางสาวมาริน่า สกัลเทอิส ตัวแทนคนพิการ ผู้รณรงค์ให้สนามบินสุวรรณภูมิจัดระเบียบที่จอดรถคนพิการให้เป็นที่จอดรถของผู้พิการจริงๆ ผ่าน www.change.org/disabled-parking ซึ่งมีผู้สนับสนุนกว่า 35,000 คน เปิดเผยว่า ได้เริ่มรณรงค์เรื่องนี้ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เพราะในฐานะที่ตัวเองเป็นผู้พิการต้องใช้รถเข็นในการเดินทาง อีกทั้งได้ศึกษาที่ต่างประเทศ ทำให้ต้องใช้บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิเป็นประจำ และพบว่าไม่สามารถใช้บริการที่จอดรถคนพิการได้ เพราะมักจะมีรถคันอื่นจอดอยู่ ซึ่งไม่ใช่ผู้พิการแต่อย่างใด นางสาวมาริน่า กล่าวต่อว่า ในระหว่างที่ตนเองอยู่ที่ประเทศอังกฤษได้ติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องจากข่าวต่างๆ และพบว่ามีผู้ประสบปัญหานี้ที่สนามบินสุวรรณภูมิเช่นกัน และหลังจากนั้นสนามบินได้ออกประกาศเพียงสั้นๆว่า ทางสนามบินให้ความสำคัญต่อการบริการผู้โดยสารที่เป็นผู้สูงอายุและคนพิการ แต่ไม่มีรายละเอียดว่ามีมาตรการที่เป็นรูปธรรมอย่างไร “จากการประกาศดังกล่าว ทำให้ต้องมีสอบถามไปอีกครั้งเพื่อความชัดเจนว่าสนามบินสุวรรณภูมิมีแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้อย่างไร มีที่จอดรถสำหรับผู้พิการมากน้อยแค่ไหน และที่สำคัญที่สุด มีการตรวจสอบผู้ฝืนอย่างไร ทั้งหมดนี้เพื่อให้เป็นตัวอย่างที่ดีในการบริหารจัดการที่จอดรถคนพิการให้กับที่อื่นๆในประเทศด้วยไม่ว่าจะเป็นสถานที่ราชการและห้างสรรพสินค้าต่างๆที่ผู้พิการมักประสบปัญหานี้” นางสาวมาริน่า กล่าวล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นางระวีวรรณ เนตรคะเวสนะ ผอ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ส่งจดหมายเพื่อบอกถึงรายละเอียดในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยระบุว่า จากข้อความการรณรงค์ผ่าน www.change.org เรื่องการบริหารจัดการที่จอดรถคนพิการในสนามบินสุวรรณภูมินั้น ทางสนามบินได้แก้ไขเรื่องนี้โดย จัดทำช่องจอดรถคนพิการในอาคารจอดรถของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ทั้งโซน 2 และ โซน 3 จำนวน 62 ช่องจอด มีป้ายบอกชัดเจน และมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก 24 ชั่วโมง “ที่สำคัญสำหรับการเข้าจอดรถของผู้พิการหรือผู้สูงอายุนั้น ทางสนามบินจะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบอยู่เสมอว่าเป็นรถของผู้พิการหรือผู้สูงอายุจริงหรือไม่ ซึ่งหากรถดังกล่าวไม่มีผู้โดยสารที่เป็นผู้พิการหรือผู้สูงอายุ ทางเจ้าหน้าที่จะขอความร่วมมือให้เจ้าของรถเคลื่นย้ายรถไปจอดบริเวนอื่น ซึ่งดิฉันเห็นว่าเป็นมาตรการที่เป็นรูปธรรมมากขึ้นเพราะที่ผ่านมามักไม่สามารถทำอะไร ดิฉันหวังว่าสนามบินสุวรรณภูมิจะทำตามที่ประกาศไว้ และหวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับที่อื่นๆด้วย” นางสาวมาริน่า กล่าว นางสาวมาริน่า กล่าวว่า การที่คนพิการต้องจอดที่จอดรถธรรมดาซึ่งแคบและมีรถจอดขวางนั้น ทำให้เราไม่สามารถเปิดประตูขึ้น-ลงได้ และยังมีความเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายจาการถูกเฉี่ยวชนหากต้องมีการเดินหรือ นั่งรถเข็นจากที่จอดรถธรรมดาไปที่ทางเข้าอาคารสนามบิน รวมถึงทางเข้าห้างต่างๆซึ่งตอนที่อยู่ เมืองไทยได้พบปัญหาการแย่งที่จอดรถคนพิการอย่างต่อเนื่อง และได้ถ่ายรูปและแชร์ลงโซเชียลมีเดียต่างๆ เพื่อให้คนตระหนักในเรื่องนี้ โดยเฉพาะรถสปอร์ตหรูต่างๆ ซึ่งคนพิการแทบไม่สามารถนั่งรถแบบนี้ได้ เพราะเบาะแคบมาก นอกจากนี้ยังพบว่า ห้างสรรพสินค้าต่างๆได้ทำที่จอดคนพิการ แต่คนพิการไม่สามารถใช้ได้ เพราะคนปกติมาใช้ โดยอ้างว่ามีรถเข็นเด็ก ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะการที่เด็กเดินไม่ได้ไม่ใช่เขาพิการ แต่เป็นหน้าที่ของผู้ปกครองที่ต้องดูแลเอง และไม่ควรมาแย่งที่จอดรถคนพิการที่น้อยอยู่แล้วให้น้อยลงไปอีก และที่ผ่านมามักจะมีการจอดรถคนพิการและต่อให้ผู้พิการมาใช้บริการจริงๆ เจ้าหน้าที่ก็ไม่เคยประกาศให้มีการเลื่อนรถ ทั้งหมดเหล่านี้ต้องได้รับการแก้ไข “เป็นเวลาเกือบปีที่ดิฉันรอให้แคมเปญนี้สำเร็จ เพื่อให้สนามบินสุวรรณภูมิซึ่งถือเป็นหน้าต่างของประเทศไทยได้แก้ปัญหานี้ และหวังว่าทั้งห้างสรรพสินค้าและสถานที่ต่างๆจะช่วยกันแก้ปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรมด้วย เพื่อให้ที่จอดรถเหล่านี้เป็นของคนพิการอย่างแท้จริง ในนามของตัวแทนคนพิการขอขอบคุณคนไทยทุกคนที่ร่วมลงชื่อ ทุก like ทุก share ทุกข้อความสนับสนุนเพื่อสร้างความเท่าเทียมให้กับสังคมไทย” นางสาวมาริน่า กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ