สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 9.00 น.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 26, 2014 10:47 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--26 พ.ย.--MTS Gold Group ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,198 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,200เหรียญ/ออนซ์ (22.30น.) ค่าเงินบาทปิด 32.82 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,550บาท กับ 18,650บาท และกลับมาปิดที่ 18,550 บาท กับ 18,650 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 663 คู่สัญญาแบบ 10 บาทอยู่ที่ 3,302 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 1.2 % แบบ10 บาท เพิ่มขึ้น 4.9% GFZ14 ปิด 18,740 บาท และ GFG14 ปิด 18,800 บาท GF10Z14 ปิดที่ 18,750 บาท GF10G14 ปิดที่ 18,810 บาท สัญญา Comex เพิ่มขึ้น 1.4 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,197.1 ดอลลาร์/ออนซ์ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.69ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ระดับ 74.09 ดอลลาร์/บาร์เรล SPDR ถือครองทองคำที่ระดับ 720.91 ตัน (คงทองเท่าเดิม) ข่าวที่สำคัญ -เมื่อคืนนี้ ตลาดทองคำปิด +0.12% เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ หลังดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลงน้อยกว่าคาด -นักวิเคราะห์จากรอยเตอร์ส กล่าวว่า ทองคำยังคงแกว่งตัวในกรอบจำกัด โดยยังขาดปัจจัยขับเคลื่อน หลังจากสัญญา Gold Option ส่งมอบเดือนธันวาคมในตลาด COMEX ได้หมดอายุลง ขณะที่วันพรุ่งนี้จะเป็นวันหยุดทำการของสหรัฐฯในวันThanksgiving ทางด้านผลการลงประชามติของชาวสวิสฯจะเริ่มต้นขึ้นในวันอาทิตย์นี้ -นักวิเคราะห์จาก HSBC คาดการณ์ว่า หากประชามติส่วนใหญ่ของสวิสฯ เลือกโหวต “Yes” ก็จะสนับสนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และอาจทำให้ราคาทองคำดีดตัวขึ้นได้กว่า 50 เหรียญ หลังจากที่ราคาปรับตัวลดลงสู่ระดับต่ำในรอบ 4 ปีครึ่ง และอาจส่งผลเชิงบวกต่อราคาทองคำในระยะยาว แต่หากผลโหวตออกมาเป็น “No” เช่นเดียวกับผลสำรวจ อาจส่งผลให้ราคาทองคำค่อยๆปรับตัวลดลง และจะช่วยยืนยันแนวโน้มขาลงของทองคำอีกครั้ง -เทรดเดอร์และนักลงทุนยังคงรอคอยผลการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯในค่ำคืน-นี้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะออกมาดีขึ้น และอาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าและกดดันราคาทองคำอีกครั้ง รวมถึงอาจสนับสนุนให้เฟดพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดการณ์ -ปริมาณการนำเข้าทองคำของจีนจากฮ่องกงในเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 77.628 ตัน จากเดิม 68.641 ตันในเดือนก่อนหน้า -ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2470 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.2437 ยูโร/ดอลลาร์ ขณะที่ดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 87.857 จากเดิมที่เป็นจุดสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ระดับ 88.388 เพราะได้รับแรงกดดันจากข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวลง -ขณะที่เงินเยนแข็งค่าลงสู่ระดับ 117.94 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 118.29 เยน/ดอลลาร์ -อย่างไรก็ดี นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ แสดงความกังวลกับการอ่อนค่าของเงินเยน หลังบีโอเจประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งล่าสุด โดยระบุว่า บีโอเจจะจับตาไปยังค่าเงินเยนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินเยนจะส่งผลต่อเศรษฐกิจด้านลบ เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าปรับตัวสูงขึ้น จะส่งผลต่อกลุ่มบริษัทขนาดเล็กและภาคครัวเรือน -การประกาศ จีดีพีขั้นต้นครั้งที่ 2 ประจำไตรมาสที่ 3/2014 ของสหรัฐฯ พบว่ามีการขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 3.9% จากประมาณการครั้งแรกที่ระดับ 3.5% เพราะได้รับแรงสนับสนุนหลักจากการบริโภคส่วนบุคคลที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ -ขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนพฤศจิกายนของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 88.7 จากเดิม 94.1 ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากกลุ่มผู้บริโภคมีมุมมองเชิงบวกต่อภาคธุรกิจและตลาดแรงงานในปัจจุบันและอนาคตลดลง -นอกจากนี้ ดัชนีราคาบ้าน 20 เขตในสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น 4.9% เมื่อเทียบรายปีในเดือนกันยายน จากเดิม 5.6% ในเดือนสิงหาคม แสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยมียังคงชะลอตัว เนื่องจากปริมาณความต้องการซื้อบ้านลดลง แต่อุปทานบ้านในตลาดเพิ่มสูงขึ้น -OECD ระบุว่า เฟดควรชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดังนั้นเฟดจึงควรมีนโยบายที่ยืดหยุ่น เพื่อรับมือหากเศรษฐกิจเกิดความผันผวนอีกครั้ง -นอกจากนี้ OECD ปรับลดคาดการณ์จีดีพีญี่ปุ่นในปีนี้ลง 0.4% และปีหน้า 0.8% หลังจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส เพราะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีการบริโภค ขณะที่ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวในระดับปานกลางประมาณ 2 ปี ที่ระดับ 3.3-3.9% โดยอาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงของตลาดการเงินที่ผันผวน รวมถึงสภาพเศรษฐกิจที่เปราะบางของยูโรโซน -ทั้งนี้ OECD ระบุว่า เศรษฐกิจของยูโรโซนกำลังเข้าสู่ภาวะชะงักงัน จึงถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัวและระบบทางการเงินของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากมีอัตราว่างงานในระดับสูง ขณะที่เงินเฟ้อยังคงต่ำกว่าระดับเป้าหมาย ซึ่งอีซีบีควรยังคงเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป -นักวิเคราะห์ คาดว่า ธนาคารกลางจีนอาจประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ภายหลังจากที่ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์ที่ผ่านมา จะส่งผลเชิงบวกต่อสภาพเศรษฐกิจจีน -ราคาน้ำมันดิบ ยังคงได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการประชุมของกลุ่มโอเปคในวันพรุ่งนี้ หลังจากสมาชิกในกลุ่มยังคงมีมุมมองที่แตกต่างกันในเรื่องเพดานการผลิตน้ำมัน ซึ่งเวเนซูเอล่าและอิหร่าน แสดงความคิดเห็นในเชิงการปรับลดการผลิต ขณะที่ซาอุดิอาระเบีย สนับสนุนให้มีการปรับลดราคาน้ำมันเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งตลาดแทนการปรับลดการผลิต -นักวิเคราะห์ ประเมินว่า ผลการประชุมวันพรุ่งนี้ โอเปคอาจจะต้องปรับลดการผลิตน้ำมันลงอย่างน้อย 3% หรือราว 1 ล้านบาร์เรล จึงจะสามารถยับยั้งการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบได้ แต่หากกลุ่มโอเปคมีมติคงเพดานการผลิต หรือลดการผลิตเพียงเล็กน้อย จะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวร่วงลง -เมื่อวานนี้ ยูเครนและรัสเซีย บรรลุข้อตกลงว่าด้วยการจัดส่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์สำหรับเตาปฏิกรณ์ของยูเครนในอีก 2 ปีข้างหน้า -รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของอินโดนีเซีย กล่าวว่า ในปีนี้ 2015 เศรษฐกิจอินโดนีเซียจะสามารถขยายตัวได้แตะระดับ 5.8% จากแผนการสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นการเติบโต รวมถึงการประกาศขึ้นราคาเชื้อเพลิงที่ผ่านมา -เมื่อคืนนี้ ตลาดหุ้นดาวโจนส์ แกว่งตัวผันผวน โดยในช่วงแรกดีดขึ้นจากข้อมูลจีดีพีที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ก่อนจะปิดตลาด -0.02% หลังมีรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯปรับตัวลง รวมถึงราคาบ้านที่ชะลอตัวลงเช่นกัน -เช้านี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาด -0.34% เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีนิกเกอิพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวานนี้ -นักบริหารเงิน ประเมินว่า ในวันนี้ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.70-32.90 บาท/ดอลลาร์ -ขณะที่ นักเศรษฐศาสตร์จาก ADB เปิดเผยว่า ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ถือเป็นปัจจัยคุกคามที่สำคัญที่สุดต่อตลาดพันธบัตรเอเชีย รวมถึงเกาหลีใต้ เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์จะทำให้ภาระหนี้สินในรูปสกุลเงินท้องถิ่นของประเทศในเอเชียเพิ่มสูงขึ้น -ที่ปรึกษาด้านการลงทุน ของ BOI กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ด BOI อนุมัติการส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทย 23 โครงการ รวมเป็นวงเงินลงทุนจำนวน 79,217.2 ล้านบาท ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อคืนนี้ -Prelim GDP q/q ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 3.5 % ตัวเลขจริงปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.9% -CB Consumer Confidence ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 94.1 ตัวเลขจริงปรับตัวลดลงสู่ระดับ 88.7 ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้ - Core Durable Goods Orders m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.1%คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.5% - Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 291K คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 287K - Core PCE Price Index m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.1% คาดการณ์ว่าจะทรงตัวที่ระดับ 0.1% - Durable Goods Orders m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -1.1%คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ-0.4% - Personal Spending m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ -0.2% คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.4% - Chicago PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 66.2 คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 63.1 - Revised UoM Consumer Sentiment ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 89.4 คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 90.2 - New Home Sales ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 467K คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 471K - Pending Home Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 0.3%คาดการณ์ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.9% ทิศทางราคาทองคำ ตลาดทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่าง 1,190-1,205 เหรียญ แม้ว่าจะมีตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อันได้แก่ ประมาณการณ์ GDP ขั้นต้นครั้งที่ 2 ประจำไตรมาส 3/2014 ออกมาดีขึ้น ขณะที่นักลงทุนทั่วไปยังคงกังวลเกี่ยวกับค่าเงินดอลลาร์ที่ดูจะแข็งค่ามากเกินไป ทำให้เริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ให้เฟดชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลง เนื่องจากประชาชนทั่วไปยังไม่มั่นใจต่อการฟื้นตัวของสภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ทองคำมีความผันผวนปรับตัวลงบ้าง และกลับมาปิดใกล้บริเวณ 1,200 เหรียญได้เช่นเดิม โดยปิดตลาด COMEX ที่ระดับ 1,197 เหรียญ วันนี้จะมีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญหลายตัว ซึ่งภาพรวมคาดการณ์จะออกมาดี ทางด้าน SPDR ยังคงถือครองทองคำเท่าเดิมที่ระดับ 720.91 ตัน วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ภาพกราฟทองคำระยะสั้นดูจะมีความผันผวนแบบไร้ทิศทาง โดยกราฟราย 4 ชั่วโมง และ 8 ชั่วโมง เริ่มจะเห็นสภาวะ Divergence ใน MACD และ RSI บ่งบอกว่าการขึ้นของราคาบริเวณ 1,200 เหรียญนั้นไม่ได้มีปริมาณแรงซื้อสนับสนุน และ Momentum ไม่ได้ขึ้นตาม โดยภาพรวมทางเทคนิคคาดว่าราคาน่าจะปรับตัวลดลงมากกว่า เนื่องจากเกิดภาวะ Divergence ในหลายๆ Sector ของ Time Frame อย่างไรก็ดี จะเห็นแรงซื้อกลับอยู่เสมอเมื่อราคาปรับตัวลดลง ดังนั้นนักลงทุนควรใช้ความระมัดระวังในการบริหารพอร์ตมากขึ้น และทำกำไรในระยะสั้นมากขึ้น เนื่องจากมีรายใหญ่คอยเข้ารับซื้ออยู่ตลอดเมื่อราคาปรับตัวลดลง วันนี้คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,185 – 1,205 เหรียญ โดยเป็นกรอบที่กว้างขึ้นเนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจออกมา สำหรับพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของสหรัฐฯในวัน Thanksgiving จึงคาดว่าจะมีการปิดสถานะต่างๆ รวมถึง Gold Option ที่ได้หมดอายุไปแล้ว ฉะนั้นคืนนี้อาจเกิดความผันผวนของราคาทองคำในระดับหนึ่ง กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ ยังเป็นลักษณะการลงทุนในทิศทางขาลงในระยะยาว และยังเป็นลักษณะการเก็งกำไรระยะสั้นในกรอบเมื่อมีการแกว่งตัว เน้นทำกำไรระยะสั้นบริเวณ 1,185-1,205 เหรียญ - นักลงทุนที่ถือ Long Position และ นักลงทุนที่ถือ Short Position เน้นทำกำไรในระยะสั้น ตามการแกว่งตัวในกรอบ 1,185-1,205 เหรียญ กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading ยังแนะนำให้เก็งกำไรในทิศทางขาลง Gold Futures Z14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,620 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,820 บาท Gold Futures G15 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,680 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,880 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง ประชาสัมพันธ์: 1. เรียนเชิญนักลงทุนเข้าร่วมงานสัมมนาพิเศษ “Technical Class : ทำกำไรในทองคำโดยใช้กราฟเทคนิค” (Level 3) ร่วมบรรยายโดย นพ. กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ วันที่ 15 ธันวาคม 2557 ณ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น17 เวลา 15.00-17.00น. รับจำนวนจำกัด 40 ที่นั่ง สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ MTS Gold Call Center: 02 770 7777 (เปิดรับเฉพาะสมาชิกของบริษัท MTS Gold และ MTS Gold Futures เท่านั้น หากผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกต้องมีการเปิดบัญชีก่อนเข้าร่วมงานสัมมนา). 3. HOT Line: “MTS E-Business 02-770-7791” นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดด้านการลงทุนผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทั้งระบบ Gold Online และGold Futures ได้ตั้งแต่เวลา 09.00-24.00น. MTS Research MTS Gold Group Phone: 02-770-7777 Fax: 02-623-9366 Email: research@mtsgoldgroup.com Website: http://www.mtsgold.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ