ฟิทช์คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นตั๋วแลกเงินของ บมจ. เอสโซ่ (ประเทศไทย) ที่ระดับ ‘F1(tha)’

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 20, 2014 10:22 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 พ.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์ บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-term Rating) ของโปรแกรมการออกตั๋วแลกเงินอายุไม่เกิน 270 วัน ซึ่งสามารถออกหมุนเวียนใหม่ได้ มูลค่าไม่เกินหนึ่งหมื่นสองพันล้านบาทของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (ESSO) ที่ระดับ ‘F1(tha)’ ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต การสนับสนุนที่แข็งแกร่งจากบริษัทแม่: การคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นนี้สะท้อนถึงการสนับสนุนทางการเงินที่มีอย่างต่อเนื่องจากบริษัทเอ็กซอนโมบิลคอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินของ ESSO เพิ่มขึ้นอย่างมากเนื่องจากกำไรจากการดำเนินงานที่ต่ำลง แต่บริษัทฯ ได้รับความช่วยเหลือด้านการเงินจากบริษัทแม่ในรูปของเงินกู้ยืมระหว่างกันเพื่อให้แน่ใจได้ว่าบริษัทมีสภาพคล่องที่เพียงพอ โดย ณ สิ้นเดือนกันยายนปี 2557 หนี้สินทั้งหมดของบริษัทฯ ซึ่งรวมถึงเงินกู้ยืมระหว่างกัน มีจำนวนที่เพิ่มขึ้นเป็น 3.8 หมื่นล้านบาท จาก 3.2 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนธันวาคมปี 2555 โดยมีสัดส่วนของเงินกู้ยืมระหว่างกันอยู่ที่ 48% ของเงินกู้ยืมทั้งหมด ณ สิ้นเดือนกันยายนปี 2557 เมื่อเทียบกับ 17% ณ สิ้นเดือนธันวาคมปี 2555 กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ลดลง: กำไรจากการดำเนินงานของ ESSO จากธุรกิจการกลั่นและการตลาด รวมไปถึงธุรกิจปิโตรเคมีลดลงเป็นอย่างมากในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2557 โดยผลการดำเนินงานจากธุรกิจการกลั่นและการตลาดมีผลขาดทุนอยู่ที่ 4,482 ล้านบาทในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาสิ้นสุด ณ เดือนกันยายนปี 2557 จากผลกำไร 1,173 ล้านบาทในปี 2556 ขณะที่ผลการดำเนินงานจากธุรกิจปิโตรเคมีมีผลขาดทุนอยู่ที่ 1,633 ล้านบาท ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาสิ้นสุด ณ กันยายนปี 2557 เทียบกับผลขาดทุนที่ 607 ล้านบาทในปี 2556 ฟิทช์คาดว่า ESSO จะมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่มากขึ้นจากส่วนต่างของราคาผลิตภัณฑ์พาราไซลีนและวัตถุดิบที่มีเสถียรภาพมากขึ้น รวมถึงรายได้ค่าการกลั่นที่คาดว่าจะดีขึ้นในสองปีข้างหน้าเมื่อเทียบกับช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2557 อัตราส่วนหนี้สินที่สูง: กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ลดลงส่งผลให้หนี้สินและอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯ สูงขึ้นในปี 2556 และช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2557 อัตราส่วนหนี้สินซึ่งคำนวณจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงาน (FFO adjusted net leverage) สูงถึง 12.32 เท่าในปี 2556 ฟิทช์คาดว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทฯ จะดีขึ้นจะช่วยลดอัตราส่วนหนี้สินลงได้ แต่อัตราส่วนหนี้สินดังกล่าวน่าจะยังคงสูงอยู่มากในปี 2557-2558 ไม่มีแผนการลงทุนใหม่ที่มีขนาดใหญ่: ฟิทช์คาดว่า ESSO ไม่น่าจะมีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในช่วงปี 2557-2561 หลังจากที่โครงการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันศรีราชาเสร็จสิ้นในปี 2554 ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนของบริษัทฯน่าจะอยู่ที่ประมาณ 600 ล้านบาทถึง 1,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งใช้ในส่วนของการบำรุงรักษาและโครงการขนาดเล็กเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ สภาพคล่องที่ยังคงแข็งแกร่ง: แม้ว่าอัตราส่วนหนี้สินของ ESSO จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ฟิทช์ยังมองว่าสภาพคล่องของ ESSO ยังมีอยู่อย่างเพียงพอ โดยได้รับการสนับสนุนจากวงเงินกู้จากกลุ่มบริษัท ExxonMobil ที่ยังมีอยู่จำนวน 5.4 หมื่นล้านบาท วงเงินเหล่านี้มีกำหนดอายุถึงเดือนธันวาคมปี 2559 และจะได้รับการต่ออายุใหม่โดยมีระยะเวลาของวงเงินสามปี นอกจากนี้สภาพคล่องยังได้รับการสนับสนุนจากวงเงินหมุนเวียนจากสถาบันการเงินที่ยังไม่ได้เบิกถอนจำนวน 1.6 หมื่นล้านบาท และวงเงินตั๋วแลกเงินคงเหลือที่สามารถออกได้จำนวน 7,905 ล้านบาท โรงกลั่นที่มีสายการผลิตที่เชื่อมโยงกับการผลิตพาราไซลีน: อันดับเครดิตของ ESSO สะท้อนถึงโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทฯ ที่มีความซับซ้อนและมีความสามารถในการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ที่สูง รวมถึงความได้เปรียบในการจัดหาน้ำมันดิบและวัตถุดิบในต้นทุนที่ต่ำโดยผ่านเครือข่ายของบริษัทแม่ ตลอดจนการดำเนินธุรกิจภายใต้เครื่องหมายการค้า “เอสโซ่” (Esso) ที่มีชื่อเสียงอันยาวนานในประเทศไทย อันดับเครดิตยังได้พิจารณาถึงการที่โรงกลั่นของบริษัทฯ มีการประสานเชื่อมโยงกันกับการผลิตพาราไซลีนซึ่งเป็นการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ทำให้สายการผลิตมีการใช้ประโยชน์สูงสุด และยังเป็นการช่วยลดความผันผวนของรายได้จากการกลั่นน้ำมันได้บางส่วนอีกด้วย นอกจากนี้ ESSO ยังมีความแข็งแกร่งในธุรกิจการค้าปลีกน้ำมันสำเร็จรูป โดยมีสัดส่วนยอดขายต่อยอดขายทั้งหมดในตลาดเป็นอันดับสามในประเทศไทยในช่วงเก้าเดือนแรกของปี 2557 ความเชื่อมโยงกับบริษัทแม่: นอกจากความช่วยเหลือทางการเงินจากกลุ่มบริษัท ExxonMobil แล้ว ESSO ยังได้รับประโยชน์จากการใช้เครือข่ายที่มีอยู่ทั่วโลกในส่วนของการจัดหาวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมัน รวมถึงการบริการด้านเทคโนโลยี วิศวกรรม ทรัพยากรบุคคล และการวิจัยและพัฒนาของกลุ่มบริษัทเอ็กซอนโมบิลในการพัฒนาด้านประสิทธิภาพในการดำเนินงานอีกด้วย ความผันผวนตามวัฏจักรของธุรกิจ: สถานะเครดิตของ ESSO ยังพิจารณารวมถึงความเสี่ยงจากความผันผวนที่สูงของราคาน้ำมันดิบ รายได้ค่าการกลั่น ตลอดจนส่วนต่างระหว่างราคาวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ซึ่งอาจมีผลกระทบอย่างมากต่อรายได้ ความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียน และการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทฯ นอกจากนี้ ESSO ยังมีความเสี่ยงจากการที่บริษัทฯ มีโรงกลั่นน้ำมันเพียงแห่งเดียว (Single-Site) อีกด้วย ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต ปัจจัยบวก: - การปรับเพิ่มของอันดับเครดิต ไม่น่าจะเกิดขึ้นในช่วง 12 เดือนข้างหน้า เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินในปัจจุบันของบริษัทฯ ที่อยู่ในระดับที่สูง อย่างไรก็ตามความความสัมพันธ์และความเชื่อมโยงกับกลุ่มบริษัท ExxonMobil ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อาจจะเป็นปัจจัยบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัทฯ ได้ ปัจจัยลบ: - สัดส่วนการถือหุ้นและการสนับสนุนที่น้อยลงจากกลุ่มบริษัท ExxonMobil และ/หรือ การลดลงของการเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากธนาคารและตลาดตราสารหนี้ซึ่งอาจมีผลต่อสภาพคล่องและความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทฯ - อัตราส่วนหนี้สิน โดยคำนวณจากอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงาน (FFO adjusted net leverage) ซึ่งรวมถึงเงินกู้ยืมระหว่างกันอยู่ในระดับที่สูงกว่า 6.5 เท่าอย่างต่อเนื่อง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ