สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 9.00 น.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 18, 2014 10:36 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--18 พ.ย.--MTS Gold Group ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,187 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,186 เหรียญ/ออนซ์ (22.30น.) ค่าเงินบาทปิด 32.78 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,350บาท กับ 18,450 บาท และกลับมาปิดที่ 18,350 บาท กับ 18,450 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 2,233 คู่สัญญาแบบ 10 บาทอยู่ที่ 12,181 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 11.74% แบบ10 บาท ลดลง 10.64% GFZ14 ปิด 18,540 บาท และ GFG14 ปิด 18,620 บาท GF10Z14 ปิดที่ 18,540 บาท GF10G14 ปิดที่ 18,600 บาท สัญญา Comex ลดลง 2.1 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,183.5 ดอลลาร์/ออนซ์ NYMEX ลดลง 18 เซนต์ ปิดตลาดที่ระดับ 75.64 ดอลลาร์/บาร์เรล SPDR ถือครองทองคำที่ระดับ 723.01 ตัน ( ซื้อเข้า 2.39 ตัน ) ข่าวที่สำคัญ -สำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า ทองคำได้อ่อนแรงลง เพราะได้รับแรงกดดันจากาค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น -เทรดเดอร์ทองคำจากฮ่องกง ระบุว่า ราคาทองคำตอบรับกับข่าวที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการทำ Short Covering จึงทำให้ราคาสามารถยืนเหนือแนวต้านสำคัญเดิมที่ระดับ 1,180 เหรียญได้ ทั้งนี้ระดับ 1,180 เหรียญยังคงเป็นระดับสำคัญที่ต้องจับตามอง ซึ่งหากราคายังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ในเชิงเทคนิคก็มีโอกาสที่ราคาทองคำจะดีดตัวทดสอบ 1,230 เหรียญได้ -นายอดัม ซาราน ซีอีโอจากซารานแคปิตัล นิวยอร์ก กล่าวว่า ภาพทางเทคนิคในระยะสั้นจะเห็นว่าราคาทองคำพยายามทดสอบกับ Moving Average ราย 50 วัน ที่ระดับ 1,211 เหรียญ/ออนซ์ ซึ่งเป็นแนวต้านสำคัญ -สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า กลุ่มเฮดจ์ฟันด์ ลดการถือครองทองคำลงในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นจำนวนทั้งสิ้น 49% ซึ่งเป็นการปรับลดมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2013 -เมื่อวานนี้ SPDR เพิ่มการถือครองทองคำ 2.39 ตัน ปัจจุบันคงทองคำที่ระดับ 723.01 ตัน -ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 1.2453 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.2525 ยูโร/ดอลลาร์ และเมื่อเทียบกับเงินเยนอยู่ที่ระดับ 116.48 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 116.25 เยน/ดอลลาร์ จากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในช่วงต้นปีนี้ หลังจากภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯแสดงให้เห็นถึงภาวะขาขึ้น ขณะที่อีซีบีและญี่ปุ่นยังคงเดินหน้ากระตุ้นทางการเงินเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จึงเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างนโยบายทางการเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจ -ดัชนี Empire State Manufacturing Index ของสหรัฐฯปรับตัวน้อยกว่าที่คาดการณ์ แต่ยังอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นสู่ระดับ 10.2 จากเดิมที่ระดับ 6.2 แสดงให้เห็นว่าภาวะธุรกิจโดยรวมของภาคการผลิตมีการฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย -ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมประจำเดือนตุลาคมของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง -0.1% จากเดิม 0.8% เพราะได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลงของกลุ่มเหมืองแร่และสาธารณูปโภค -นายมาริโอ ดรากี้ ประธานอีซีบี ระบุว่า อีซีบีพร้อมใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป ซึ่งโครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลจะเป็นเครื่องมือนโยบายที่จะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจของยูโรโซนฟื้นตัวได้ -อย่างไรก็ดี อีซีบีจะต้องดำเนินการโดยคำนึงถึงรายการงบประมาณให้พอเหมาะที่ต้องระมัดระวังเสมอว่าอาจส่งผลต่อความเสี่ยงภาวะเงินเฟ้อระดับต่ำในเวลานี้ -เจ้าหน้าที่อียู เปิดเผยว่า ประเทศสมาชิกกลุ่ม G20 และประเทศคู่ค้าสำคัญของอียู ได้ใช้มาตรการกีดกันทางการค้าจำนวน 170 มาตรการ และมีแนวโน้มว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนต่อเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจโลก -นักวิเคราะห์ ระบุว่า ข้อมูลจีดีพีขั้นต้นประจำไตรมาสที่ 3/2014 ของญี่ปุ่นที่ประกาศวานนี้ บ่งชี้ให้เห็นถึงสภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแอของญี่ปุ่น และส่งสัญญาณให้เห็นว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิคแล้ว จึงทำให้ตลาดต่างๆเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลก จึงอาจสร้างแรงกดดันให้นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น อาจต้องเลื่อนการปรับขึ้นภาษีการบริโภคครั้งที่ 2 ที่ระดับ 10% จากแผนเดิมที่จะประกาศปรับขึ้นในช่วง ต.ค. 2015 -ธนาคารกลางจีน เปิดเผยว่า ธนาคารจีนทั้งระบบรวมถึงแบงก์ชาติจีน มียอดซื้อเงินตราต่างประเทศสุทธิในเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6.6075 หมื่นล้านหยวน แสดงให้เห็นว่าแกระแสเงินทุนต่างประเทศเริ่มไหลกลับเข้าสู่จีนอีกครั้ง หลังเกิดความผันผวนอย่างมากนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม -เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิด +0.07% หลังจากอีซีบีส่งสัญญาณพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปจึงสกัดปัจจัยลบจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ส่งสัญญาณชะลอตัว -เช้านี้ ดัชนีนิกเกอิเปิด +1.27% เพราะได้รับแรงหนุนจากการเข้าซื้อเก็งกำไรของนักลงทุน หลังจากดัชนีปิดร่วงอย่างรุนแรงวานนี้ หลังจีดีพีญ่ปุ่นหดตัวอย่างเหนือความคาดหมาย -นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะแกว่งตัวในกรอบ 32.70-32.90 บาท/ดอลลาร์ -เมื่อวานนี้ สศช. หรือ สภาพัฒน์ เปิดเผยว่า จีดีพีไทยไตรมาสที่ 3/2557 ขยายตัว 0.6% ดีขึ้นจากเดิม 0.4% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยภาพรวมทั้งปีคาดว่าจีดีพีไทยมีโอกาสเติบโตได้ 1.0% ขณะที่ปีหน้าคาดการณ์ว่าจะเติบโตได้ 3.5-4.5% หลังภาคส่งออกฟื้นตัวได้อย่างชัดเจน -อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่า แม้ว่าจีดีพีไทยไตรมาส 3 จะออกมาต่ำกว่าคาด แต่ก็ยังคงมีสัญญาณดีจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ แต่ปัจจัยที่กดดันจีดีพีไตรมาสนี้ได้แก่ ภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ยังคงหดตัว แต่หากภาครัฐสามารถผลักดันนโยบายเศรษฐกิจให้เป็นรูปธรรม รวมทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณได้ อาจทำให้ไตรมาสสุดท้ายของปี 2557 ขยายตัวได้ใกล้เคียงตัวเลขคาดการณ์ที่ร้อยละ 4.7 (YoY) -รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ยอดส่งออกปีหน้ามีโอกาสโต 4% โดยเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นจากตัวเลขนำเข้าและส่งออกตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา รวมทั้งการบริโภคภายในประเทศ หลังจากรัฐบาลมีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวน 3.2 แสนล้านบาท รวมถึงการส่งเสริมการลงทุน บีโอไอ จำนวน 380 โครงการมูลค่า 4.32 แสนล้านบาท จึงทำให้ต้นปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะเดินหน้าได้ในทิศทางที่ดี -ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ต.ค. 57 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 86.0 ซึ่งอยู่ในระดับทรงตัวกับเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 86.1 เนื่องจากผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อการซบเซาของภาวะเศรษฐกิจไทยและความเสี่ยงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ผู้ประกอบการยังไม่มีแนวโน้มในการขยายการลงทุน ซึ่งดัชนีความเชื่อมั่นฯ ที่ลดลง คาดว่าจะสอดคล้องกับดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.ย. 57 ที่ยังคงหดตัวในอัตราเร่งที่ร้อยละ -3.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเกิดจากอุปสงค์ที่ยังคงลดลง และตลาดของสินค้าบางประเภทไม่มีการสั่งซื้อเพิ่มเติม เนื่องจากไม่ใช่ฤดูกาลของสินค้านั้น ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อคืน - ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้ - PPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.1% คาดการณ์ออกมาที่ระดับ -0.1% - Core PPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.0% คาดการณ์ออกมาที่ระดับ 0.2% ทิศทางราคาทองคำ ราคาทองคำเคลื่อนไหวลักษณะ Sideways บริเวณกรอบบน 1,180 เหรียญ โดยเมื่อวานไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ขณะที่เมื่อวานนี้ SPDR ซื้อทองคำเพิ่ม 2.39 ตัน ปัจจุบันคงทองคำที่ระดับ 723.01 ตัน สำหรับคืนนี้จะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ PPI และ Core PPI ที่คาดว่าจะดีขึ้นเล็กน้อย น่าจะมีผลไม่มากนักต่อราคาทองคำ ค่าเงินดอลลาร์เองกลับมาแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.2450 ยูโร/ดอลลาร์ ขณะที่ข่าวเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอยในทางเทคนิค ซึ่งอาจมีผลโดยรวมกับเศรษฐกิจโลกโดยทั่วไป วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ราคาทองคำในระยะสั้น เริ่มเข้าสู่สภาวะ Sideways อีกครั้งหนึ่ง ในขณะที่กรอบระยะสั้นถ้าราคายังยืนเหนือ 1,180 เหรียญได้ จะเริ่มเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นระยะสั้น ราคาทองคำมีแนวต้านสำคัญ 1,200 เหรียญ และ 1,210 เหรียญตามลำดับ ขณะที่แนวรับอยู่ที่ระดับ 1,170 เหรียญในระยะสั้น เงินบาทเองเริ่มทรงตัวในกรอบแคบบริเวณ 32.75 – 32.80 บาท/ดอลลาร์ วันนี้คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวกรอบแคบ 1,180-1,190 เหรียญ กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ ยังเป็นการบริหารพอร์ตให้ได้ตามสภาวะความผันผวนของตลาด ซึ่งอาจจะเป็นความผันผวนในทิศทางขึ้นและลงได้พร้อมๆกัน - นักลงทุนที่ถือ Long Position แนะนำให้ทำกำไรระยะสั้น - นักลงทุนที่ถือ Short Position ไม่แนะนำให้ทำ Short เพิ่ม หาจังหวะที่จะลดสถานะลงเมื่อราคาปรับตัวลดลง กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading Wait & See ปรับพอร์ตให้สมดุลกับสภาพการแกว่งของตลาด Gold Futures Z14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,440 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,640 บาท Gold Futures G15 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,510 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,710 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง ประชาสัมพันธ์: 1. พบบูธ MTS Gold และโปรโมชั่นแรง X6 ภายในงาน “SET in the City 2014” ในวันที่ 20-23 พฤศจิกายน 2557 เวลา 10.00-20.00น. ณ รอยัล พารากอนฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 02-770-7777 2. เรียนเชิญนักลงทุนเข้าร่วมงานสัมมนาพิเศษ “Technical Class : ทำกำไรในทองคำโดยใช้กราฟเทคนิค” (Level 2) ร่วมบรรยายโดย นพ. กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2557 ณ สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าวชั้น12 เวลา 15.00-17.00น. รับจำนวนจำกัด 40 ที่นั่ง สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ MTS Gold Call Center: 02 770 7777 (เปิดรับเฉพาะสมาชิกของบริษัท MTS Gold และ MTS Gold Futures เท่านั้น หากผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกต้องมีการเปิดบัญชีก่อนเข้าร่วมงานสัมมนา). 3. HOT Line: “MTS E-Business 02-770-7791” นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดด้านการลงทุนผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทั้งระบบ Gold Online และGold Futures ได้ตั้งแต่เวลา 09.00-24.00น. MTS Research MTS Gold Group Phone: 02-770-7777 Fax: 02-623-9366 Email: research@mtsgoldgroup.com Website: http://www.mtsgold.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ