คาเยนน์ จีทีเอส (Cayenne GTS): เสียงสะท้อนที่ทรงพลัง

ข่าวยานยนต์ Thursday November 13, 2014 10:18 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--13 พ.ย.--Porsche Centre Bangkok PR ปอร์เช่เผยโฉมคาเยนน์ จีทีเอส (Cayenne GTS) ที่เต็มไปด้วยความสปอร์ตใหม่ล่าสุดสู่ตลาด คำว่า GTS ทำให้นึกย้อนไปถึงรถ 904 Carrera GTS ในปี 1963 ที่โด่งดัง ต่อมาปี 2007 ปอร์เช่ได้ส่งคาเยนน์ จีทีเอส (Cayenne GTS) ออกมาสู่ตลาดเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นที่โด่งดังและยอมรับจากบรรดาสาวกรถสปอร์ตกันอย่างกว้างขวาง คำว่า GTS ได้กลายมาเป็นตัวแทนของคำว่าสปอร์ตที่พิเศษจากปอร์เช่ ไม่เพียงเท่านี้ปอร์เช่ยังได้เผยโฉมคาเยนน์ (Cayenne) รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 3.6 ลิตร V6 ในงานนี้ด้วยเช่นกัน ผู้ขับขี่ปอร์เช่ต่างชื่นชอบให้รถมีความเป็นสปอร์ต ไม่ว่าจะเป็นรถ 2 ประตูหรือ 4 ประตู คาเยนน์ จีทีเอส (Cayenne GTS) รุ่นก่อนมียอดขายถึง 11% จากยอดขายรวมของคาเยนน์ (Cayenne) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และคือส่วนหนึ่งที่ทำให้ปอร์เช่ประสบความสำเร็จในเรื่องของผลกำไรอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ปอร์เช่ยังคงเดินหน้าลงทุนต่อไป เพื่อพัฒนารถยนต์รุ่นต่างๆ ให้ออกมามีประสิทธิภาพที่เหนือชั้นเพื่อเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่เพียงชื่อคาเยนน์ จีทีเอส (Cayenne GTS) ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสปอร์ตเท่านั้น หากแต่เครื่องยนต์ได้รับการปรับแต่งให้มีความเหนือชั้นเช่นกัน เครื่องยนต์ขนาด 3.6 ลิตร V6 bi-turbo เน้นเรื่องของพละกำลังเครื่องยนต์และประสิทธิภาพที่โดดเด่น พร้อมการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงควบคู่กันไป หากเทียบกับรุ่นก่อนที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด V8 จะพบกว่าพละกำลังเครื่องยนต์สูงขึ้นอีก 20 แรงม้า โดยมีพละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดที่ 440 แรงม้า แรงบิดเพิ่มขึ้นอีก 85 นิวตันเมตร เป็น 600 นิวตันเมตร ในขณะที่อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง 0.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร เลยทีเดียว อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ยังคงความเหนือชั้นไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยทำได้ในเวลาเพียงแค่ 5.2 วินาที หรือเพียง 5.1 วินาทีหากติดตั้ง Sport Chrono Package มาด้วย ซึ่งถือได้ว่าทำเวลาได้ดีกว่ารุ่นก่อนถึง 0.5-0.6 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 262 กิโลเมตร/ชั่วโมง มาพร้อมกับระบบท่อไอเสียสปอร์ตซึ่งได้รับการติดตั้งมาเป็นระบบมาตรฐาน และจะมอบเสียงแห่ง GTS ได้อย่างกระหึ่มและทรงพลัง ตัวถังและช่วงล่างของรถคาเยนน์ จีทีเอส (Cayenne GTS) มีการพัฒนามากขึ้นกว่าเดิม ทำให้ผู้ขับขี่มีความมั่นใจในยามเข้าโค้งมากขึ้น ระบบช่วงล่าง Porsche Active Suspension Management (PASM) damping system ได้รับการตั้งค่าแบบสปอร์ต มาพร้อมกับช่วงล่างแบบเหล็กสปริงที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานให้กับรถ และจะลดระดับรถลงได้ 24 มิลลิเมตร หากติดตั้งระบบช่วงล่างแบบถุงลมซึ่งเป็นระบบเสริมที่สามารถเลือกติดตั้งได้จะลดระดับลง 20 มิลลิเมตร อีกหนึ่งอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งคือเบรกที่มาจากรุ่นคาเยนน์ เทอร์โบ (Cayenne turbo) มาพร้อมกับจานเบรกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 390 มิลลิเมตร ที่เพลาหน้า (358 มิลลิเมตร ที่เพลาหลัง) พร้อมด้วยคาลิปเปอร์เบรกสีแดงสร้างความโดดเด่นตามรูปแบบเทอร์โบได้อย่างเหนือชั้น การออกแบบอื่นๆ ได้เสริมให้คาเยนน์ จีทีเอส (Cayenne GTS) มีความเป็นสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ด้านหน้าได้นำความโดดเด่นจากรุ่นเทอร์โบ (Turbo) มาใช้ นั่นคือช่องดักอากาศขนาดใหญ่ เสริมด้วยแพ็คเกจตกแต่งสปอร์ต Sport Design package ที่มาพร้อมกระจังข้างและฐานล้อที่ขยายเพิ่มเติมมากขึ้น สปอยเลอร์หลังคาและสปอยเลอร์ล่างด้านหลังของรถได้รับการพ่นสีให้เป็นสีเดียวกันกับตัวรถ ตัดกับสีดำสร้างความโดดเด่น ตัวอักษรโลโก้จะเป็นสีดำทั้งหมด ล้อลาย RS Spyder design ขนาด 20 นิ้ว ระบบท่อไอเสียสปอร์ต ระบบไฟหน้าแบบไบซีนอล และไฟท้าย LED แบบพ่นดำ ต่างได้รับการติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสร้างความดุดันโฉบเฉี่ยวให้กับรถมากขึ้น ประตูข้างประทับด้วยอักษรโลโก้ GTS ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เช่นกัน ความเป็นสปอร์ตได้ถูกขยายเข้าไปสู่ห้องโดยสาร เบาะมาพร้อมกับความเป็นรถสปอร์ตแบบ GTS ปรับเปลี่ยนด้วยไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง ทำจากหนังและหนัง Alcantara ประดับด้วยโลโก้ GTS บนที่พักศรีษะ ซึ่งติดตั้งมาเป็นเบาะมาตรฐาน แพ็คเกจภายในห้องโดยสาร GTS package สามารถเลือกติดตั้งได้ในรูปแบบ Carmine Red หรือ Rhodium Silver ที่จะนำไปใช้กับเข็มหน้าปัด ขอบตะเข็บ โลโก้บนที่พักศรีษะ และเข็มขัดนิรภัย เครื่องยนต์ที่ใช้ในคาเยนน์ จะเป็นเครื่องยนต์ใหม่ 3.6 ลิตร V6 ผลิตพละกำลังเครื่องยนต์ได้ถึง 300 แรงม้า อัตราเร่งของคาเยนน์ (Cayenne) จาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในเวลาเพียงแค่ 7.7 วินาที และ 7.6 วินาทีหากติดตั้ง Sport Chrono package มาด้วย ถือได้ว่าเร็วกว่าเดิมถึง 0.2 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 230 กิโลเมตร/ชั่วโมง และเหมือนเช่นคาเยนน์ (Cayenne) รุ่นอื่นๆ ที่จะได้รับประโยชน์จากระบบ coasting, Auto Stop/Start function และ thermal management ที่จะทำให้รถประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น ซึ่งหากเทียบกับรุ่นก่อนจะพบว่าลดลง 0.7 ลิตร/100 กิโลเมตร เป็น 9.2 ลิตร/100 กิโลเมตร (10.87 กิโลเมตร/ลิตร) อัตราการปล่อย CO2 อยู่ที่ 215 กรัม/กิโลเมตร ซึ่งถือได้ว่าต่ำกว่าเดิม 21 กรัมเลยทีเดียว อุปกรณ์มาตรฐานได้ถูกติดตั้งเพิ่มเติมขึ้นหากเทียบกับรุ่นก่อน ไม่ว่าจะเป็นระบบเกียร์ทริปทรอนิค เอส (Tiptronic S) ฟังก์ชั่น Auto Start/Stop และ Coasting รวมถึงไฟหน้าไบซีนอลที่มาพร้อมกับ four-point LED daytime driving lights พวงมาลัยสปอร์ตอเนกประสงค์ที่มาพร้อมกับก้านเกียร์ และฝากระโปรงท้ายแบบเปิดปิดอัตโนมัติ คาเยนน์ (Cayenne) และคาเยนน์ จีทีเอส (Cayenne GTS) จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2014 ในงานมหกรรมยานยนต์ Los Angeles Auto show ปอร์เช่ ประเทศไทย โดย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ ปอร์เช่อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเท่านั้น ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมวิศวกรที่มากประสบการณ์ ซึ่งได้รับการฝึกอบรมจากทางโรงงานปอร์เช่ประเทศเยอรมนีโดยตรง พร้อมการันตีด้วยรางวัล Porsche Service Excellence Award และ The Highest Score of Porsche Service Support Mission 2014 จากการตรวจสอบคุณภาพประจำปี รวมถึงทีมวิศวกรที่ได้รับการรับรองและผ่านการทดสอบจากโรงงานในระดับเหรียญทอง (Zertifizierter Porsche Techniker – Gold Expert) ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดของปอร์เช่คอยให้บริการรถปอร์เช่ของท่านตามนโยบายหลักของบริษัทที่ว่า “เอเอเอส ดูแลทั้งรถและคุณ” หรือ “AAS Looking after YOU and your CAR” สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถยนต์ปอร์เช่ได้ที่แผนกขาย โทร. 02-522-6655 ต่อ 101-103 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ www.porsche.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ