สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพฤหัสบดี ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 9.00 น.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 16, 2014 10:36 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ต.ค.--MTS Gold Group ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,226 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,242เหรียญ/ออนซ์ (22.30น.) ค่าเงินบาทปิด 32.44 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,850 บาท กับ 18,950 บาท และกลับมาปิดที่ 18,800 บาท กับ 18,900 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 1,350 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 6,388 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 9.57% แบบ10 บาท เพิ่มขึ้น 9.99% GFV14 ปิด 19,160 บาท และ GFZ14 ปิด 19,230บาท GF10V14 ปิดที่ 19,150 บาท GF10Z14 ปิดที่ 19,210 บาท สัญญา Comex เพิ่มขึ้น 10.5 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,244.8 ดอลลาร์/ออนซ์ NYMEX ลดลง 0.6 เซนต์ ปิดตลาดที่ระดับ 83.78 ดอลลาร์/บาร์เรล SPDR (ขายออก 2.09 ตัน) ถือครองทองคำที่ระดับ 759.14 ตัน ข่าวที่สำคัญ -ทองคำได้รับแรงสนับสนุนจากการเข้าซื้อของนักลงทุนในฐานะ Safe-Heaven และสามารถไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ ระดับ 1,249.59 เหรียญ/ออนซ์ จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ออกมาอ่อนแอของสหรัฐฯ รวมถึงจีน และเยอรมนี จึงส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวร่วงลงอย่างหนัก และค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง -นอกจากนี้ทองคำยังได้รับปัจจัยบวกจากปริมาณความต้องการทองคำในอินเดียที่เพิ่มขึ้น โดยมียอดนำเข้าประจำเดือนกันยายนสู่ระดับ 3.75 พันล้านดอลลาร์ อันเป็นผลมาจากเทศกาลดีวาลี และช่วงเทศกาลแต่งงาน -เมื่อวานนี้ SPDR เทขายทองคำลง 2.09 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 759.14 ตัน ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าสู่ระดับ 1.2778 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.2645 ยูโร/ดอลลาร์ หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มที่จะไม่ขยายตัวต่อเนื่องตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ จึงช่วยยับยั้งกระแสข่าวที่ว่าเฟดอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยกลางปีหน้า -ค่าเงินเยนปรับตัวลดลงแตะที่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ระดับ 105.20 เยน/ดอลลาร์ ที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ -ดัชนี PPI ประจำเดือนกันยายนของสหรัฐฯออกมาแย่ลงสู่ระดับ -0.1% จากระดับ 0.6% ซึ่งเป็นการชะลอตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เนื่องจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง -ขณะที่ยอดค้าปลีกประจำเดือนกันยายนปรับตัวลดลงสู่ระดับ -0.3% จากเดิมที่ระดับ 0.6% ในเดือนก่อนหน้า สะท้อนถึงอุปสงค์จากผู้บริโภคที่อ่อนแอลง -ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวมในเขตนิวยอร์กประจำเดือนตุลาคม ปรับตัวลดลงอย่างมากสู่ระดับ 6.2 จากเดิมที่ระดับ 27.5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน -นักวิเคราะห์ ระบุว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯ อาจทำให้ทำเฟด พิจารณาเลื่อนระยะเวลาการปรับขึ้นขอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป แม้ว่าโครงการซื้อพันธบัตร (QE) จะสิ้นสุดลงในเดือนนี้แล้วก็ตาม -ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยในรายงานประจำเดือนว่า คาดว่าในปีนี้ทั่วโลกจะใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นประมาณ 650,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์คราวก่อน 250,000 บาร์เรล -รองผู้อำนวยการ IMI สังกัดมหาวิทยาลัยของจีน คาดการณ์ว่า ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ค่าเงินหยวนจะกลายเป็นสกุลเงินใหญ่ที่เป็นรองเฉพาะสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินยูโรเท่านั้น เมื่อพิจารณาจากพื้นฐานที่สำคัญจากการขยายตัวที่แข็งแกร่งของจีน และทิศทางการเคลื่อนไหวของสกุลเงินหยวนที่โดดเด่น -เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นดาวโจนส์ ปิด -1.06% เป็นการปิดแดนลบติดต่อกัน 4 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกเพิ่มขึ้น หลังข้อมูลของสหรัฐฯ จีน และเยอรมนีเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ -ตลาดหุ้นยุโรป ปิดปรับตัวลดลง 3.2% ซึ่งเป็นการปิดปรับตัวลดลงรุนแรงมากที่สุดในรอบ 3 ปี หลังจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาแย่ลง รวมถึงแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อเยอรมนีประจำเดือนกันยายนที่ขยายตัวเพียง 0.8% ซึ่งยังคงเป็นระดับที่ค่อนข้างต่ำ และคาดว่าจะกดดันให้อีซีบีดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อหนุนเศรษฐกิจยูโรโซน -เช้านี้ ดัชนีนิเกอิ เปิด -2.50% (376.56 จุด) ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 14,696.96 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพราะได้รับแรงกดดันจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ จึงส่งผลให้หุ้นกลุ่มส่งออกปรับตัวลดลงอย่างหนัก -นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.35 – 32.50 บาท/ดอลลาร์ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อคืน -Core Retail Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.3% ตัวเลขจริงออกมาลดลงสู่ระดับ -0.2% -PPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.0% ตัวเลขจริงออกมาลดลงสู่ระดับ -0.1% -Retail Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.6% ตัวเลขจริงออกมาลดลงสู่ระดับ -0.3% -Core PPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.1% ตัวเลขจริงออกมาลดลงสู่ระดับ 0.0% -Empire State Manufacturing Index ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 27.5 ตัวเลขจริงออกมาลดลงสู่ระดับ 6.2 ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้ - Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 287K คาดการณ์ออกมาลดลงสู่ระดับ 286K - Industrial Production m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.1% คาดการณ์ออกมาเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.4% - Philly Fed Manufacturing Index ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 22.5 คาดการณ์ออกมาลดลงสู่ระดับ 19.9 ทิศทางราคาทองคำ ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทะลุจุดสูงสุดเดิมเมื่อ 3 วันก่อน โดยไปทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 2 สัปดาห์ที่บริเวณ 1,249 เหรียญ/ออนซ์ โดยที่ตลาดหุ้นดาวโจนส์ร่วงลงติดต่อกันต่อเนื่อง 5 วันทำการ ซึ่งการซื้อขายเมื่อคืนนี้ปรับตัวลดลง 173.45 จุด ปิดที่ระดับ 16,141.74 จุด ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเมื่อวานนี้ ออกมาไม่ค่อยดีนัก อันได้แก่ ยอดค้าปลีกที่ยังคงต่ำอยู่ ขณะที่ PPI ออกมาลดลง สำหรับค่าเงินดอลลาร์เองอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร โดยยูโรดีดขึ้นไปสูงสุดระดับประมาณ 1.2880 ยูโร/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินบาทแกว่งตัวอย่างมาก โดยที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นจากระดับ 32.53 บาท/ดอลลาร์ มาอยู่ที่ระดับประมาณ 32.43 บาท/ดอลลาร์ในเช้านี้ อย่างไรก็ดีเมื่อวานนี้ SPDR ลดการถือครองทองคำลง 2.09 ตัน ปัจจุบันคงทองที่ระดับ 759.14 ตัน สำหรับภาพรวมของตัวเลขเศรษฐกิจในคืนนี้ดูจะดีขึ้นเล็กน้อยได้แก่ Jobless Claims คาดว่าจะมีคนขอสวัดิการการว่างงานน้อยลง 1,000 ราย ขณะที่ Industrial Production คาดว่าจะออกมาดีขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ Philly Fed Manufacturing Index คาดว่าจะออกมาแย่ลงเล็กน้อย ด้านราคาน้ำมันยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากการคาดการณ์ว่าความต้องการน้ำมันดิบจะปรับตัวลดลงตามสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัว ณ ขณะนี้ราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ระดับ 80.94 ดอลลาร์/บาร์เรล วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ในเชิงเทคนิคราคาทองคำมีการ Rebound โดยทะลุ Fibonacci Retracement 33% ต่อเนื่องและทดสอบFibonacci Retracement ในระดับ 50% บริเวณ 1,251 เหรียญ ดังนั้นจึงถือว่าบริเวณ1,250 เหรียญ จะเป็นแนวต้านสำคัญถัดไป โดยที่จะเห็นความผันผวนค่อนข้างมากในเชิงเทคนิคแล้ว ในกราฟระยะสั้นมีการแกว่งและกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้งหนึ่ง คือกราฟที่เป็นระยะสั้นน้อยกว่า 4 ชม. ในกราฟรายวันจะเห็นได้ว่าราคาในเชิงของ Oscillator โดยทั่วไป ยังอยู่ในสภาวะต่ำกว่าระดับศูนย์ คือ ยังคงเป็นแนวโน้มขาลง ราคายังไม่ทะลุแนวต้านสำคัญที่สองคือ 1,250 เหรียญ ซึ่งเป็นระดับเส้นค้าเฉลี่ย 100 วัน จึงยังถือว่าในเชิงเทคนิคระยะสั้นกลับมาเป็นขาขึ้น ขณะที่ระยะยาวจึงยังเป็นทิศทางขาลงอยู่ กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ นักลงทุนจะต้องปรับพอร์ตการลงทุนให้ดี ไม่ทำสถานะ Short Position พร่ำเพรื่อและรักษาสมดุลพอร์ตกับอัตรา Leverage กรณีที่ท่านทำสถานะ Short Position ไปเกือบเต็มพอร์ตแล้วแนะนำให้ลดสถานะในการทำ Short Positionลง - นักลงทุนที่ถือ Long Position ขายทำกำไรเป็นช่วงๆ - นักลงทุนที่ถือ Short Position ทยอยลดสถานะ และปรับพอร์ตให้สมดุลตามการแกว่งของตลาด กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading แนะนำให้ปรับพอร์ตให้สมดุลกับสภาพตลาด ภาพหลักระยะยาวยังเป็นขาลง Gold Futures V14 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,060 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,260 บาท Gold Futures Z14 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,130 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,330 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง ประชาสัมพันธ์: 1. เรียนเชิญนักลงทุนเข้าร่วมงานสัมมนาพิเศษ “Technical Class : ทำกำไรในทองคำโดยใช้กราฟเทคนิค” (Level 1) ร่วมบรรยายโดย นพ. กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ วันที่ 16 ตุลาคม 2557 ณ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น17 และวันที่ 30 ตุลาคม 2557 ณ สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น12 เวลา 15.00-17.00น. รับจำนวนจำกัด 40 ที่นั่ง สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ MTS Gold Call Center: 02 770 7777 (เปิดรับเฉพาะสมาชิกของบริษัท MTS Gold และ MTS Gold Futures เท่านั้น หากผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกต้องมีการเปิดบัญชีก่อนเข้าร่วมงานสัมมนา) 2. เรียนเชิญนักลงทุนเข้าร่วมงานสัมมนาระดับ Exclusive ในหัวข้อ “เทรด TFEX อย่างโปรด้วย MT4”ในวันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม 2557 เวลา 10.00-12.00น. ณ MTS Gold สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น12 สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ MTS Gold Call Center: 02 770 7777 3. HOT Line: “MTS E-Business 02-770-7791” นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดด้านการลงทุนผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทั้งระบบ Gold Online และGold Futures ได้ตั้งแต่เวลา 09.00-24.00น. MTS Research MTS Gold Group Phone: 02-770-7777 Fax: 02-623-9366 Email: research@mtsgoldgroup.com Website: http://www.mtsgold.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ