ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและแนวโน้ม “กรุงเทพมหานคร” ที่ “AA+/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 24, 2014 15:26 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--24 ต.ค.--ทริสเรทติ้ง ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรของกรุงเทพมหานครที่ระดับ “AA+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานภาพของเขตกรุงเทพมหานครในฐานะเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงแหล่งรายได้ที่แน่นอนจากภาษีอากร รวมทั้งการบริหารงบประมาณภายใต้นโยบายงบประมาณแบบสมดุล และฐานะการเงินที่แข็งแกร่งจากการมีภาระหนี้สินที่ต่ำและการดำรงเงินสะสมในระดับสูงด้วย อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสนับสนุนดังกล่าวลดทอนลงจากความต้องการในการลงทุนเป็นอย่างมากในโครงการด้านสาธารณูปโภคและระบบขนส่งมวลชน ตลอดจนภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นจากการดำเนินงานของกรุงเทพมหานครเองและภารกิจที่รับโอนจากรัฐบาลในขณะที่กรุงเทพมหานครมีข้อจำกัดในการจัดหาแหล่งรายได้เพิ่ม นอกจากนี้ ยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่จะต้องติดตามความคืบหน้าด้วยเช่นกัน เช่น การนำเสนองบการเงินที่ผ่านการตรวจสอบภายในกรอบเวลาที่เหมาะสม การบริหารจัดการหนี้สินและการลงทุนให้มีความสอดคล้องกับระดับรายได้ และการพัฒนากรอบวินัยในการบริหารหนี้ให้เป็นรูปธรรม เป็นต้น ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงการมีแหล่งรายได้ที่แน่นอนและนโยบายการบริหารงบประมาณแบบสมดุลของกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่ากรุงเทพมหานครจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลกลางอย่างต่อเนื่องตลอดไป อีกทั้งภาระผูกพันจากการลงทุนและการก่อหนี้ในอนาคต รวมถึงภาระหนี้ของบริษัทย่อยควรได้รับการศึกษาและวางแผนอย่างรอบคอบให้เหมาะสมกับระดับรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ของกรุงเทพมหานครด้วยเช่นกัน กรุงเทพมหานครมีฐานะเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งมีหน้าที่บริหารราชการและบริหารจัดการกิจการสาธารณูปโภคเพื่อให้บริการแก่ผู้อยู่อาศัยและผู้ประกอบกิจการในเขตกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นเมืองหลวงและศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของประเทศ ในปี 2555 กรุงเทพมหานครมีผลิตภัณฑ์มวลรวมรายจังหวัด (Gross Provincial Product – GPP) สูงที่สุดในประเทศ ด้วยมูลค่า 3.69 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 32.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (Gross Domestic Product – GDP) ในด้านการเงินการคลังนั้น กรุงเทพมหานครมีรายได้หลักมาจากภาษีอากร โดยเป็นภาษีอากรที่กรุงเทพมหานครจัดเก็บเองและส่วนราชการอื่นจัดเก็บให้ ทั้งนี้ ภาษีอากรนับว่าเป็นแหล่งรายได้ที่มีความแน่นอนสูงแม้จะมีความผันผวนอยู่บ้างตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศและนโยบายของรัฐบาลกลาง ในปีงบประมาณ 2556 เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้กรุงเทพมหานครจัดเก็บรายได้จำนวน 63,061 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6% จากปีงบประมาณที่ผ่านมา โดยรายได้ภาษีอากรที่กรุงเทพมหานครจัดเก็บเองคิดเป็น 18% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่ง 92% มาจากภาษีโรงเรือนและที่ดิน ในขณะที่ภาษีที่ส่วนราชการอื่นจัดเก็บให้คิดเป็น 77% ของรายได้ทั้งหมด โดยมีสัดส่วนที่มาจากภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีหรือค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม และภาษีหรือค่าธรรมเนียมรถยนต์คิดเป็นประมาณ 47% 21% และ 20% ตามลำดับ ในขณะที่กรุงเทพมหานครมีค่าใช้จ่ายรวม 68,508 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2556 หรือเพิ่มขึ้น 1% จากปีที่ผ่านมา โดยกรุงเทพมหานครได้นำเงินสะสมมาใช้ในส่วนรายจ่ายเพิ่มเติมในโครงการด้านการศึกษา โครงการอุโมงค์ระบายน้ำ และภารกิจต่าง ๆ ที่ได้รับมอบจากรัฐบาล จึงส่งผลให้กรุงเทพมหานครรายงานดุลการคลังขาดดุลจำนวน 5,446 ล้านบาท และอัตราส่วนดุลการคลังต่อรายได้อยู่ที่ -8.64% ในปีงบประมาณ 2556 ซึ่งส่งผลให้เงินสะสมของกรุงเทพมหานครลดลงจาก 14,187 ล้านบาท ณ สิ้นปีงบประมาณ 2555 เป็น 10,816 ล้านบาท ณ สิ้นปีงบประมาณ 2556 กรุงเทพมหานครมีค่าใช้จ่ายดำเนินการคิดเป็นสัดส่วน 77% ของรายจ่ายรวมทั้งหมดในปีงบประมาณ 2556 โดยส่วนที่เหลือเป็นงบลงทุน ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายดำเนินการของกรุงเทพมหานครอยู่ที่ระดับ 52,802 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปีที่ผ่านมา โดยค่าใช้จ่ายดำเนินการที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้ความสามารถในการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคอื่น ๆ ของกรุงเทพมหานครลดลง ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครไม่ได้บันทึกรายได้และรายจ่ายทั้งหมดของโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร (BTS) ส่วนต่อขยายไว้ในรายงานการรับ-จ่ายเงินประจำปีของกรุงเทพมหานครที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งส่งผลทำให้รายงานการรับ-จ่ายเงินของกรุงเทพมหานครต่ำกว่าความเป็นจริง สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2557 กรุงเทพมหานครสามารถจัดเก็บภาษีรายได้จำนวน 48,608 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยการจัดเก็บภาษีหรือค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเพิ่มขึ้นถึง 44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ เมื่อถึงสิ้นปีงบประมาณ กรุงเทพมหานครคาดว่าจะสามารถจัดเก็บภาษีรายได้ใกล้เคียงกับที่ประมาณการไว้ที่ 65,000 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2557 กรุงเทพมหานครได้ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมไว้จำนวน 5,000 ล้านบาท ซึ่งอาจจะทำให้กรุงเทพมหานครมีดุลการคลังขาดดุลและส่งผลให้กรุงเทพมหานครรายงานอัตราส่วนดุลการคลังต่อรายได้ติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ในปีงบประมาณ 2556 ภาระหนี้ของกรุงเทพมหานครอยู่ที่ระดับ 11,198 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจาก 11,345 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2555 โดยภาระหนี้สินส่วนใหญ่ของกรุงเทพมหานครประกอบไปด้วยภาระการกู้เงินของบริษัทลูกคือ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด เพื่อใช้ในการลงทุนก่อสร้างโครงการ BTS ส่วนต่อขยายสีลม (ตากสิน-เพชรเกษม) รวมถึงมูลค่าปัจจุบันของค่าจัดหาขบวนรถไฟฟ้าภายใต้สัญญาการจัดหา ให้บริการเดินรถ และซ่อมบำรุงของโครงการ BTS และมูลค่าปัจจุบันของค่าเช่ารายปีจากสัญญาเช่ารถยนต์และรถเก็บขยะมูลฝอย สำหรับปีงบประมาณ 2557 คาดว่าภาระหนี้ของกรุงเทพมหานครจะอยู่ที่ระดับ 12,125 ล้านบาทเนื่องจากกรุงเทพมหานครได้มีการลงนามในสัญญาเช่ารถเก็บขยะมูลฝอยเพิ่ม ในการพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของกรุงเทพมหานครนั้น ทริสเรทติ้งจะพิจารณาถึงภาระหนี้ที่ต้องจ่ายของกรุงเทพมหานครจากสัญญาจัดจ้างผูกพันต่าง ๆ เช่นค่าจ้างเดินรถไฟฟ้า BTS ส่วนต่อขยาย และรถเมล์ BRT ค่าเช่ารถยนต์และรถเก็บขยะมูลฝอย และภาระการชำระคืนเงินกู้ยืม โดยในปี 2556 ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้า BTS และรถเมล์ BRT รวมทั้งภาระการชำระหนี้เงินกู้ยืมที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้อัตราส่วนภาระหนี้ต่อรายได้ของกรุงเทพมหานครเพิ่มขึ้นจาก 4% ในปีงบประมาณ 2555 เป็น 5.5% ในปีงบประมาณ 2556 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 6.4% ในปีงบประมาณ 2557 กรุงเทพมหานครมีนโยบายในการพัฒนาสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการเติบโตของภาคเศรษฐกิจและการลงทุน ส่งผลทำให้กรุงเทพมหานครมีความต้องการเงินลงทุนจำนวนมาก ถึงแม้กรุงเทพมหานครจะได้รับเงินอุดหนุนรายปีจากรัฐบาลเพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงการต่าง ๆ แต่เงินอุดหนุนที่ได้รับจะต้องใช้จ่ายตามโครงการที่กำหนดไว้และมีจำนวนไม่เพียงพอ กรุงเทพมหานครจึงได้พิจารณาหาแหล่งเงินทุนอื่นเพื่อใช้ในการลงทุน รวมถึงการจัดเก็บภาษีชนิดใหม่หรือการเพิ่มอัตราภาษีบางประเภท อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมมีขั้นตอนที่ซับซ้อนและใช้เวลาในการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี รวมทั้งยังต้องพิจารณาผลกระทบทางเศรษฐกิจและการเมืองด้วย ทริสเรทติ้งคาดว่ากรุงเทพมหานครจะพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบโดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบในทางลบทั้งในด้านกฎหมายและในด้านการเงินอย่างมีนัยสำคัญ กรุงเทพมหานคร (BMA) อันดับเครดิตองค์กร: AA+ แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ