สรุปราคาซื้อขายทองคำ และ Gold Futures ภายในประเทศ ณ วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2557เวลา 9.00 น.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 12, 2014 10:02 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--12 ธ.ค.--MTS Gold Group ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,229 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,220เหรียญ/ออนซ์ (22.30น.) ค่าเงินบาทปิด 32.81 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 19,000 บาท กับ 19,100 บาท และกลับมาปิดที่ 18,900 บาท กับ 19,00 บาท ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 1,980 คู่สัญญา แบบ 10 บาทอยู่ที่ 10,677 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท ลดลง 3.68 % แบบ 10 บาท ลดลง 5.94% GFZ14 ปิด 19,070 บาท และ GFG14 ปิด 19,160 บาท GF10Z14 ปิดที่ 19,100 บาท GF10G14 ปิดที่ 19,180 บาท สัญญา Comex ลดลง 3.8 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 1,225.6 ดอลลาร์/ออนซ์ NYMEX ลดลง 0.99 ดอลลาร์ ปิดตลาดที่ระดับ 59.95 ดอลลาร์/บาร์เรล SPDR ซื้อเข้า 0.95 ตัน ถือครองทองคำที่ระดับ725.75 ตัน ข่าวที่สำคัญ -เมื่อคืนนี้ทองคำปิดปรับตัวลดลง 0.31% เพราะได้รับแรงกดดันจากเทขายของนักลงทุน หลังค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น จากข้อมูลเศรษฐกิจทางด้านแรงงานและยอดค้าปลีกปรับตัวสูงขึ้น สะท้อนให้เห็นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ -นักวิเคราะห์จากฮ่องกง ระบุว่า การที่ราคาทองคำยังคงอยู่สูงกว่า 1,200 เหรียญ ยังคงถือว่าเป็นเรื่องทีดี แม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลง แต่ความกังวลเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจโลกยังคงเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้นักลงทุนถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง -เทรดเดอร์ กล่าวว่า หากราคาทองคำทรงตัวใกล้บริเวณ 1,230 เหรียญ โดยปราศจากปัจจัยสนับสนุนใดๆเข้ามา อาจส่งผลให้ทองคำกลับเข้าสู่ภาวะขาลงอีกครั้ง -นักวิเคราะห์จากโซซีเอท เจเนอรัล กล่าวว่า ตลาดจับตาไปยังการตัดสินใจของเฟดในการประชุม 16-17 ธันวาคมนี้ ว่าจะกล่าวถึงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ ถึงแม้จะมีแนวโน้มว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามเวลาที่กำหนดในช่วงมิถุนายน 2015 -เมื่อวานนี้ SPDR ถือครองทองคำเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 โดยซื้อเพิ่ม 0.95 ตัน ปัจจุบันถือครองทองที่ระดับ 725.75 ตัน -ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2383 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.2444 ยูโร/ดอลลาร์ และในเช้าวันนี้อยู่ที่ระดับ 1.2396 ยูโร/ดอลลาร์ เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากข้อมูลเชิงบวกของสหรัฐฯ -จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการคนว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ ปรับตัวลง 3,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 294,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ และยังคงเป็นสัญญาณบ่งชี้ล่าสุดว่าตลาดแรงงานยังคงอยู่ในแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง -ตัวเลขยอดค้าปลีกประจำเดือนพฤศจิกายนของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 0.7% จากเดิม 0.5% ในเดือนก่อนหน้า เพราะได้รับแรงหนุนจากยอดขายรถยนต์ เสื้อผ้า และสินค้าอื่นๆ จากช่วงเทศกาลวันหยุดที่กำลังเริ่มต้น -ด้านยอดค้าปลีกสินค้าด้านอื่นๆ (Core Retail Sales) ก็ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกันสู่ระดับ 0.5% จากเดิม 0.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวดีขึ้นในรอบ 8 เดือน -อย่างไรก็ดี ยอดนำเข้าสินค้าประจำเดือนพฤศจิกายนของสหรัฐฯปรับตัวลดลงสู่ระดับ 1.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่มิถุนายน 2012 เพราะได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างหนัก จึงบ่งชี้ว่าแรงกดดันเงินเฟ้อภาคการค้ากับต่างประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ -ขณะที่ค่าเงินเยนกลับมาอ่อนค่าขึ้นสู่ระดับ 119.09 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 118.08 เยน/ดอลลาร์ เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นจะได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งในวันที่ 14 ธ.ค.นี้ และเช้านี้ค่าเงินเยนทรงตัวบริเวณ 118.90 เยน/ดอลลาร์ -นักวิเคราะห์ ระบุว่า หากนายอาเบะได้รับชัยชนะและได้ครองเสียงข้างมากในสภาอีกครั้ง เขาอาจกลับมาดำเนินมาตรการทางการเงินที่จะสร้างแรงกดดันให้ค่าเงินเยนอีกครั้ง รวมถึงนโยบายอาเบะโนมิกส์ -สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า จีนจะยังคงใช้นโยบายการคลังเชิงรุก ควบคู่กับนโยบายการเงินอย่างระมัดระวังในปี 2015 โดยให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อรักษาระดับการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพ -ธนาคารกลางรัสเซีย ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากระดับ 9.5% เป็น 10.5% เพื่อสกัดแรงขายค่าเงินรูเบิล เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ หลังจากค่าเงินรูเบิลปรับตัวลงอย่างหนัก ขณะที่ราคาน้ำมันร่วงลงอย่างหนัก และหลายๆประเทศยังคงใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย -ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องและหลุดระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กรกฎาคม 2009 เพราะได้รับแรงกดดันหลังจาก ทางการคูเวต ประกาศปรับลดราคาขายน้ำมันให้กับกลุ่มลูกค้าในเอเชีย เช่นเดียวกับซาอุดิอาระเบียและอิรัก โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่มกราคม 2015 เป็นต้นไป -อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์หลายฝ่าย ประเมินว่า การที่ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี เพราะได้รับแรงกดดันจากแรงเทขายหลัง EIA รายงานว่าปริมาณการสำรองน้ำมันดิบในสหรัฐฯที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่สถานการณ์ตลาดน้ำมันโลกในปัจจุบันมีการจัดหาล้นตลาด จึงอาจทำให้ราคาน้ำมันดิบถูกดดันต่อเนื่อง และในระยะสั้นๆ ราคาน้ำมันดิบอาจลดลงต่ำกว่าระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรลได้ -ขณะที่ผู้นำอิหร่าน กล่าวว่า การปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบโลกเป็นแผนการทางการเมืองของบางประเทศ ไม่ใช่จากประเด็นทางเศรษฐกิจเท่านั้น ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันอาจเป็นโอกาสดีให้ในการลดการพึ่งพางบประมาณของประเทศที่มีรายได้สูงจากการซื้อขายน้ำมันดิบ -เมื่อคืนนี้ ตลาดหุ้นดาวโจนส์กลับมาปิด +0.36% เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อันได้แก่ ยอดค้าปลีกที่ปรับตัวดีขึ้นสูงสุดในรอบ 8 เดือน ขณะที่คนว่างงานรายสัปดาห์ปรับตัวลดลง -เช้านี้ ดัชนีนิกเกอิเปิด +0.64% เพราะได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นดาวโจนส์ นักบริหารเงิน ประเมินว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.70 – 32.85 บาท/ดอลลาร์ แนวโน้มยังมีโอกาสอ่อนค่าตามการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อคืนนี้ - Core Retail Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 0.4% ตัวเลขจริงเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.5% - Retail Sales m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 0.5% ตัวเลขจริงเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 0.7% - Unemployment Claims ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 297K ตัวเลขจริงลดลงสู่ระดับ 294K ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้ - PPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 0.2% ตัวเลขคาดการณ์ลดลงสู่ระดับ -0.1% - Core PPI m/m ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 0.4% ตัวเลขคาดการณ์ลดลงสู่ระดับ 0.1% - Prelim UoM Consumer Sentiment ตัวเลขเดิมอยู่ที่ 88.8 ตัวเลขคาดการณ์เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 89.6 ทิศทางราคาทองคำ ราคาทองคำเคลื่อนตัวลดลงเล็กน้อยในกรอบ 1,220 – 1,230 เหรียญ โดยแกว่งตัวลดลงเมื่อตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาออกมา ได้แก่ Retail Sales และ Jobless Claims โดยที่คนว่างงานลดลงกว่าระดับ 300,000 คนอีกครั้ง ทางด้านค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอีกครั้งหนึ่งที่ระดับประมาณ 1.2396 ยูโร/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินเยนเคลื่อนไหวที่ระดับ 118.90 เยน/ดอลลาร์ โดยที่ยังเห็นการแกว่งตัวของทองคำอย่างไม่ชัดเจน และมีแรงซื้อกลับหลายๆครั้งที่ราคาร่วงลงลึก ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI หลุด 60 เหรียญ/บาร์เรล ปิดตลาด 59.95 เหรียญ/บาร์เรล และยังปรับตัวลดลงต่อเนื่องที่เหมือนว่า Demandดูจะล้นตลาด และจากการที่คูเวตประกาศปรับลดราคาขายน้ำมันให้กับกลุ่มลูกค้าในเอเชีย เช่นเดียวกับซาอุดิอาระเบียและอิรัก โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่มกราคม 2015 เป็นต้นไป อันจะเห็นได้ว่า มีการเคลื่อนไหวคนละทิศทางกับทองคำโดยตลอด วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค ราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวในทิศทาง Sideways ค่อนข้างเป็นลักษณะ Sideway Down โดยมีแรงเข้าซื้อเป็นระยะๆที่กระชากราคาขึ้นมา และมีแรงเทขายหนาแน่น ทองคำมีแนวรับแรกระยะใกล้ที่ระดับ 1,210 เหรียญ และแนวต้าน 1,230 เหรียญ โดยที่ยังคงแนะนำให้ทำการซื้อขายในกรอบแคบทำกำไรในระยะสั้นในช่วงแคบๆไปก่อน ไม่แนะนำให้ทำการ Short เพิ่ม หรือเพิ่มพอร์ตในกรณีที่ Leverageมากกว่า 3-5 เท่า กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ เก็งกำไร Sideway Down ในกรอบ 1,210-1,230 เหรียญ - นักลงทุนที่ถือ Long Position และนักลงทุนที่ถือ Short Position เก็งกำไรในกรอบแคบ ระยะสั้น กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading ปรับพอร์ตสมดุล ภาพหลักของทองคำยังคงเป็นแนวโน้มขาลง Gold Futures Z14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,990 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,190 บาท Gold Futures G15 จะมีแนวรับที่ระดับ 19,070 บาท และแนวต้านที่ระดับ 19,270 บาท บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง ประชาสัมพันธ์: 1. เรียนเชิญนักลงทุนเข้าร่วมงานสัมมนาพิเศษ “Technical Class : ทำกำไรในทองคำโดยใช้กราฟเทคนิค” (Level 3) ร่วมบรรยายโดย นพ. กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ วันที่ 15 ธันวาคม 2557 ณ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น17 เวลา 15.00-17.00น. รับจำนวนจำกัด 40 ที่นั่ง สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ MTS Call Center: 02 770 7777 (เปิดรับเฉพาะสมาชิกของบริษัท MTS Gold และ MTS Gold Futures เท่านั้น หากผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกต้องมีการเปิดบัญชีก่อนเข้าร่วมงานสัมมนา) 2. MTS นำเสนอโปรแกรมการเทรด TFEX อัจฉริยะรูปแบบใหม่ Meta Trader 4 ใช้งานง่าย สะดวกรวดเร็ว มีกลยุทธ์พร้อมใช้งานแบบ Real Time และรองรับ Smart Phone ทั้ง Android และ iOS สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ MTS Call Center: 02 770 7777 3. HOT Line: “MTS E-Business 02-770-7791” นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดด้านการลงทุนผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทั้งระบบ Gold Online และGold Futures ได้ตั้งแต่เวลา 09.00-24.00น. MTS Research MTS Gold Group Phone: 02-770-7777 Fax: 02-623-9366 Email: research@mtsgoldgroup.com Website: http://www.mtsgold.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ