กรุงเทพฯ--21 พ.ย.--พม.
พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานประกาศเจตนารมณ์การสร้างสังคมที่เป็นมิตรต่อเด็ก เนื่องในโอกาสวันสิทธิเด็กสากล ภายในงาน ๒๕ ปี อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก หัวข้อ “สังคมที่เป็นมิตรต่อเด็ก” ณ Conference Room ๑ชั้น ๒ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ
พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า เนื่องจากวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ของทุกปีถือเป็น “วันสิทธิเด็กสากล” และปีนี้เป็นปีที่พิเศษ เพราะเป็นการครบรอบ ๒๕ ปีของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child) ซึ่งเป็นสนธิสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนที่มีประเทศเข้าเป็นภาคีมากที่สุด โดยมีเจตนารมณ์ว่า เด็กทุกคนในโลกนี้เกิดมาพร้อมสิทธิต่าง ๆ ตั้งแต่สิทธิที่จะมีชีวิตอยู่รอด ปลอดภัยมีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ ได้รับการศึกษาและพัฒนาตามวัย ตลอดจนได้รับการปกป้องคุ้มครองจากอันตรายและการถูกละเมิดและถูกแสวงประโยชน์ ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ (สท.) ร่วมกับสภาเด็กและเยาวชน คณะทำงานด้านเด็ก และองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ จัดงาน “๒๕ ปี อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก” หัวข้อ “สังคมที่เป็นมิตรต่อเด็ก” ครั้งนี้ขึ้นมา เพื่อให้ได้ข้อเสนอแนะของเด็กในการปรับปรุงสถานการณ์สิทธิเด็กของประเทศไทย โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน รวมถึงเด็กและเยาวชนและเพื่อทบทวนสถานการณ์การดำเนินงานด้านเด็กของประเทศไทย และข้อท้าทายในการปรับปรุงสถานการณ์ด้านเด็กให้ดียิ่งขึ้น
พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวต่อไปว่า การสร้างสังคมที่เป็นมิตรต่อเด็กถือเป็นการเปลี่ยนแปลงหลักการของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในระดับพื้นที่ในรูปแบบของเมืองที่เป็นมิตรต่อเด็กและในภาพรวมของประเทศในรูปแบบของสังคมที่เป็นมิตรต่อเด็ก ตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ขอประกาศเจตนารมณ์ในการสร้างสังคมที่เป็นมิตรต่อเด็ก เพื่อเป็นหลักประกันให้เด็กทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยได้รับสิทธิที่เขาพึงได้รับตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กดังนี้ ๑. นำข้อเสนอแนะของเด็กและเยาวชนจากเวทีสิทธิเด็กระดับชาติ ครั้งที่ ๒๕ เรื่อง “สังคมที่เป็นมิตรต่อเด็ก” ขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติทั้งในระดับพื้นที่และในภาพรวมของประเทศ เพื่อให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยยึดประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นหลัก ๒. สนับสนุนทรัพยากรและระดมสรรพกำลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการสร้างสังคมที่เป็นมิตรสำหรับเด็ก เพื่อให้เด็กได้รับการพัฒนาและปกป้องคุ้มครองอย่างต่อเนื่องทุกช่วงวัย ๓. สร้างสภาพแวดล้อมของเมืองและสังคมที่ปลอดภัย เป็นมิตรต่อเด็กในทุกด้าน เพื่อให้เด็กทุกคนในประเทศไทยได้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ปลอดภัย เป็นมิตร และเอื้อต่อการพัฒนาเด็ก ๔. ส่งเสริมการจัดบริการที่เป็นมิตรต่อเด็ก โดยคำนึงถึงความสำคัญของเด็กทุกกลุ่มทุกช่วงวัยอย่างต่อเนื่องและครอบคลุม และ ๕. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเด็กและเยาวชนทั้งเรื่องสิทธิและหน้าที่ในฐานะพลเมืองของประเทศ น้องๆทุกคนนอกจากจะมีสิทธิแล้ว ต้องไม่ลืมว่าตนเองมีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบต่อสังคม ต่อประเทศชาติด้วย
“ทั้งนี้ ในนามรัฐบาล ขอให้ทุกคนร่วมกันสร้างชาติ ด้วยการพัฒนาและคุ้มครองเด็กทุกช่วงวัย สร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมที่เป็นมิตรต่อเด็ก” พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวตอนท้าย.