กรุงเทพฯ--29 ต.ค.--MTS Gold Group
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,230 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,229เหรียญ/ออนซ์ (22.30น.) ค่าเงินบาทปิด 32.41 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,850 บาท กับ 18,950 บาท และกลับมาปิดที่ 18,800 บาท กับ 18,900 บาท
ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 740 คู่สัญญา แบบ 10 บาท อยู่ที่ 2,077 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 3.9 % แบบ10 บาท ลดลง 0.16% GFV14 ปิด 18,970 บาท และ GFZ14 ปิด 19,010 บาท GF10V14 ปิดที่ 18,960 บาท GF10Z14 ปิดที่ 19,010 บาท
สัญญา Comex เพิ่มขึ้น 0.10 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,229.4 ดอลลาร์/ออนซ์ NYMEX เพิ่มขึ้น 42 เซนต์ ปิดตลาดที่ระดับ 81.42 ดอลลาร์/บาร์เรล SPDR ถือครองทองคำที่ระดับ 743.59 ตัน (ขายออก 1.8ตัน)
ข่าวที่สำคัญ
-ทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนทราบผลการประชุมเฟดที่จะสิ้นสุดในคืนนี้เวลาประมาณตี 1 ของไทย
-ขณะที่การดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์ก ส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานสินทรัพย์ Safe Heaven หลังดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสะท้อนเห็นว่าผู้บริโภคมั่นใจแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯมากขึ้น
-รายงานการสำรองทองคำประจำเดือนกันยายนจากไอเอ็มเอฟ ระบุว่า รัสเซียยังคงเพิ่มปริมาณการสำรองทองคำต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 โดยเข้าซื้อเพิ่ม 37 ตัน รวมสุทธิ 1,149 ตัน
-ขณะที่อาเซอร์ไบจัน เพิ่มการถือครองทองคำเป็นดือนที่ 2 ด้วยการซื้อเพิ่ม 4 ตัน ยอดรวมสุทธิ 27 ตัน คาซัคสถานซื้อทองคำเพิ่ม 2.1 ตัน รวมสุทธิ 184 ตัน และตุรกี ซื้อเพิ่ม 12 ตัน สู่ระดับ 532 ตัน
-เมื่อวานนี้ SPDR ถือครองทองคำลดลง 1.80 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 743.59 ตัน ซึ่งยังคงเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ 6 ตุลาคม 2008
-ค่าเงินดอลลาร์เคลื่อนไหวผันผวน ซึ่งอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรสู่ระดับ 1.2736 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.2708 ยูโร/ดอลลาร์ หลังข้อมูลยอดสั่งซื้อสินค้าคงคลังและราคาบ้านออกมาน่าผิดหวัง ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นเกินคาด
-ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนตุลาคมของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 94.5 จากระดับ 89.0 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 7 ปี นับตั้งแต่ปลายปี 2007 แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความมั่นใจแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดแรงงานสหรัฐฯมากขึ้น
-ด้านยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนภาคการผลิตประจำเดือนตุลาคมของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงกว่าคาดสู่ระดับ -1.3% แม้ว่าจะดีขึ้นจากเดิมที่ระดับ -18.4% ขณะที่ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนภาคการขนส่งแย่ลงสู่ระดับ -0.2% จากระดับ 0.4% สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความมั่นใจในแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดแรงงานภายในประเทศมากยิ่งขึ้น
-นักวิเคราะห์ คาดการณ์ว่า เฟดจะปิดฉากการประชุมกำหนดนโยบายในวันนี้ด้วยถ้อยแถลงที่มีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากสิ้นสุดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนนี้
-นอกจากนี้ ตลาดการเงินและเหล่านักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาสที่ 3/2014 และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานของสหรัฐฯในคืนวันพฤหัสบดีนี้
-ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ เผย อัตราเงินเฟ้อประจำเดือนตุลาคมอาจปรับตัวลงสู่ระดับประมาณ 3.7-4.6% หลังราคาปิโตรเลียมและอาหารปรับตัวลดลง อย่างไรก็ดีฟิลิปปินส์จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับเดิม เพื่อให้อัตราเงินเฟ้อเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ระดับ 3-5%
-ขณะที่ธนาคารกลางเวียดนาม เผยว่า เตรียมปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสกุลเงินดองอายุ 1-6 เดือน สู่ระดับ 5.5% จาก 6% และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจให้บรรลุเป้าหมายตามที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ระดับ 5.8% ในปีนี้
-เมื่อคืนนี้ ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิด +1.12% ซึ่งเป็นการปิดแดนบวกติดต่อกัน 4 วันทำการ หลังจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวสูงสุดในรอบ 7 ปี จึงช่วยสกัดปัจจัยลบจากยอดสินค้าคงทนที่ปรับตัวลงเกินคาด อย่างไรก็ดีนักลงทุนในตลาดหุ้นยังคงเฝ้ารอการเปิดเผยผลการประชุมเฟดในคืนนี้เวลาประมาณตี 1
-นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.40-32.60 บาท/ดอลลาร์ เป็นการเคลื่อนไหวในกรอบ ถึงแม้จะมีทิศทางอ่อนค่า
-กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ยอดส่งออกรวมในเดือนกันยายนขยายตัวขึ้น 3.19% เมื่อเทียบกับปีก่อน สู่ระดับ 19,912.8 ล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งเป็นการฟื้นตัวขึ้นหลังจากติดลบมาติดต่อกัน 2 เดือน ซึ่งภาคการส่งออกมีแนวโน้มดีขึ้น เพราะได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของตลาดส่งออกที่สำคัญ (สหรัฐฯ และอาเซียน ยกเว้นจีน และตะวันออกกลางที่ยังติดลบ)
-นาย อาคม รัฐมนตรีช่วยกระทรวงคมนาคมและเลขาธิการสภาพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจแห่งชาติ คาดว่า จีดีพีไทยปีนี้จะขยายตัวได้ประมาณ 1.5-2% หากข้อมูลส่งออกประจำเดือน กันยายน-ธันวาคม สามารถฟื้นตัวได้
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อคืน
- Core Durable Goods Orders m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.4% ตัวเลขจริงที่ออกมาอยู่ระดับ -0.2%
- Durable Goods Orders m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -18.4% ตัวเลขจริงที่ออกมาอยู่ระดับ -1.3%
- CB Consumer Confidence ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 89.0 ตัวเลขจริงที่ออกมาอยู่ระดับ 94.5
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้
- Federal Funds Rate ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.25% ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 0.25%
- FOMC Statement
ทิศทางราคาทองคำ
ทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยที่แกว่งตามสภาพข่าวที่เข้ามา เมื่อวานเคลื่อนไหวในกรอบ 1,228 – 1,233 เหรียญ โดยที่ตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อวานออกมาในเชิงลบในเบื้องต้น ได้แก่ Core Durable Goods Orders และ Durable Goods Orders ขณะที่ CB Consumer Confidence ออกมาดีขึ้นอย่างมากสู่ระดับ 94.5 จุด และเมื่อวานนี้ SPDR ถือครองทองคำลดลง 1.80 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 743.59 ตัน
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำระยะสั้นยังคงเคลื่อนตัวในทิศทาง Sideways ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 32.47 บาท/ดอลลาร์ ทำให้โดยภาพรวมราคาทองคำของไทยเองดูจะปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจากค่าเงินบาท อย่างไรก็ดี แนวโน้มหลักของทองคำยังเป็นขาลงในส่วนใหญ่
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
ยังคงแนะนำให้ลงทุนตามแนวโน้มขาลง ในกรอบ 1,220-1,235 เหรียญ
* อย่างไรก็ดี Gold Futures V14 จะหมดอายุลงในวันที่ 30 ต.ค. 57 จึงแนะนำให้นักลงทุนหันไปถือครองสถานะของ Gold Futures Z14 แทน
- นักลงทุนที่ถือ Long Position และ นักลงทุนที่ถือ Short Position
เก็งกำไรระยะสั้นในแนวโน้มขาลง บริหารพอร์ตสมดุล
กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading
ยังคงแนะนำให้ลงทุนตามแนวโน้มขาลง
Gold Futures V14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,870 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,070 บาท
Gold Futures Z14 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,020 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,220 บาท
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง
ประชาสัมพันธ์:
1. เรียนเชิญนักลงทุนเข้าร่วมงานสัมมนาพิเศษ “Technical Class : ทำกำไรในทองคำโดยใช้กราฟเทคนิค” (Level 1) ร่วมบรรยายโดย นพ. กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ วันที่ 29 ตุลาคม 2557 ณ สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว ชั้น12 เวลา 15.00-17.00น. รับจำนวนจำกัด 40 ที่นั่ง สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ MTS Gold Call Center: 02 770 7777
(เปิดรับเฉพาะสมาชิกของบริษัท MTS Gold และ MTS Gold Futures เท่านั้น หากผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกต้องมีการเปิดบัญชีก่อนเข้าร่วมงานสัมมนา)
2. HOT Line: “MTS E-Business 02-770-7791”
นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดด้านการลงทุนผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทั้งระบบ Gold Online และGold Futures ได้ตั้งแต่เวลา 09.00-24.00น.
MTS Research
MTS Gold Group
Phone: 02-770-7777
Fax: 02-623-9366
Email: research@mtsgoldgroup.com
Website: http://www.mtsgold.co.th