กรุงเทพฯ--14 พ.ย.--MTS Gold Group
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,160 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,162 เหรียญ/ออนซ์ (22.30น.) ค่าเงินบาทปิด 32.82 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,000 บาท กับ 18,100 บาท และกลับมาปิดที่ 17,950 บาท กับ 18,050 บาท
ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 950 คู่สัญญาแบบ 10 บาทอยู่ที่ 6,149 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 2% แบบ10 บาท เพิ่มขึ้น 1% GFZ14 ปิด 18,160 บาท และ GFG14 ปิด 18,220 บาท GF10Z14 ปิดที่ 18,160 บาท GF10G14 ปิดที่ 18,220 บาท
สัญญา Comex เพิ่มขึ้น 2.4 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,161.5 ดอลลาร์/ออนซ์ NYMEX ลดลง 2.97 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ระดับ 74.21 ดอลลาร์/บาร์เรล SPDR ถือครองทองคำที่ระดับ 720.62 ตัน (ขายออก 2.05 ตัน)
ข่าวที่สำคัญ
-เมื่อวานนี้ราคาทองคำยังคงทรงตัวในกรอบ 1,152 – 1,168.3 เหรียญ ถึงแม้ว่าตัวเลขคนว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็ยังอยู่ใกล้กับระดับต่ำในรอบ 14 ปี จึงส่งสัญญาณให้เห็นว่าภาวะการจ้างงานของสหรัฐฯยังคงช่วยขับเคลื่อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
-ขณะที่ตลอดสัปดาห์ทองคำปรับตัวลดลงไปแล้วประมาณ 1.5% หลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์ปิดใกล้แตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี จากภาพรวมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
-เมื่อวานนี้ SPDR ยังคงทำการลดการถือครองทองคำต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 โดยถือครองลดลง 2.05 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 720.62 ตัน เป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 23 กันยายน 2008
-รายงานจากสภาทองคำโลก ระบุว่า อุปสงค์ทองคำทั่วโลกปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 5 ปี โดยระหว่างเดือน กรกฎาคม – กันยายน ปรับตัวลดลง 2% สู่ระดับ 929.3 ล้านตัน เมื่อเทียบรายปี เนื่องจากปริมาณความต้องการเครื่องประดับในจีนปรับตัวลง จึงบดบังอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของอินเดีย ขณะที่จากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ รวมถึงการคาดการณ์ว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวลดลงยังคงเป็นปัจจัยกดดันอุปสงค์ทองคำทั่วโลก
-ทั้งนี้อุปสงค์ทองคำจีนในไตรมาสที่ 3 ปรับตัวลดลง 37% สู่ระดับ 182.7 ล้านตัน โดยความต้องการเครื่องประดับลดลง 39%เมื่อเทียบรายปี ขณะที่ความต้องการทองคำในอินเดียเพิ่มขึ้น 39% โดยมีความต้องการเครื่องประดับเพิ่มขึ้น 60% ในช่วงเทศกาลดิวาลี
-รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของอินเดีย เปิดเผยว่า จะเริ่มต้นหารือเกี่ยวกับการควบคุมภาษีนำเข้าทองคำอีกครั้ง หลังจากที่มีการขนส่งเข้ามาเป็นจำนวนมากในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดงบดุลของประเทศ
-นักวิเคราะห์จากรอยเตอร์ส กล่าวว่า การควบคุมครั้งใหม่ของอินเดียจะส่งผลประทบต่อค่าพรีเมียมในประเทศและปริมาณความต้องการทองคำในอินเดีย
ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2487 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.2432 ยูโร/ดอลลาร์ หลังจากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานสูงขึ้นเกินคาด
-จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 12,000 ราย สู่ระดับ 290,000 ราย ซึ่งข้อมูลภาคแรงงานที่อ่อนแรงส่งผลให้เกิดความกังวลว่าภาคแรงงานของสหรัฐฯอาจจะไม่ได้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ และอาจทำให้เฟดอาจยังไม่ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนกลางปีหน้า
-เมื่อวานนี้ นายวิลเลียม ดัดเลย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก กล่าวว่า ช่วงเวลานี้ยังเร็วเกินไปที่เฟดจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากการว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูงเกินไป ขณะที่อัตราเงินเฟ้อก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำเกินไป ซึ่งหากทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี เฟดอาจประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในปีหน้า
-อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนแปลงนโยบายจะส่งผลให้เกิดความผันผวนในตลาดการเงินต่างๆ โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดเกิดใหม่
-ทางด้าน นายชาร์ล พอลสเซอร์ ประธานเฟด สาขาฟิลาเดเฟีย ระบุว่า เฟดจำเป็นต้องปรับอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจส่วนใหญ่แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของสหรัฐฯ ซึ่งหากเฟดใช้เวลารอปรับขึ้นดอกเบี้ยนานเกินไป อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเฟดควรปรับนโยบายการเงินต่อเนื่องเพื่อให้ตลาดได้เตรียมความพร้อมรับมือกับความเป็นไปได้ที่เฟดจะเริ่มคุมเข้มนโยบายทางการเงินเร็วกว่าที่คาด
-คอนเฟอร์เรนซ์บอร์ด คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวปานกลาง โดยในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 3.2% และในปี 2015 จะอยู่ที่ระดับ 3.4% และจะชะลอตัวระยะยาว เพราะได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงาน ขณะที่ภาคการลงทุน ภาคธุรกิจ และภาคการผลิตเริ่มอ่อนแรงในหลายๆประเทศ ซึ่งอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับ 3.3% ต่อปี ตั้งแต่ปี 2015 – 2019
-ผลการผลิตภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนตุลาคมของจีน ปรับตัวสูงขึ้น 7.7% เมื่อเทียบรายปี แต่ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งรายงานดังกล่าวยังคงแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนยังคงมีแนวโน้มชะลอตัวในปีนี้ และมีโอกาสจะค่อยๆฟื้นตัวได้ในช่วงปีหน้า
-ผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ของอีซีบี แสดงให้เห็นว่า ภาวะเงินเฟ้อของยุโรปในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 0.5% ขณะที่ปี 2015 มีโอกาสเพิ่มขึ้น 1.0% และ 1.4% ในปี 2016 สะท้อนให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายที่อีซีบีกำหนด 2% อีกระยะหนึ่ง
-ธนาคารกลางยูเครน ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 14% จากเดิม 1.5% โดยเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องครั้งที่ 3 ของปีนี้ เพื่อสนับสนุนให้ค่าเงินฮริฟเนียของยูเครนกลับสู่ภาวะปกติหลังอ่อนค่าไปแล้วถึง 58.9% เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาทางการเมืองและความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ
-ธนาคารกลางอินโดนิเซีย มีมติคงอัตราดอกเบี้ย 7.5% และธนาคารจะยังเฝ้าระมัดระวัง รวมถึงใช้มาตรการต่างๆเพื่อจัดการกับผลกระทบของเงินเฟ้อที่อาจเกิดขึ้นจากากรขึ้นราคาเชื้อเพลิงของรัฐบาลชุดใหม่
-สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า เครื่องบินเจ็ทของนาโต้ จำนวน 2 ลำ ได้ขึ้นบินเพื่อปฏิบัติการสกัดกั้นเครื่องบินของรัสเซีย หลังจากที่เครื่องบินเจ็ทของรัสเซียบินเข้าใกล้น่านฟ้า เอสโตเนียและลิทัวเนีย ซึ่งเป็นประเทศทางตะวันออกเฉียงเหนือของแถบทะเลบอลติก
-เมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นดาวโจนส์ ปิด +0.23% และปิดปรับตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทเอกชน รวมถึงบริษัทวอล-มาร์ท
-เช้านี้ดัชนีนิกเกอิ เปิด +0.73% เพราะได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นดาวโจนส์ที่ปิดแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้
-นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.75-32.90 บาท/ดอลลาร์ โดยเคลื่อนไหวทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค ซึ่งยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆเข้ามา
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อคืน
- Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 278K ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 290K
- JOLTS Job Openings ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 4.85M ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 4.74M
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้
- Core Retail Sales ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.2% คาดการณ์ออกมาที่ระดับ 0.2%
- Retail Sales ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.3% คาดการณ์ออกมาที่ระดับ 0.2%
- Import Prices ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.5% คาดการณ์ออกมาที่ระดับ -1.7%
- Prelim UoM Consumer Sentiment ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 86.9 คาดการณ์ออกมาที่ระดับ 87.3
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยไม่ตอบรับกับตัวเลขการจ้างงานที่ออกมาเพิ่มขึ้นกว่าที่คาดใดๆ ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ 1,158-1,167 เหรียญ ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง รวมทั้งSPDRลดการถือครองทองคำลง 2.05 ตัน ปัจจุบันถือครองทองคำที่ระดับ 720.62 ตัน เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบแต่ยังคงอยู่ในทิศทางแข็งค่าเมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.2463 ยูโร/ดอลลาร์ และยังคงอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินเยนที่ระดับ 115.85 เยน/ดอลลาร์ สำหรับคืนนี้จะมีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งโดยภาพรวมคาดว่าจะออกมาดีขึ้น ได้แก่Prelim UoM Con Sumer Sentiment โดยเฉพาะ Core Retail Sales และ Retail Sales ที่คาดว่าจะดีขึ้นอย่างมาก ขณะที่ Import Prices คาดว่าจะออกมาแย่ลง
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ในเชิงเทคนิคราคายังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ระหว่าง 1,158-1,167 เหรียญ โดยเริ่มฟอร์มตัวเป็นลักษณะ Symmetrical Triangle และมีการบีบปลายลงมาเรื่อยๆ ซึ่งในระยะสั้นคาดว่าจะมีการBreakout ในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง สำหรับวันนี้ทองคำจะมีแนวรับแรก 1,150 เหรียญ และแนวรับถัดไปที่ระดับ 1,135 เหรียญ ขณะที่แนวต้านด้านบนอยู่ที่ระดับ 1,180 เหรียญ และ 1,200 เหรียญ ซึ่งถือว่าแนวต้านของทองคำยังค่อนข้างแข็งแกร่ง
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
บริหารพอร์ตให้เหมาะสม โดยลดสถานะ Long Position เน้นลงทุนในแนวโน้มขาลง
- นักลงทุนที่ถือ Long Position
ลดสถานะ Long Position เนื่องจากภาพหลักยังเป็นขาลง
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
บริหารพอร์ตสมดุล หาจังหวะทำกำไรเป็นช่วงๆ เล่นสั้น เข้าออกไว
กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading
บริหารพอร์ตให้เหมาะสมกับสภาพการแกว่งของตลาด ยังคงเน้นลงทุนตามทิศทางหลักซึ่งเป็นขาลง
Gold Futures Z14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,060 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,260 บาท
Gold Futures G15 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,110 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,310 บาท
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง
ประชาสัมพันธ์:
1. พบบูธ MTS Gold และโปรโมชั่นแรง X6 ภายในงาน “SET in the City 2014” ในวันที่ 20-23 พฤศจิกายน 2557 เวลา 10.00-20.00น. ณ รอยัล พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 02-770-7777
2. เรียนเชิญนักลงทุนเข้าร่วมงานสัมมนาพิเศษ “Technical Class : ทำกำไรในทองคำโดยใช้กราฟเทคนิค” (Level 2) ร่วมบรรยายโดย นพ. กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2557 ณ สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าวชั้น12 เวลา 15.00-17.00น. รับจำนวนจำกัด 40 ที่นั่ง สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ MTS Gold Call Center: 02 770 7777
(เปิดรับเฉพาะสมาชิกของบริษัท MTS Gold และ MTS Gold Futures เท่านั้น หากผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกต้องมีการเปิดบัญชีก่อนเข้าร่วมงานสัมมนา).
3. HOT Line: “MTS E-Business 02-770-7791”
นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดด้านการลงทุนผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทั้งระบบ Gold Online และGold Futures ได้ตั้งแต่เวลา 09.00-24.00น.
MTS Research
MTS Gold Group
Phone: 02-770-7777
Fax: 02-623-9366
Email: research@mtsgoldgroup.com
Website: http://www.mtsgold.co.th