สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2557เวลา 9.00 น.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 11, 2014 10:14 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--11 ธ.ค.--MTS Gold Group ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,201 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,234เหรียญ/ออนซ์ (22.30น.) ค่าเงินบาทปิด 32.84 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,700 บาท กับ 18,800 บาท และกลับมาปิดที่ 18,700 บาท กับ 18,800 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 735 คู่สัญญา แบบ 10 บาทอยู่ที่ 3,700 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 1.84 % แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 6.28% GFZ14 ปิด 19,290 บาท และ GFG14 ปิด 19,360 บาท GF10Z14 ปิดที่ 19,300 บาท GF10G14 ปิดที่ 19,370 บาท สัญญา Comex ลดลง 2.6 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,229.4 ดอลลาร์/ออนซ์ NYMEX ลดลง 2.88 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ระดับ 60.94 ดอลลาร์/บาร์เรล SPDR ซื้อเข้า 2.99 ตัน ถือครองทองคำที่ระดับ724.8 ตัน ข่าวที่สำคัญ -เมื่อคืนนี้ทองคำปรับตัวลดลงเพียงเล็กน้อย 0.21% หลังจากที่ปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับ 1,238 เหรียญ/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ในคืนก่อนหน้า -นักวิเคราะห์จาก HSBC กล่าวว่า แม้ราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวลดลงอย่างหนัก แต่ก็ไม่สามารถฉุดให้ปรับตัวลดลงตามอย่างรุนแรงได้ โดยทองคำยังคงทรงตัวเหนือระดับ 1,220 เหรียญ/ออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ยังคงปรับตัวลง จึงทำให้นักลงทุนกลับมาถือครองทองคำเพิ่มขึ้นในฐานะ Safe Heaven -นักวิเคราะห์จาก แคปพิทอล อีโคโนมิคส์ กล่าวว่า ราคาทองคำกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น และอาจปรับตัวขึ้นต่อจนถึงปีหน้า หากตลาดหุ้นยังคงร่วงลงต่อเนื่อง เพราะจะช่วยทำให้ทองคำกลับมาน่าสนใจอีกครั้ง อย่างไรก็ดี แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในปีหน้า อาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้น และจะกดดันให้ทองคำกลับมาปรับตัวลดลงอีกครั้ง -SPDR ถือครองทองคำเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ โดยวันที่ 9 ธ.ค.ซื้อทองคำเพิ่ม 2.69 ตัน และเมื่อวานนี้ซื้อเพิ่มขึ้น 2.99 ตัน รวมทั้งสิ้น 5.68 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ระดับ 724.80 ตัน -ค่าเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าลงติดต่อกัน 3 วันทำการ สู่ระดับ 1.2444 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.2374 ยูโร/ดอลลาร์ และเช้านี้อยู่ที่ระดับ 1.2490 ยูโร/ดอลลาร์ ด้านดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลง 88.00 จากระดับ 88.27 เพราะได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรปที่อ่อนแรงลง -ด้านค่าเงินเยนก็ยังคงแข็งค่าต่อเนื่องเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ สู่ระดับ 118.08 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 119.49 เยน/ดอลลาร์ และเช้านี้เคลื่อนไหวที่ระดับ 117.71 เยน/ดอลลาร์ หลังจากยอดสั่งซื้อเครื่องจักรภาคเอกชนของญี่ปุ่นปรับตัวลงสู่ระดับ -6.4%ในเดือนพฤศจิกายน -สภาหอการค้าอังกฤษ (BCC) กล่าวเตือนว่า การเติบโตของเศรษฐกิจอังกฤษจะเผชิญกับภาวะเสี่ยงที่ไม่แน่นอน พร้อมทั้งปรับลดคาดการณ์การเติบโตของจีดีพีอังกฤษในปีนี้ลงสู่ระดับ 3.0% ขณะที่ปี 2015 และ 2016 จะขยายตัวลดลงสู่ระดับ 2.6% และ 2.4% ตามลำดับ -นายแอนโทนีส ซามาราส นายกรัฐมนตรีกรีซ ประกาศว่า รัฐสภากรีซจะลงคะแนนเสียงการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ให้เร็วขึ้นจากกำหนดเดิมในอีก 2 เดือน มาเป็นวันที่ 17 ธันวาคมนี้ โดยมี นายสตาฟรอส ดิมาส อดีตกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมของอียู เป็นผู้ลงสมัครชิงตำแหน่ง ซึ่งนายคาโรลอส ปาปูลิแอส ประธานาธิบดีคนปัจจุบันจะครบวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี ในเดือนมกราคม 2015 -นักวิเคราะห์ ระบุว่า หากรัฐสภากรีซไม่สามารถทำการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ได้ นายซามาราส อาจต้องประกาศเลือกตั้งทั่วไปก่อนกำหนดในช่วงต้นปี 2015 (คาดการณ์ ก.พ.) ซึ่งพรรไซรีซา ที่ต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดทางการเงินอาจได้รับชัยชนะ -ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงกว่า 5% ที่ระดับ 60.94 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งใกล้แตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี หลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ของสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 380.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่กลุ่มโอเปค ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปี 2015 -เมื่อวานนี้ กลุ่มโอเปคเปิดเผยรายงานประจำเดือน โดยคาดการณ์ว่า ในปี 2015 ปริมาณความต้องการน้ำมันดิบทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นน้อยลงประมาณ 70,000 บาร์เรล สู่ระดับ 1.12 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี ขณะที่อุปทานจากประเทศนอกกลุ่มโอเปคจะเพิ่มขึ้น 1.36 บาร์เรล สู่ระดับ 57.31 ล้านบาร์เรล/ต่อวัน -ดัชนี CPI ของจีนประจำเดือนพฤศจิกายนของจีนปรับตัวลดลง 1.4% เมื่อเทียบกับรายปีที่ระดับ 1.6% ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราที่ช้าที่สุดในรอบ 5 ปี ขณะที่ PPI ปรับตัวลดลงสู่ระดับ -2.7% จากระดับ -2.2% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 18 เดือน และปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 33 เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่เข้าสู่ภาวะซบเซา หลังภาคอสังหาริมทรัพย์ และความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมชะลอตัวลง -สำนักงาน SAFE ของจีน เผยว่า จะให้การสนับสนุนสถาบันการเงินของจีนให้สามารถทำธุรกรรมในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราอินเตอร์แบงก์ และจะส่งเสริมให้ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราอินเตอร์แบงก์มีความโปร่งใสและเคลื่อนไหวโดยอิงตลาดมากขึ้น ซึ่งกฎระเบียบดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2015 เป็นต้นไป -สหรัฐฯและชาติพันธมิตรยังคงมีการปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อเนื่องเป็นเวลา 3 วัน โดยมีเป้าหมายจัดการกับกลุ่มก่อการร้าย IS ในซีเรียและอิรัก โดยกลุ่มพันธมิตรมีการทิ้งระเบิดกว่า 13 ครั้งในอิรักเมื่อวานนี้ -เมื่อคืนนี้ ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปิด -1.51% ซึ่งยังคงเป็นการปิดแดนลบติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนัก จากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา -ด้านตลาดหุ้นยุโรป และตลาดหุ้นลอนดอน ก็ยังคงปิดลบติดต่อกัน 2 วันทำการเช่นเดียวกัน เพราะได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ร่วงลงอย่างหนัก รวมถึงแรงกดดันจากตลาดหุ้นกรีซที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลังมีประกาศว่ารัฐสภากรีซจะเลื่อนการลงคะแนนเสียงการเลือกประธานาธิบดีคนใหม่ให้เร็วขึ้นภายใน 17 ธ.ค.นี้ -เช้านี้ตลาดหุ้นโตเกียว เปิด -1.73% ยังคงได้รับแรงกดดันจากค่าเงินเยนที่ยังคงแข็งค่าต่อเนื่องเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ขณะที่ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรภาคเอกชนปรับตัวลง -6.4% สู่ระดับ 7.78 แสนล้านเยน ส่งผลให้หุ้นกลุ่มส่งออก รวมถึงหุ้นกลุ่มผลิตยานยนต์ปรับตัวลง รวมถึงตลาดยังได้รับแรงกดดันจากกลุ่มนักลงทุนที่กังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของกรีซ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อคืนนี้ ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้ - Core Retail Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 0.3% ตัวเลขคาดการณ์ลดลงสู่ระดับ 0.1% - Retail Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 0.3% ตัวเลขคดการณ์เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.4% - Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 297K ตัวเลขคดการณ์เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 299K ทิศทางราคาทองคำ ภาพรวมตลาดทองคำยังคงเคลื่อนไหวในกรอบด้านบนบริเวณ 1,230 เหรียญ หลังจากที่ในช่วงคืนวันอังคาร ราคาดีดขึ้นมาประมาณ 37.1 เหรียญ และเริ่มทรงตัวในวันพุธซึ่งเป็นวันรัฐธรรมนูญของไทย อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่าค่าเงินดอลลาร์เองมีทิศทางอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรและเยน โดยดัชนีดอลลาร์ร่วงลงจากระดับประมาณ 90 สู่ระดับ 88.22 ในเช้าวันนี้ หลังจากแข็งค่าอย่างต่อเนื่องโดยยูโรกลับมาอ่อนค่าต่อเนื่องจากระดับประมาณ 1.2329 ยูโร/ดอลลาร์ ปัจจุบันขึ้นมาที่ระดับ 1.2456 ยูโร/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินเยนจากที่อ่อนค่าขึ้นไป 121.80 เยน/ดอลลาร์ ก่อนจะปรับตกลงมาในเช้าวันนี้ที่ระดับ 118.07 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วจาก 33.09 บาท/ดอลลาร์ ลงมาที่ระดับประมาณ 32.80 บาท/ดอลลาร์ในเช้าวันนี้ โดยภาพรวมทำให้ราคาทองคำไทยปรับตัวสูงขึ้นมาชนแนวต้านสำคัญ 19,000 บาท/บาททองคำ ราคาทองคำดูจะเคลื่อนไหวโดยไม่เกี่ยวกับราคาน้ำมันโดยสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง สำหรับสภาวะตัวเลขทางเศรษฐกิจจะเห็นไดว่า ตลาดเริ่มมีความกังวลหลังจากที่จีนมีจีดีพีน้อยลงกว่าคาด ทำให้ตลาดหุ้นของภูมิภาคเอเชียโดยทั่วไปปรับตัวลดลง รวมทั้งตลาดหุ้นทางฝั่งยุโรปและอเมริกาก็ปรับตัวลดลง 2 วันทำการจากแรงเทขายของหุ้นกลุ่มน้ำมัน จึงคาดว่าจะส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยในวันนี้ด้วยเช่นกัน สำหรับคืนนี้จะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ Retail Sales ที่คาดว่าจะดีขึ้น ขณะที่ Core Retail Sales คาดว่าจะลดลง ทางด้านตัวเลขการจ้างงาน Jobless Claims คาดว่าจะมีคนว่างงานเพิ่มขึ้นประมาณ 2,000 ราย ทำให้โดยภาพรวม ตลาดทองคำดูจะได้รับอานิสงค์ที่ดีจากตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลง ทำให้ราคาดีดตัวกลับ จึงยังคาดว่าเป็นเพียงในระยะสั้นๆเท่านั้น และเป็นเรื่องในช่วงเทศกาลปีใหม่และตรุษจีนที่ทองคำมักจะปรับตัวสูงขึ้นในระยะสั้นๆจากช่วงเทศกาลดังกล่าว วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ในเชิงเทคนิคราคาทองคำเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้นและระยะกลาง ขณะที่กราฟรายวันจะเห็นว่าราคายืนอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน รวมทั้ง Oscillator ต่างๆในกราฟรายวันเริ่มกลับมาอยู่ในแดนบวก อย่างไรก็ตาม ในกราฟระดับรายสัปดาห์ ราคาทองคำยังคงเป็นแนวโน้มขาลงในระยะยาว เนื่องจากยังคงอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยหลักบริเวณ 1,320 เหรียญ จึงคาดว่าราคาทองคำจะเป็นแนวโน้มขาขึ้นในระยะสั้น อาจจะกินเวลาอีกประมาณ 2-5 วันได้ ขณะที่ระยะยาวยังมองว่าเป็นขาลง จึงคาดว่าวันนี้ราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,220-1,240 เหรียญ ขณะที่ค่าเงินบาทจะอยู่ในกรอบ 32.78-32.90 บาท/บาททองคำ ขณะที่ทองคำไทยจะเคลื่อนในกรอบ 18,800-19,100 บาท/บาททองคำ กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ ในสภาพตลาดที่มีความผันผวนค่อนข้างมาก กลยุทธ์การลงทุนกลับเป็นเรื่องการบริหาร Portfolio ให้ดี และควรให้ Mark-to-Market ได้อย่างเหมาะสม และรองรับสภาวะการแกว่งที่อาจมีอย่างต่อเนื่องได้ ไม่แนะนำให้นักลงทุนทำสถานะ Short เพิ่มในกรณีที่ผิดทาง นักลงทุนควรที่จะตรวจพอร์ตว่า ถ้ามีสภาวะLeverage ที่มากกว่า 5 เท่า ควรที่จะหาทางลดสภาวะดังกล่าวลงบ้าง มิฉะนั้นท่านอาจจะถูก Call Margin ได้ ซึ่งสภาวะแบบนี้ การบริหารพอร์ตให้เหมาะสมอาจจะต้องมีการทำ Stop Loss ออกไปเป็นบางช่วงบางระยะ มิฉะนั้นจะต้องมีการเติมเงินหรือส่งมอบของจริงๆในการทำสถานะ Short Position - นักลงทุนที่ถือ Long Position ทำกำไรในระยะสั้นเป็นช่วงๆ - นักลงทุนที่ถือ Short Position ไม่แนะนำให้ทำ Short เพิ่ม เนื่องจากยังมีภาวะของความผันผวนอยู่เยอะ กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading แนะนำให้ปรับพอร์ตให้สมดุล เนื่องจากภาพหลักของราคาทองคำยังคงเป็นแนวโน้มขาลงในระยะยาว Gold Futures Z14 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,180 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,380 บาท Gold Futures G15 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,260 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,460 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง ประชาสัมพันธ์: 1. เรียนเชิญนักลงทุนเข้าร่วมงานสัมมนาพิเศษ “Technical Class : ทำกำไรในทองคำโดยใช้กราฟเทคนิค” (Level 3) ร่วมบรรยายโดย นพ. กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ วันที่ 15 ธันวาคม 2557 ณ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น17 เวลา 15.00-17.00น. รับจำนวนจำกัด 40 ที่นั่ง สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ MTS Call Center: 02 770 7777 (เปิดรับเฉพาะสมาชิกของบริษัท MTS Gold และ MTS Gold Futures เท่านั้น หากผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกต้องมีการเปิดบัญชีก่อนเข้าร่วมงานสัมมนา) 2. MTS นำเสนอโปรแกรมการเทรด TFEX อัจฉริยะรูปแบบใหม่ Meta Trader 4 ใช้งานง่าย สะดวกรวดเร็ว มีกลยุทธ์พร้อมใช้งานแบบ Real Time และรองรับ Smart Phone ทั้ง Android และ iOS สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ MTS Call Center: 02 770 7777 3. HOT Line: “MTS E-Business 02-770-7791” นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดด้านการลงทุนผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทั้งระบบ Gold Online และGold Futures ได้ตั้งแต่เวลา 09.00-24.00น. MTS Research MTS Gold Group Phone: 02-770-7777 Fax: 02-623-9366 Email: research@mtsgoldgroup.com Website: http://www.mtsgold.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ