กรมบัญชีกลางเปิดระบบ e-Market และ e-Bidding พร้อมใช้ 1 พ.ย.57

ข่าวทั่วไป Monday October 20, 2014 14:52 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ต.ค.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง กรมบัญชีกลางเร่งชี้แจงผู้ปฏิบัติงานด้านการจัดซื้อจัดจ้างของส่วนราชการ และผู้ค้าภาครัฐในส่วนกลาง จำนวน 400 คน เพื่อทำความเข้าใจระบบการจัดซื้อจัดจ้างรูปแบบใหม่ ระบบ e-Market และระบบ e-Bidding เริ่มใช้หน่วยงานนำร่อง 12 แห่ง ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2557 นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรม/ชี้แจงการปฏิบัติงานระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐด้วยวิธีการทางอิเล็กทอรกนิกส์ ระยะที่ 3 ในวันนี้ (16 ต.ค.) ว่า กรมบัญชีกลางได้พัฒนาระบบ e-GP ต่อเนื่องมาถึงระยะที่ 3 แล้ว โดยเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดซื้อจัดจ้าง และมีเป้าหมายเพิ่มความโปร่งใส สะดวกต่อการตรวจสอบ ลดปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ลดความผิดพลาดในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ กระตุ้นให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม และลดปัญหาการฮั้วได้ในระดับหนึ่ง เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และกระทรวงการคลัง นายมนัส แจ่มเวหา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันนี้กรมบัญชีกลางจึงได้เชิญเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานของส่วนราชการและผู้ค้าภาครัฐในส่วนกลาง จำนวน 400 คน เข้ารับฟังการชี้แจงเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการจัดซื้อจัดจ้างรูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า ระบบ e-Market และระบบ e-Bidding ซึ่งทั้งสองระบบดังกล่าวจะเน้นให้หน่วยงานภาครัฐสามารถจัดหาพัสดุให้สอดคล้องกับรูปแบบ ประเภทสินค้า เงินงบประมาณที่ได้รับ และระยะเวลาที่จัดหา เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า ในราคาที่เหมาะสมและทันเวลาที่ต้องการใช้งาน ส่วนผู้ค้าภาครัฐจะสามารถจัดซื้อจัดจ้างได้สะดวกและเท่าเทียมกัน และเป็นการพัฒนาสินค้าและบริการให้มีความเป็นมาตรฐาน รวมทั้งสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้ภาคธุรกิจของประเทศไทย “คาดว่าจะเริ่มการใช้งานในระบบนี้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2557 เป็นต้นไป โดยจะใช้กับหน่วยงานนำร่องในสังกัดกระทรวงการคลัง 9 แห่ง ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กรมธนารักษ์ กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต กรมสรรพากร กรมบัญชีกลาง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ และโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลเลิดสิน โรงพยาบาลราชวิถี และสถาบันโรคทรวงอก โดยจะใช้กับสินค้านำร่องซึ่งเป็นวัสดุสำนักงาน 5 ประเภท ได้แก่ กระดาษถ่ายเอกสาร ผงหมึก/ตลับหมึก แฟ้มเอกสาร เทปกาว ซองเอกสาร และยารักษาโรค 2 ชนิด ได้แก่ ยารักษาโรคอัลไซเมอร์ และยารักษาโรคเบาหวาน” นายมนัสกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ