สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 9.00 น.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 22, 2014 09:57 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ต.ค.--MTS Gold Group ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,245 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,251เหรียญ/ออนซ์ (22.30น.) ค่าเงินบาทปิด 32.27 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,950 บาท กับ 19,050 บาท และกลับมาปิดที่ 19,000 บาท กับ 19,100 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 742 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 4,992 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 1.84% แบบ10 บาท เพิ่มขึ้น 0.72% GFV14 ปิด 19,180 บาท และ GFZ14 ปิด 19,240 บาท GF10V14 ปิดที่ 19,180 บาท GF10Z14 ปิดที่ 19,230 บาท สัญญา Comex เพิ่มขึ้น 7 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,251.7 ดอลลาร์/ออนซ์ NYME เพิ่มขึ้น 10 เซนต์ ปิดตลาดที่ระดับ 82.81 ดอลลาร์/บาร์เรล SPDR (คงทองเท่าเดิม) ถือครองทองคำที่ระดับ 751.96 ตัน ข่าวที่สำคัญ -ทองคำปรับยังคงปิดบวกติดต่อกัน 2 วันทำการ โดยเมื่อวานนี้ได้รับแรงสนับสนุน หลังจากอีซีบีเผยว่า กำลังพิจารณาที่จะเข้าซื้อตราสารหนี้ภาคเอกชน (Coporate Bonds) ในตลาดรอง เพื่อสกัดภาวะเงินฝืดในยูโรโซน -นักวิเคราะห์จาก UBS ระบุว่า ในสัปดาห์นี้พบว่าปริมาณความต้องการทองคำเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงเทศกาลดีวาลี จึงช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของทองคำ -นักวิเคราะห์จาก Kitco ระบุว่า ทองคำยังคงปิดปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง และมีโอกาสไปทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,255.6 เหรียญ และ 1,260 เหรียญตามลำดับ ขณะที่แนวรับขยับขึ้นมาบริเวณ 1,245 เหรียญ และ 1,230 เหรียญ -ตลาดทองคำ จับตาตัวเลข CPI ประจำเดือนกันยายนของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในคืนนี้ เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เฟดนำไปพิจารณาเกี่ยวกับนโยบายทางการเงิน ในการประชุมวันที่ 28-29 ตุลาคมนี้ -28 ต.ค.นี้ จะเป็นวันหมดอายุการซื้อขาย Gold Option ประจำเดือนพฤศจิกายนในตลาด COMEX -ขณะที่สัญญาทองคำส่งมอบเดือนตุลาคมในตลาด COMEX และตลาดTFEX จะหมดอายุลงในสัปดาห์หน้า (30 ต.ค.) -ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าสู่ระดับ 1.2725 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.2807 ยูโร/ดอลลาร์ เนื่องจากข้อมูลภาคที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯส่งสัญญาณฟื้นตัวต่อเนื่อง -ยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนกันยายนของสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น 2.4% สู่ระดับ 5.17 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบหนึ่งปี -อีซีบีกำลังพิจารณาจะขยายการซื้อสินทรัพย์ให้ครอบคลุมถึงหุ้นกู้ภาคเอกชน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการปล่อยสินเชื่อแก่ภาคธุรกิจในอียู รวมทั้งป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจยุโรปเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าอีซีบีจะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวประมาณเดือนพฤศจิกายน -อย่างไรก็ดี อีซีบี ได้เริ่มเข้าซื้อตราสารหนี้ที่ค้ำประกันด้วยสินเชื่อคุณภาพของอิตาลีแล้ว ตามแผนการเข้าซื้อสินทรัพย์เพื่อการขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน -ยูโรสแตท เผยว่า อัตราส่วนยอดขาดดุลงบประมาณรัฐบาลยูโรโซนต่อจีดีพีประจำปี 2013 ลดลงสู่ระดับ 2.9% จากเดิม 3.6%ในปี 2012 ขณะที่อียู ปรับตัวลดลงไปสู่ระดับ 3.2% จากเดิม 4.2% -นักวิเคราะห์ คาดว่า การประชุมสุดยอดผู้นำอียู ในช่วง 24-25 ตุลาคมนี้ เหล่าผู้นำจะหารือเกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากพบข้อมูลบ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัว -ข้อมูลจีดีพีจีนประจำไตรมาสที่ 3/2014 แสดงให้เห็นว่า จีนมีการขยายตัวที่เริ่มชะลอลงเล็กน้อย แต่ดีขึ้นกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ สู่ระดับ 7.3% จากเดิม 7.5% ในไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนเกิดภาวะหดตัวรุนแรง จึงเกิดการถ่วงอุปสงค์ภายในประเทศและภาคการผลิต -ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์จาก ANZ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะมีการขยายตัวปานกลางในไตรมาสที่ 4 เนื่องจากมาตรการทางการเงินของจีนที่มีแนวโน้มไม่เปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่นัก -สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังพบว่าเศรษฐกิจจีนชะลอตัว ขณะที่การปฏิรูปทางการเมืองจะส่งผลต่อการจัดการเกี่ยวกับนโยบายทางการเงิน -ด้านนายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนประจำไตรมาสที่ 3 เป็นการขยายตัวในกรอบที่เหมาะสม พร้อมทั้งเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงลึกบางอย่างในทางที่ดี -ยอดการส่งออกของญี่ปุ่นประจำเดือนกันยายนปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 6.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี จึงช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของสภาพเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่มีสัญญาณหดตัว -อย่างไรก็ดี รัฐบาลญี่ปุ่นปรับลดการประเมินเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นเดือนที่ 2 หลังพบว่า การปรับขึ้นภาษีบริโภคจากระดับ 3% สู่ระดับ 8% ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาคการผลิตอุตสาหกรรม -เมื่อคืนนี้ ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิด +1.31% (215.14 จุด) ซึ่งเป็นการปิดบวกติดต่อกัน 3 วันทำการ หลังได้รับแรงสนับสนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทแอปเปิล อิงค์ และยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบปี -เช้านี้ ดัชนีนิเกอิ เปิด +1.58% หลังตลาดนิวยอร์กปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่งวานนี้ -นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.15 – 32.35 บาท/ดอลลาร์ และมีโอกาสแข็งค่าต่อหลังจีนประกาศตัวเลขจีดีพีออกมาดีเกินคาด -ตลาดการเงินสิงคโปร์ ปิดทำการในวันนี้ เนื่องในวันหยุดทางศาสนาในเทศกาลดีพวาลี (Deepavali) หรือวันหยุดเทศกาลปีใหม่ประจำปีของศาสนาฮินดู (ส่งผลให้ 5 กองทุนในธนาคารต่างๆ หยุดทำการในการซื้อ ขาย และสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน ของกองทุนรวมต่างประเทศดังกล่าว) ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อคืน - Existing Home Sales ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 5.05M ตัวเลขจริงออกมาเพิ่มขึ้นที่ระดับ 5.17M ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้ - CPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.2% ตัวเลขคาดการณ์ออกมาเพิ่มขึ้นที่ระดับ 0.0% - Core CPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.0% ตัวเลขคาดการณ์ออกมาเพิ่มขึ้นที่ระดับ 0.2% ทิศทางราคาทองคำ ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวโดยทดสอบแนวต้านด้านบนบริเวณ 1,255 เหรียญ โดยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่ตัวเลขยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯดีขึ้น จึงกดดันให้มีแรงเทขายลงมา โดยที่ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร จากระดับ 1.2807 ยูโร/ดอลลาร์ สู่ระดับ 1.2725 ยูโร/ดอลลาร์ เมื่อวานนี้ SPDR ไม่ได้ทำการซื้อขายใดๆ ยังคงถือครอง 751.69 ตัน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ในวันนี้คือ CPI ซึ่งคาดว่าจะสูงขึ้นเล็กน้อย วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ในเชิงเทคนิคราคาทองคำดูจะเป็นการกลับทิศทางหลังจากขึ้นมาเป็นเวลา 8 วัน เริ่มมีสัญญาณDivergence ใน Time Frame ราย 2-4 ชั่วโมง รวมทั้งค่าเงินยูโรก็มีสัญญาณกลับทิศในขาลงเช่นกัน จึงเป็นไปได้ว่าในทางเทคนิคราคาทองคำจะไม่สามารถขึ้นต่อไปได้ โดยภาพรวมวิเคราะห์ว่าจะเคลื่อนตัวและทรงตัวลักษณะ Sideways จะเห็นได้ว่าเงินบาทกลับมาดีดตัวสูงขึ้นหลังทดสอบด้านล่างเมื่อวานนี้บริเวณ 32.22 บาท/ดอลลาร์ ณ ขณะนี้เช้านี้อยู่ที่ระดับประมาณ 32.30 บาท/ดอลลาร์ และตลาดหุ้นเองก็มีลักษณะการดีดตัวกลับขึ้นมา หลังจากที่มีการดีดตัวกลับต่อเนื่องกันมา คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนตัวในกรอบ 1,230-1,255 เหรียญ กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ เก็งกำไรตามการแกว่ง ซึ่งคาดว่าเป็นการแกว่งทิศทาง Sideways ในวันนี้ - นักลงทุนที่ถือ Long Position และ นักลงทุนที่ถือ Short Position เก็งกำไรในกรอบ ลงซื้อ-ขึ้นขาย เข้าออกเร็วตามการแกว่งตัวของตลาด กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading เป็นลักษณะทำ Short เพิ่ม เมื่อราคาดีตัวเหนือ 1,250 เหรียญ ขึ้นไป อย่างไรก็ดีให้บริหารพอร์ตให้เหมาะสมกับ Margin ที่มีอยู่ Gold Futures V14 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,040 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,240 บาท Gold Futures Z14 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,100 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,300 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง ประชาสัมพันธ์: 1. เนื่องใน วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม 2557 ตรงกับ “วันปิยมหาราช” ซึ่งเป็นวันหยุดของกลุ่มบริษัทห้างทองแม่ทองสุก และ Gold Futures รวมถึงธุรกรรมการเงิน และการรับส่งทองทุกสาขา **ระบบซื้อขาย Gold Phone และ Gold Online เปิดทำการปกติ รวมถึงร้านทองดิโอลด์สยาม ชั้น 1, ร้านทองสาขาวงเวียนใหญ่ และร้านทองสาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น G สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม: 02 770 7777 2. เรียนเชิญนักลงทุนเข้าร่วมงานสัมมนาพิเศษ “Technical Class : ทำกำไรในทองคำโดยใช้กราฟเทคนิค” (Level 1) ร่วมบรรยายโดย นพ. กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ วันที่ 30 ตุลาคม 2557 ณ สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น12 เวลา 15.00-17.00น. รับจำนวนจำกัด 40 ที่นั่ง สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ MTS Gold Call Center: 02 770 7777 (เปิดรับเฉพาะสมาชิกของบริษัท MTS Gold และ MTS Gold Futures เท่านั้น หากผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกต้องมีการเปิดบัญชีก่อนเข้าร่วมงานสัมมนา) MTS Research MTS Gold Group Phone: 02-770-7777 Fax: 02-623-9366 Email: research@mtsgoldgroup.com Website: http://www.mtsgold.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ