ทีวีไกด์รายการ "คนดังนั่งเคลียร์" “แม่สีดา” น้ำตาตกชีวิตรันทด มีเงินติดตัว10 บาท ขอโอกาสทำงาน

ข่าวบันเทิง Wednesday December 3, 2014 09:56 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--อาร์เอส ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย สำหรับอดีตนักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมือ “สีดา พัวพิมล” ออกมาเผยชีวิตสุดรันทดในรายการ“คนดังเคลียร์” ทาง “ช่อง 2” บันเทิง...ถึงรส ถึงคุณ หลังจากมีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลคดีฉ้อโกงก็เงียบหายไป คราวนี้กลับมาพร้อมหลักฐานที่สามารถชนะคดีได้ทั้ง 3 ศาล แต่ถึงกับน้ำตาตกเมื่อชีวิตต้องการมาเป็นเด็กเสิร์ฟแลกข้าวกัน บางวันมีเงินติดตัวแค่10 บาท อัพเดทเรื่องคดีก่อนนะ ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ? “ในส่วนของคดี ตอนนี้จบแล้ว เราชนะทั้ง 3 ศาล ศาลสุดท้ายจบเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เอง ตอนนี้รู้สึกสบายใจขึ้น อย่างน้อยเราก็ได้พิสูจน์ว่าเราไม่ได้โกงใคร ไม่ได้หลอกลวงใคร เราทำงานจริงๆ เราสู้มาหลายปีอยู่นะคะ” ตอนนี้ชีวิตเป็นยังไงบ้าง ? “อย่างที่เห็นคะ ไม่มีอะไรทำ ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายของคนๆ หนึ่ง (เสียงสั่น) ไม่พอใช้ก็ต้องพอค่ะ เราต้องอยู่ให้ได้ ชีวิตตอนนี้ลำบากกว่าที่เคยเป็นอยู่ เพราะมันไม่มีงาน ไม่มีรายได้เข้ามา” กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนี้เราจะทำยังไงต่อ “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราไปโทษอะไรไม่ได้ เราต้องโทษตัวเราเองที่เราคิดผิด ไปหมุนเงินผิด ผิดที่ผิดทาง ถ้าเราคิดไม่ผิดเดินในทางที่ถูกต้องไม่ไปกู้เงินนอกระบบ ปัญหาก็คงไม่เกิดแบบนี้ แล้วเราก็จะไม่ไปรบกวนอะไรใคร เราคิดว่าการแก้ปัญหาของเราเป็นการแก้ปัญหาแบบสั้นๆ แต่จริงๆ แล้วไมใช่เลย มันเป็นดินพอกหางหมู” ตอนนี้ยังมีหนี้อยู่อีกมั้ย ? “ยังมีค่ะ อยากจะหมดหนี้เหมือนกันแต่มันไม่มีอะไรสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่ได้ ยังคิดอะไรไม่ออก หนี้ตอนนี้จะว่าเยอะมันก็ไม่เยอะ จะว่าน้อยมันก็ไม่น้อย แต่มันก็เยอะสำหรับชั่วโมงนี้ คิดตลอดเวลาว่าอยากจะหมดหนี้ ไม่อยากทำบาป” ได้ข่าวว่ามีเงินติดตัวอยู่แค่ 10 บาท ? “ถ้าจะให้พูดจริงๆ ช่วงที่หายไปไม่มีใครติดต่อเข้ามา ไม่มีการช่วยเหลือจากทางไหนเลย เราไม่ได้ออกไปของานใคร เพราะไปก็ต้องมีค่ารถ มีค่าใช้จ่าย มันลำบาก แล้วเราคิดว่ากลัวจะไปรบกวนเขา มันคิดเยอะ แต่ตอนนี้สบายใจขึ้นที่ว่าตราบาปที่เรามีมาในชีวิตเรามันหลุดพ้นแล้ว ที่ผ่านมามันพังหมดทั้งชีวิต ทั้งชื่อเสียงหลายอย่าง” หลังจากนี้ว่าวางแผนยังไงบ้าง ? “ได้แต่คิดนะ การวางแผนมันต้องมีอยู่แล้วแหละ เพราะเราก็อยากทำมาหากินอยากหมดหนี้ ไม่อยากเป็นหนี้ใคร ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ เรามั่นใจว่าเราเป็นคนสู้ชีวิต เป็นคนขยันทำงานอยู่แล้ว ตอนนี้เราใช้ชีวิตคนเดียว ญาติก็มีนะแต่เราไม่อยากจะไปรบกวนใคร เพราะว่ามันมองหน้าใครไม่ติด จะโทรหาใครก็กลัว คิดว่าเราจะรบกวน จะไปพึ่งอะไรเขา เราก็อยู่ของเราแบบนี้ มีอะไรก็กินไปกินไข่ทุกวันจนจะขันได้แล้ว ที่อยู่ตอนนี้เป็นบ้านก็อาศัยเขาอยู่ ไม่ใช่บ้านเดิม บ้านเดิมโดนเขายึดไปแล้ว ไม่ได้เช่าหรอกค่ะ เพราะว่าคงไม่มีเงินเช่า” ได้ข่าวว่าไปเสิร์ฟอาหาร ? “อันนี้เราไปช่วยเขาคะ ไปช่วยเขาด้วยใจ เมื่อก่อนเขาเคยทำงานอยู่กับเรา สมัยก่อนเราทำร้านอาหารในช่วงที่เราตกทุกข์ได้ยาก เขาเป็นคนเดียวที่เพียรตามหาเราว่าเราทุกข์ยากยังไง เขาพยายามหาเราตามทุกข์สุข เรามีความรู้สึกว่าเราซึ้งใจ รู้ว่าเขาทำร้านอาหารเราอยู่ว่างๆ ก็ไปช่วยเขา ไม่ได้ได้มีค่าจ้างอะไร เขาก็มีน้ำใจ ให้เรากินอย่างดีแบบนี้แหละคะ เรามีความรู้สึกว่าเราได้จากเขาเยอะมากเหลือเกิน “ น้อยใจในโชคชะตาบ้างมั้ย “จะว่าน้อยใจในชะตาของตัวมั้ย มั้ยนะ เราไปลิขิตชีวิตของตัวเราเองมากกว่า แล้วเราไปโทษใครก็ไม่ได้ ต้องโทษตัวเอง เราต้องเตือนตัวเองว่าต้องรู้จะเข็ดและรู้จักจำ แล้วจะไม่ทำมันอีก ตอนนี้ก็ไม่รู้จะบอกใครยังไงดี เพราะว่าหลักฐานมันก็โชว์อยู่แล้ว เราชนะทั้ง 3 ศาล ที่ผ่านมาเราหมุนเงินผิดที่ผิดทางก็กลายเป็นปัญหาที่บานปลาย” มีโอกาสที่กลับมาทำงานในวงการบันเทิงมั้ย ? “ถามว่าทุกคนก็อยากจะได้โอกาส ตัวเราเองก็อยากได้โอกาส แต่จะได้รับโอกาสนั้นหรือเปล่าไม่รู้ ตอนนี้ไม่ได้ทำงานอะไร เงินที่ใช้จ่ายในชีวิตประจำวันก็ไม่มี ลูกสาวส่งมาให้บ้างนิดหน่อย เขาไม่ได้ทำอะไรเพราะว่าสามีเขาเลี้ยง เราเกรงใจเขาเหมือนกัน เพราะว่าช่วงที่เราคิดผิดหมุนเงินผิดเราก็ไปทำให้เขาเดือดร้อน เราก็รู้สึกผิด เขาให้นิดๆ หน่อยๆ เราก็ไม่ได้ไปเรียกร้องอะไร เท่าไหร่ก็เท่านั้น เงินเราไม่ได้ใช้อะไรมากมายใช้แค่ซื้อจำเป็น ซื้อยารักษาตัวบ้าง มีอะไรก็ทานไปเราทานง่ายอยู่แล้ว ประทังชีวิตไว้ดีกว่ามันจะได้มีสมองไว้ต่อสู้ คิดอย่างเดียวค่ะ อยากหมดหนี้ ไม่อยากเป็นหนี้ใคร ไม่อยากทำบาป หนี้สินตอนนี้รวมๆ ก็เป็นล้าน ยอมรับว่าเครียดค่ะ เราอยากให้เขารู้ว่าเราคิดตลอดเวลาว่าจะใช้หนี้พวกคุณให้หมดให้เราได้รับโอกาสก่อนอะไรก็ได้” ชีวิตตอนนี้ลำบากขนาดไหน ? “ก็อยู่ได้ อยู่ได้อย่างที่เห็นนี่แหละคะ ป่วยไข้ก็มีบ้างเพราะว่าตอนนี้อายุ 60 เต็มแล้ว เป็นคนคิดอะไรเยอะอยู่คนเดียวก็คิดไปเรื่อย เรารู้สึกโดดเดียวจากที่มีเพื่อนเยอะ มีบริวารเยอะ เดี๋ยวนี้ไม่มีใครสักคน แต่เราต้องอยู่ให้ได้ ถามว่าท้อมั้ย มันก็มีบ้างถ้าใครเจอปัญหาแบบนี้ แต่ไม่ถอยเพราะว่าเรามีหนึ่งสมองสองมืออยู่ที่คิดจะลุกขึ้นมาทำอะไร เราทำอะไรก็ได้ขยันทำงานมาตั้งแต่สาวๆ แต่ไม่น่าจะผิดพลาดเอาตอนบั้นปลายชีวิตเลยเนอะ” ติดตามบทสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ในรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ได้ทางช่อง 2 ทุกวันจันทร์-ศุกร์เวลา 11.30 / 15.00 / 20.00 น. เสาร์-อาทิตย์11.00/15.00/20.00 และติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.facebook.com/thaich2

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ