สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 9.00 น.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 17, 2014 11:06 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--17 พ.ย.--MTS Gold Group ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,160 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,170 เหรียญ/ออนซ์ (22.30น.) ค่าเงินบาทปิด 32.83 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,000 บาท กับ 18,100 บาท และกลับมาปิดที่ 17,900 บาท กับ 18,000 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 461 คู่สัญญาแบบ 10 บาทอยู่ที่ 5,143 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 10.9% แบบ10 บาท เพิ่มขึ้น 9.1% GFZ14 ปิด 18,290 บาท และ GFG14 ปิด 18,340 บาท GF10Z14 ปิดที่ 18,280 บาท GF10G14 ปิดที่ 18,350 บาท สัญญา Comex เพิ่มขึ้น 24.1 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,185.6 ดอลลาร์/ออนซ์ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.61 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ระดับ 75.82 ดอลลาร์/บาร์เรล SPDR ถือครองทองคำที่ระดับ 720.62 ตัน ( คงทองเท่าเดิม) ข่าวที่สำคัญ -ราคาทองคำปรับขึ้นลงผันผวน และดีดตัวขึ้นกว่า 40 เหรียญ ไปทำจุดสูงสุดในรอบ 2สัปดาห์ที่ระดับ 1,193.34 เหรียญ/ออนซ์ เพราะได้รับแรงหนุนจากการทำ Short Covering การเข้าซื้อของกองทุน และการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ จึงบดบังข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐฯ -อย่างไรก็ดี ราคาทองคำสามารถกลับมายืนเหนือ 1,180 เหรียญได้อีกครั้ง หลังจากที่การซื้อขายในช่วงวันศุกร์ลงไปทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,145 เหรียญ/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับแนวรับทีแข็งแกร่งที่ราคาลงมาทดสอบถึง 2 ครั้งแล้วในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นจากปัจจัยหลักได้แก่ Short Covering -เทรดเดอร์ทองคำให้ความสนใจไปยังค่าเงินดอลลาร์ในสัปดาห์หน้า เนื่องจากจะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญหลายตัว รวมถึงจับตาไปยังปริมาณความต้องการทองคำที่จะเริ่มต้นขึ้นในช่วงเทศกาลส่งท้ายปี -นายเดวิด เมเยอร์ ผู้อำนวยการ Vision Financial Markets กล่าวว่า การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน ช่วยสนับสนุนให้ราคาทองคำเกิดการ Rebound กลับ ท่ามกลางกระแสข่าวว่าโอเปคอาจลดกำลังการผลิตน้ำมัน -นักวิเคราะห์จาก RJO ระบุว่า ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นในทางเทคนิคประกอบกับแรงซื้อจากนักลงทุนบางส่วนที่เข้ามา หลังจากราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งกว่า 2.2% (ปิด75.82 ดอลลาร์/บาร์เรล) -นักวิเคราะห์จาก DailyFX กล่าวว่า ตลอดสัปดาห์ราคาทองคำมีการฟื้นตัวขึ้นแล้วกว่า1.11% โดยทองคำสามารถฟื้นตัวได้จากการที่ค่าเงินดอลลาร์กลับมาอ่อนค่า หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดบางรายยังคงคัดค้านการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายระดับต่ำก่อนกำหนด -นักวิเคราะห์จาก Kitco ระบุว่า การดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของทองคำอาจบอกเป็นนัยสำคัญเกี่ยวกับการพัฒนาที่จำกัดของตลาด และแรงทำ Short Covering ในช่วงก่อนสิ้นปี อาจมีความเป็นไปได้ว่าการขึ้นที่แข็งแกร่งของตลาดหุ้นอาจเริ่มชะลอลง เนื่องจากเทรดเดอร์ในตลาดต่างๆมีแนวโน้มจะเริ่มหาจุดทำกำไรในช่วงก่อนสิ้นปี -ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าขึ้นจากระดับ 1.2477 ยูโร/ดอลลาร์ สู่ระดับ 1.2527 ยูโร/ดอลลาร์ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลง -อย่างไรก็ดี ค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าต่อเนื่องเมื่อเทียบกับค่าเงินเยนจากตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นตัว ช่วยสนับสนุนมุมมองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ -ยอดค้าปลีกประจำเดือนตุลาคมของสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้น 0.3% จากเดิม -0.3% แสดงให้เห็นว่า การปรับตัวลงของราคาน้ำมัน ได้ช่วยกระตุ้นรายจ่ายภาคครัวเรือนในช่วงใกล้เทศกาลซื้อของในช่วง พ.ย. – ธ.ค. และยังส่งผลให้ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคออกมาดีกว่าที่คาดที่ระดับ 89.4 จุด -ยอดนำเข้าสหรัฐฯประจำเดือนตุลาคมปรับตัวลดลง -1.3% จากเดิม -0.6% ถือเป็นสัญญาณล่าสุดที่แสดงให้เห็นว่า ต้นทุนน้ำมันที่ลดลงและกิจการต่างประเทศที่เปราะบางกำลังเป็นปัจจัยที่กดดันต่อเงินเฟ้อของสหรัฐฯ -ยูโรสแตท เผยว่า จีดีพีในกลุ่มประเทศยูโรโซนในไตรมาสที่ 3 ขยายตัวเพียง 0.2% เมื่อเทียบรายไตรมาส ซึ่งการขยายตัวที่เป็นไปอย่างซบเซาของเศรษฐกิจยูโรโซนที่ผ่านมาตอกย้ำความกังวลว่าภูมิภาคกำลังได้รับผลกระทบจากการลงทุนที่ลดลง และการว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูง -นายคริสเตียน นัวเย่ คณะบริหารของอีซีบี กล่าวว่า อีซีบีอาจซื้อพันธบัตรรัฐบาล หากอัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น หรือมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญกับเศรษฐกิจยุโรปอีกครั้งจนทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ -เมื่อวานนี้ผู้นำของกลุ่ม 20 ประเทศเศรษฐกิจรายสำคัญของโลก G20 ตกลงกันที่จะดำเนินมาตรการใหม่ๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นส่งเสริมเศรษฐกิจโลกโดยรวมให้เติบโตเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษอีก 2.1% ภายในปี 2018 รวมทั้งในเรื่องจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และปราบปรามการเลี่ยงภาษี -นายวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจรัสเซีย เนื่องจากมีแนวโน้มจะเผชิญวิกฤตจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงเกือบ 1 ใน 3 ของปีนี้ รวมถึงผลกระทจากมาตรการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกและค่าเงินรูเบิลที่ร่วงลง -กระทรวงพลังงานยูเครน เปิดเผยว่า ยูเครนเตรียมแผนที่จะเข้าซื้อก๊าซธรรมชาติจำนวน 2.5 พันล้านลูกบาศก์เมตรจากรัศเซียนับตั้งแต่เดือนนี้ จนถึงมีนาคมปีหน้า โดยต้องขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วยเช่นกัน -ซาอุดิอาระเบีย ผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลกอาจไม่ดื้อรันที่จะคงการผลิตไว้ที่ระดับสูง หลังกลุ่มประเทศโอเปกได้รับผลกระทบของการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันดิบ -รายงานจาก บีเอ็นพี พาริบาส์ ระบุว่า การปรับตัวลดลงของราคาน้ำดิบมันทำให้มีความเป็นไปได้ที่กลุ่มโอเปคจะลดกำลังการผลิตลง 1-1.5 ล้านบาร์เรล/วัน เพื่อพยุงการตกของราคาน้ำมัน -เช้าวันนี้ ผลการประกาศจีดีพีขั้นต้นประจำไตรมาสที่ 3 ของญี่ปุ่น ออกมาสู่ระดับ -0.4% หรือหดตัวลงกว่า 1.6% แสดงให้เห็นถึงภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่ชะลอติดต่อกัน 2 ไตรมาส -มูดดี้ส์ อินเวสเตอร์ ระบุว่า ประสิทธิภาพในการพัฒนาตลาดทุนของจีน โดยการจัดสรรเงินทุนและทรัพยากร จะช่วยปรับสมดุลและบรรลุเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจยั่งยืนในอีก 2-3 ปีต่อจากนี้ -ในคืนวันศุกร์ตลาดหุ้นดาวโจนส์ ปิด -0.10% ท่ามกลางการซื้อขายที่ค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากนักลงทุนส่วนหนึ่งชะลอการลงทุน หลังตลาดเคลื่อนไหวแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ และทำสถิติใหม่หลายครั้งในรอบสัปดาห์ อย่างไรก็ดีการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันได้ส่งผลกดดันหุ้นกลุ่มบริษัทพลังงานและกดดันตลาดหุ้นดาวโจนส์ด้วย -เช้านี้ ดัชนีนิกเกอิ เปิด +0.92% หลังจากญี่ปุ่นเปิดเผยว่า จีดีพีไตรมาสที่ 3 ของญี่ปุ่นหดตัวลง 1.6% -นักบริหารเงิน ประเมินว่า สัปดาห์นี้ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.82-32.92 บาท/ดอลลาร์ -รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ผลการศึกษาของ สนย. เกี่ยวกับพลังขับเคลื่อนการนำเข้าที่ถือว่าเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของโลก พบว่าศักยภาพของไทยในอนาคตมีความสามารถด้านการแข่งขันลดลง โดยอัตราการขยายตัวของจีดีพีประเทศคู่ค้ากับไทยมีค่าลดลงต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ โดยสาเหตุหลักน่าจะเกิดจากการที่ไทยส่งออกสินค้าไม่ตรงกับความต้องการตลาด และสินค้าไทยที่มีมูลค่าต่ำ จึงเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้นในตลาดหรือช่องทางในการเข้าตลาดยังไม่มีประสิทธิภาพ ทุกภาคส่วนจึงต้องเร่งพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยอย่างจริงจัง และต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วของเศรษฐกิจโลก ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อคืน - Core Retail Sales ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.0% ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 0.3% - Retail Sales ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.3% ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 0.3% - Import Prices ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.6% ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ -1.3% - Prelim UoM Consumer Sentiment ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 86.9 ตัวเลขจริงออกมาที่ระดับ 89.4 ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้ - ECB President Draghi Speaks ทิศทางราคาทองคำ ราคาทองคำมีความผันผวนในทิศทางขาขึ้นในช่วงคืนวันศุกร์ของสัปดาห์ที่แล้ว โดยที่ราคาทองปรับตัวลดลงไปทำจุดต่ำสุดบริเวณ 1,148 เหรียญ แล้วกลับดีดตัวขึ้นอย่ารวดเร็ว โดยที่นักวิเคราะห์โดยส่วนใหญ่คาดว่าเป็นสาเหตุมาจาก Shot Covering แต่อย่างไรก็ดี ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาในคืนวันศุกร์ก็ออกมาดีตามที่คาดไว้ แต่ราคาทองคำกลับเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม คือ ดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าลง ทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นทองคำปรับตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ในเช้าวันนี้ราคาทองคำความผันผวนอย่างมากโดยเปิดตลาดลดลงที่ระดับ 1,183 แล้วดีดกลับขึ้นไปอย่างที่รวดเร็วที่ระดับ 1,193 เหรียญ เมื่อเปิดตลาดฮ่องกง โดยตลาดคาดว่า อาจจะมีส่วนสัมพันธ์กันกับการที่เซี่ยงไฮ้มีการผ่อนคลายนโยบายโดยไม่เก็บภาษี ที่ได้กำไรจากการซื้อขายในตลาด Exchangeอย่างไรก็ดียังไม่มีการชัดเจนของการปรับขึ้นของราคา โดนส่วนหนึ่งคาดว่า เป็นจากการที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น จากข่าวลือโอเปกจะลดการผลิตน้ำมัน ในวันนี้ไม่มีตัวเลขเสดกิจของสหรัฐอเมริกาใด ในขณะที่ SPDR ยังคงถือครองทองคำเท่าเดิมที่ระดับ 720.62 ตัน วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ในทางเทคนิคการที่ราคาทองคำขึ้นมายืนอยู่เหนือระดับ 1,183 เหรียญ ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญได้เป็นครั้งแรกในรอบ 2 สัปดาห์ ทำให้ระยะสั้นและระยะกลาง ราคาทองคำดูเหมือนจะปรับตัวเป็นทิศทางขาขึ้น โดยสัญญาณ Oscillator มีการปรับขึ้นเล็กน้อย จึงวิเคราะห์ได้ว่า ทางเทคนิค ถ้าในวันนี้ราคาทองคำสามารถยืนอยู่เหนือระดับ 1,183 –1,186 เหรียญได้ ราคาทองจะกลับข้าสู่ขาขึ้นในระยะสั้น ถ้าราคาทองหลุดระดับ 1,180 เหรียญลงมา ทองคำก็จะกลับมาเป็น Sideways ต่อเนื่องเช่นเดิม ยังคงต้องรอดูปฏิกิริยาตอบรับในตลาด Comex ต่อไป คาดว่าราคาในวันนี้จะเคลื่อนตัวในกรอบกว่างและมีผันผวนที่ระดับ 1,170 – 1,200 เหรียญ กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ แนะนำให้นักลงทุนติดตามใกล้ชิดในระดับราคาที่มีความผันผวนเช่นนี้ พิจารณาในการลงทุนให้ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น - นักลงทุนที่ถือ Long Position เป็นโอกาสดีที่จะทำกำไรในระยะสั้น - นักลงทุนที่ถือ Short Position ไม่แนะนำให้ Short เพิ่ม และหาจังหวะในการดูพอร์ต ถ้าราคาสามาถยืนอยู่เหนือ 1,180-1,183 ระยะสั้นน่าจะเป็นขาขึ้นและให้ทำ Stop Loss ออกไป กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading แนะนำให้บริหารพอร์ตตามการแกว่งตัวของตลาดให้สมดุล โดยภาพหลักของราคาทองคำยังอยู่ในกรอบขาลง ไม่แนะนำให้ทำ short เพิ่ม และรอดูจังหวะแนวต้านของทองคำ Gold Futures Z14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,430 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,630 บาท Gold Futures G15 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,480 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,680 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง ประชาสัมพันธ์: 1. พบบูธ MTS Gold และโปรโมชั่นแรง X6 ภายในงาน “SET in the City 2014” ในวันที่ 20-23 พฤศจิกายน 2557 เวลา 10.00-20.00น. ณ รอยัล พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 02-770-7777 2. เรียนเชิญนักลงทุนเข้าร่วมงานสัมมนาพิเศษ “Technical Class : ทำกำไรในทองคำโดยใช้กราฟเทคนิค” (Level 2) ร่วมบรรยายโดย นพ. กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2557 ณ สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าวชั้น12 เวลา 15.00-17.00น. รับจำนวนจำกัด 40 ที่นั่ง สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ MTS Gold Call Center: 02 770 7777 (เปิดรับเฉพาะสมาชิกของบริษัท MTS Gold และ MTS Gold Futures เท่านั้น หากผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกต้องมีการเปิดบัญชีก่อนเข้าร่วมงานสัมมนา). 3. HOT Line: “MTS E-Business 02-770-7791” นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดด้านการลงทุนผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทั้งระบบ Gold Online และGold Futures ได้ตั้งแต่เวลา 09.00-24.00น. MTS Research MTS Gold Group Phone: 02-770-7777 Fax: 02-623-9366 Email: research@mtsgoldgroup.com Website: http://www.mtsgold.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ