กรุงเทพฯ--19 ต.ค.--กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เตือนประชาชนในช่วงปลายฝนต้นหนาว ระวังโรคไข้เลือดออก เน้นย้ำอสม.แนะนำการปฏิบัติตน วิธีป้องกันโดยใช้มาตรการและเฝ้าระวังกำจัดลูกน้ำยุงลายตามภาชนะที่มีน้ำขัง
นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า จากสถานการณ์โรคไข้เลือดออกในปี 2557 นี้ (ข้อมูลเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2557 ) พบว่าผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก มีจำนวน 25,955 ราย ตายจำนวน 24 ราย ช่วงนี้เป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว ในหลายพื้นที่ยังคงมีฝนตก อาจทำให้เกิดน้ำขังตามภาชนะต่างๆ ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายได้เป็นอย่างดี โดยยุงที่เป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก นั้นมีอยู่ 2 ชนิด คือ ยุงลายบ้าน อาศัยอยู่บริเวณรอบบ้าน เพาะพันธุ์ในภาชนะ น้ำใส นิ่ง และยุงลายสวน อาศัยตามป่า สวน เพาะพันธุ์ตามกาบไม้ ใบไม้ หรือบริเวณที่มีน้ำขังอยู่ ช่วงเวลาที่ยุงลายหากินมากที่สุด มี 2 ช่วงเวลา คือ 9.00-11.00 น. และ 13.00-15.00 น. กรมสบส.ได้มอบหมายให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ทำงานเชิงรุกในการปฏิบัติหน้าที่ ให้ข้อมูลความรู้การป้องกันโรคที่ถูกต้องเหมาะสม ผ่านช่องทางสื่อในชุมชนของตนโดยเน้นย้ำให้คนในชุมชนรับรู้ข่าวสาร ความรู้ด้านสุขภาพ ที่ทันสมัยและสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น และข้อควรปฏิบัติให้ห่างไกลโรคไข้เลือดออก มีการแจ้งเตือน ออกสำรวจพื้นที่โดยรอบบริเวณชุมชน โดยใช้มาตรการ 5 ป. 1ข. คือ 1.ปิดภาชนะให้มิดชิดหลังใช้น้ำทุกครั้ง เพื่อป้องกันยุงลายลงไปวางไข่ 2.เปลี่ยนน้ำในแจกันทุก 7 วัน เพื่อตัดวงจรลูกน้ำที่จะกลายเป็นยุง 3.ปล่อยปลากินลูกน้ำในภาชนะใส่น้ำถาวร เช่น อ่างบัว ถังซีเมนต์ 4.ปรับปรุงสิ่งแวดล้อมให้ปลอดโปร่ง โล่ง สะอาด มีลมพัดผ่าน 5.ปฏิบัติเป็นประจำจนเป็นนิสัย และ 1 ข. ขัดไข่ยุงลาย ใช้ใยขัดล้างหรือแปรงชนิดนุ่มช่วยในการขัดล้าง ทิ้งน้ำที่ขัดล้างนั้นบนพื้นดินเพื่อให้ไข่แห้งตายไป
นอกจากนี้นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากพบผู้ป่วยต้องสงสัยให้สังเกตอาการ หากมีไข้สูงเฉียบพลัน หรือมีไข้สูงลอย 2-7 วัน เนื้อตัวและใบหน้าจะแดงกว่าปกติ บางรายอาจมี เยื่อบุตาอักเสบ หรือมีผื่นขึ้นตามแขนและลำตัว มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง มีจุดเลือดออกตามผิวหนัง หรือมีเลือดกำเดาออก ให้รีบพบแพทย์ หรือนำส่งโรงพยาบาลใกล้บ้านทันที