สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 9.00 น.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 10, 2014 10:00 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--10 พ.ย.--MTS Gold Group ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,140 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,157เหรียญ/ออนซ์ (22.30น.) ค่าเงินบาทปิด 32.82 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 17,750 บาท กับ 17,850 บาท และกลับมาปิดที่ 17,800 บาท กับ 17,900 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 1,693 คู่สัญญาแบบ10 บาทอยู่ที่ 8,430 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 8% แบบ10 บาท เพิ่มขึ้น 13% GFZ14 ปิด 18,110 บาท และ GFG14 ปิด 18,160 บาท GF10Z14 ปิดที่ 18,110 บาท GF10G14 ปิดที่ 18,170 บาท สัญญา Comex เพิ่มขึ้น 27.2 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,169.8 ดอลลาร์/ออนซ์ NYMEX เพิ่มขึ้น 0.74 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ระดับ 78.65 ดอลลาร์/บาร์เรล SPDR ถือครองทองคำที่ระดับ 727.15 ตัน (ขายออก 5.68 ตัน) ข่าวที่สำคัญ -ราคาทองคำฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในคืนวันศุกร์ โดยกลับมายืนเหนือ 1,150 เหรียญ/ออนซ์ได้อีกครั้ง เพราะได้รับแรงหนุนจากการทำ Short Covering หลังจากตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯที่ปรับตัวลดลงอย่างมาก และค่าเงินดอลลาร์ที่เริ่มกลับมาอ่อนค่าลง -ผลสำรวจนักวิเคราะห์และกลุ่มเทรดเดอร์จากรอยเตอร์ส ระบุว่า ทองคำยังคงมีโอกาสปรับตัวลงมาบริเวณ 1,000 เหรียญ/ออนซ์ในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งจะเป็นการร่วงลงครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009 ถึงแม้ว่าราคาจะสามารถฟื้นตัวได้กว่า 3% ในคืนวันศุกร์จากแรงทำ Short Covering รวมถึงราคาที่ปรับตัวลดลงได้กระตุ้นให้เกิดความต้องการเหรียญทองคำในยุโรปและอเมริกาเพิ่มขึ้น ทั้งนี้แนวรับที่แข็งแกร่งของทองคำอยู่ที่ระดับ 1,100 เหรียญ/ออนซ์ -นาย ชาร์ลี เนดอส นักกลยุทธ์อาวุโส ประจำสถาบัน LaSalle Futures Group ระบุว่า แม้ราคาทองคำจะกลับมายืนเหนือ 1,160 เหรียญได้อีกครั้ง แต่ก็ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับเส้นค่าเฉลี่ยสำคัญบริเวณ 10 วันบริเวณ 1,184 เหรียญ ซึ่งหากค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าได้อีกครั้งในสัปดาห์หน้า อาจกดดันให้ราคาทองคำถูกแรงเทขายและปรับตกลงมาอีกครั้ง -SPDR ลดการถือครองทองคำต่อเนื่องอีก 5.68 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 727.15 ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 29 กันยานยน 2008 -ในสัปดาห์นี้ ปัจจัยที่ตลาดให้ความสำคัญได้แก่ข้อมูลเศรษฐกิจของยูโรโซนและจีน ซึ่งอาจบ่งชี้ให้เห็นถึงนโยบายทางการเงินที่แตกต่างกันระหว่างสหรัฐฯและประเทศอื่นๆ -ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าขึ้นจากระดับ 1.2386 ยูโร/ดอลลาร์ สู่ระดับ 1.2437 ยูโร/ดอลลาร์ หลังข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรออกมาแย่กว่าที่คาด ขณะที่ประธานเฟดไม่ได้ระบุเกี่ยวกับระยะเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย -ในคืนวันศุกร์ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเษตรประจำเดือนตุลาคมของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 42,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 214,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่มีการจ้างงานที่ระดับ 256,000 ตำแหน่ง -ขณะที่อัตราคนว่างงานของสหรัฐฯ ออกมาดีขึ้น โดยปรับตัวลดลงสู่ระดับ 5.8% จากระดับ 5.9% แสดงให้เห็นว่าถึงแม้ภาวะการจ้างงานจะมีความผันผวนอยู่บ้าง แต่โดยภาพรวมแสดงให้เห็นว่าภาคแรงงานของสหรัฐฯยังคงมีการฟื้นตัวต่อเนื่อง -นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวว่า เฟดมีการเตรียมเครื่องมือต่างๆที่พร้อมจะกระตุ้นเศรษฐกิจหากพบว่ามีการเติบโตในระดับต่ำ และเป้าหมายเงินเฟ้อยังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี เมื่อประเมินการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯพบว่ามีความเป็นไปอย่างช้าๆ และยังไม่มั่นคง ซึ่งเฟดจะพยายามปรับกลยุทธ์ทางการเงินให้ชัดเจนเพื่อลดความตกใจของตลาดการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ -อย่างไรก็ดี ประธานเฟด ไม่ได้ระบุเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ว่าจะมีการปรับขึ้นเมื่อไหร่ -นายอากิระ อามาริ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจและนโยบายการคลัง ได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการอ่อนค่าลงอย่างหนักของเงินเยน โดยความผันผวนที่เกิดขึ้นในนั้น อาจจะส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจ ขณะที่หลายๆประเทศแสดงความกังวลเกี่ยวกับการอ่อนค่าของเยน เพราะอาจกระทบต่อภาคการส่งออกภายในประเทศของตน -รายงานจากรอยเตอร์ส ระบุว่า ยอดส่งออกจีนประจำเดือนตุลาคมปรับตัวสูงขึ้นกว่าที่คาดสู่ระดับ 11.6% ขณะที่ยอดนำเข้าปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.6% ส่งผลให้ยอดงบดุลของจีนปรับสูงขึ้นสู่ระรดับ 4.54 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ แสดงให้เห็นถึงการเริ่มฟื้นตัวในกลุ่มส่งออกของจีน -เช้าวันนี้ผลการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) ประจำเดือนตุลาคมของจีน พบว่ายังคงทรงตัวที่ระดับ 1.6% ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ออกมาแย่ลงสู่ระดับ -2.2% จากเดิม -1.8% ซึ่งเป็นระดับติดลบมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2013 -ทางด้าน นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ระบุว่า ความเสี่ยงของเศรษฐกิจจีนอย่างที่หลายๆฝ่ายประเมิน แท้จริงแล้วไม่ได้มีความน่ากลัวขนาดนั้น เนื่องจากเศรษฐกิจจีนเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้นเรื่อยๆ และยังได้รับแรงกระตุ้นจากการจัดการกลยุทธ์ และนโยบายต่างๆ จึงมีความมั่นใจว่าจีนมีศักยภาพเพียงพอที่จะรับมือกับความเสี่ยงต่างๆที่อาจเกิดขึ้น -สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อวานนี้ญี่ปุ่นและรัสเซียได้ร่วมหารือกันเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน เพื่อพยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากภาวะความตึงเครียดในยูเครน เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศเกิดความสำเร็จในการร่วมมือกันพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจและขอบเขตทางการเมือง และคาดว่าจะมีการหารือถึงความเป็นไปได้ในช่วงต้นปีหน้า -ขณะที่รัสเซียและจีนมีกำหนดร่วมลงนามข้อตกลงครั้งที่ 2 เกี่ยวกับการจัดส่งแก๊สธรรมชาติเบื้องตั้นในวงเงิน 4 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงต้นปีนี้ เพื่อให้เกิดแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของรัสเซีย หลังจากถูกคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก -เจ้าหน้าที่ทางการของอิรัก เปิดเผยว่า ผู้นำสูงสุดของกลุ่มก่อการร้าย IS ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง ขณะที่กลุ่มผู้นำอาวุโสหลายคนของกลุ่ม IS เสียชีวิตลง จากการโจมตีทางอากาศของวานนี้ -เมื่อวานนี้ ฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏทางตะวันออกของยูเครนถูกโจมตีอย่างหนัก โดยที่องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป ระบุว่า ไม่สามารถยืนยันได้ว่าทหารทีเข้าโจมตีเป็นกลุ่มใด ในขณะที่ทางยูเครนได้ออกมากล่าวหาว่า รัสเซียเป็นผู้ส่งกำลังสนับสนุนเพื่อมาโจมตีในครั้งนี้ หลังพบว่า รัสเซียส่งกองกำลังประกอบด้วยรถถังกว่า 32 คันเคลื่อนเข้าสู่บริเวณพรมแดนระหว่างรัสเซียและยูเครน -ตลาดหุ้นดาวโจนส์ ปิด +0.11% เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากอัตราการว่างงานที่ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี2008 -นักบริหารเงิน ประเมินว่า ทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.75 – 33.00 บาท/ดอลลาร์ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อคืน -Non-Farm Employment Change ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 256K ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 214K -Unemployment Rate ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 5.9% ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 5.8% ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้ - ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ทิศทางราคาทองคำ ราคาทองคำมีความผันผวนในคืนวันศุกร์อย่างมาก โดย Non-Farm Employment Change มีการจ้างงานลดลงต่ำกว่าที่คาดการณ์ 42,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 214,000 ตำแหน่ง ทางด้านอัตราคนว่างงานมีการปรับตัวลดลงอย่างช้าๆ 5.8% และ SPDR ลดการถือครองต่อเนื่อง 5.68 ตัน สู่ระดับ 727.15 ตัน ขณะที่ภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาดูจะมีการแกว่งตัว และมีความตึงเครียดมากขึ้นในตะวันออกกลางไม่ว่าจะเป็นอิรักหรือยูเครน ทำให้ราคามีการ Rebound ขึ้นมารวมถึงการทำ Short Covering ในตลาดจึงทำให้ราคาดีดกลับมาปิดตลาด COMEX 1,169.8 เหรียญ และค่อยๆปรับตัวสูงขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับประมาณ 1,178เหรียญ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าอย่างรวดเร็ว ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าปรับตัวลงมาจาก 32.90 บาท/ดอลลาร์ สู่ระดับ 32.75 บาท/ดอลลาร์ อย่างไรก็ดี วันนี้ไม่มีตัวเลขใดๆ และวันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของสหรัฐอเมริกา เนื่องในวันทหารผ่านศึก จึงคาดว่าวันนี้ตลาดจะค่อนข้างเงียบเหงา วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ราคาทองคำมีความผันผวนในระยะสั้นอย่างมาก หลังจากทะลุระดับแนวต้านสำคัญ 1,150 เหรียญและเกิดการทำ Short Covering ทำให้ราคาขึ้นไปชนแนวต้านหลักบริเวณ 1,180 เหรียญ ในวันนี้คาดว่าราคาจะเคลื่อนตัวในกรอบ 1,160 – 1,180 เหรียญ โดยคาดว่าในระยะสั้นราคาไม่น่าจะทะลุขึ้น 1,180 เหรียญไปได้ กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ ยังเป็นกลยุทธ์เข้าออกไวตามการแกว่งตัวของตลาด ยึดหลักการทำ Short Position มากกว่า - นักลงทุนที่ถือ Long Position เป็นโอกาสดีในการปิดสถานะ Long โดยทำ stop loss ออกไป - นักลงทุนที่ถือ Short Position หาจังหวะทำ short เพิ่มเมื่อราคาปรับตัวสูงบริเวณแนวต้าน บริหารพอร์ตให้เหมาะสม กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading แนะนำให้นักลงทุนยึดหลักการทำสถานะ Short Position เนื่องจากภาพหลักราคาทองคำยังอยู่ในแนวโน้มขาลง Gold Futures Z14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,100 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,300 บาท Gold Futures G15 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,160 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,360 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง ประชาสัมพันธ์: 1. เรียนเชิญนักลงทุนเข้าร่วมงานสัมมนาพิเศษ “Technical Class : ทำกำไรในทองคำโดยใช้กราฟเทคนิค” (Level 2) ร่วมบรรยายโดย นพ. กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2557 ณ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น17 เวลา 15.00-17.00น. รับจำนวนจำกัด 40 ที่นั่ง สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ MTS Gold Call Center: 02 770 7777 (เปิดรับเฉพาะสมาชิกของบริษัท MTS Gold และ MTS Gold Futures เท่านั้น หากผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกต้องมีการเปิดบัญชีก่อนเข้าร่วมงานสัมมนา). 2. HOT Line: “MTS E-Business 02-770-7791” นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดด้านการลงทุนผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทั้งระบบ Gold Online และ Gold Futures ได้ตั้งแต่เวลา 09.00-24.00น. MTS Research MTS Gold Group Phone: 02-770-7777 Fax: 02-623-9366 Email: research@mtsgoldgroup.com Website: http://www.mtsgold.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ