บทความพิเศษ เรื่อง ผลประโยชน์ระดับโลก กับการส่งออกของไทย

ข่าวทั่วไป Tuesday December 16, 2014 17:49 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--ซูม พีอาร์ ขึ้นชื่อว่าผลประโยชน์นั้น ไม่เข้าใครออกใคร ไม่ว่าจะเป็นระดับยูนิตย่อย หรือยูนิตใหญ่ ระดับบุคคล หรือระดับประเทศ ถ้าเมื่อใดก็ตามที่ไม่สามารถตกลงกันได้ ความหมุนเวียนเปลี่ยนแปรไม่แน่นอน ก็ย่อมจะเกิดขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ประเทศจีนในทศวรรษนี้คงต้องยอมรับว่าเป็นยุคของเขาจริงๆ ด้วยความโดดเด่นทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจการค้า เทคโนโลยี (ส่งมนุษย์อวกาศไปนอกโลก) รวมถึงเรื่องตลาดเงินตลาดทุน โดยผู้คนทั่วโลกเริ่มให้ความสนใจที่จะใช้เงินหยวนแทนเงินดอลลาร์เพิ่มมากขึ้นทุกขณะ เริ่มด้วยประเทศที่ในอดีตเรียกได้ว่าเป็นลิ่วล้อของอเมริกาก็ว่าได้ นั่นก็คือ สิงคโปร์ ที่ประกาศตัวว่าจะใช้เงินหยวนในการซื้อขายแลกเปลี่ยนแทนเงินดอลลาร์ ในห้วงช่วงห้าหกปีมานี้จีนก็มีการรณรงค์ส่งเสริมให้กลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์ และเวียดนาม) ปลูกยางพาราเพื่อส่งน้ำยางดิบกลับไปขายให้จีน โดยที่จีนรับซื้อแบบไม่อั้น อีกทั้งยังส่งเสริมให้ปลูกในประเทศของตนเองอย่างมากมาย รวมถึงมีการให้เงินทุนสนับสนุนสร้างถนน หนทาง รางรถไฟ นำพาความสะดวกสบายให้กับกลุ่ม CLMV แต่หลังจากนั้นไม่นาน อเมริกาก็ส่งนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ยุค บารัค โอบามา (1) เข้ามาเพื่อเจรจาเรื่องผลประโยชน์ (ซูเอี๋ย) ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้อเมริกาไม่เคยไปมาหาสู่ แถมยังคว่ำบาตรเมียนมาร์โทษฐานที่เป็นรัฐบาลเผด็จการ แต่ก็ต้องจำยอมเพราะเรื่องผลประโยชน์ หลังจากนั้นไม่นาน ประเทศจีนเริ่มทะเลาะเรื่องเกาะแก่งกับญี่ปุ่น และแวะเวียนมาทางเวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย จนเกิดเรื่องระหองระแหงกันอยู่บ่อยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ยังไม่นับรวมที่ประเทศจีนสร้างเขื่อนกั้นน้ำโขงตุนไว้อีกสองสามแห่งจนสายน้ำเหือดแห้ง เป็นเกาะแก่งเห็นดินแห้งกลางแม่น้ำโขง เรื่อยลงมาจากเหนือจรดใต้ ทำให้กลุ่มประเทศในอาเซียนหลายประเทศ ไม่พอใจ และมีท่าทีจะไม่เอาด้วย เกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนจากทรัพยากร แร่ธาตุ เกาะแก่งต่างๆ อย่างเช่น ประเทศเวียดนาม ที่ล่าสุดนั้น “จีน” ได้ปักหมุดขุดตวงน้ำมันแร่ธาตุในพื้นที่ที่ยังตกลงกันไม่ได้ จนเวียดนามต้องออกมาคว่ำบาตรประเทศจีน โดยประท้วงด้วยการหยุดการนำเข้าผักและผลไม้จากจีน ทำให้ประเทศไทยได้ผลประโยชน์จากการหันมาซื้อผักผลไม้ จนได้เป็นอันดับหนึ่งในปีนี้ แถมยังจะมีรัสเซีย ที่ไม่พอใจยุโรปอเมริกาที่คว่ำบาตรในเรื่องที่รัสเซียเข้าไปฝักใฝ่ในแคว้นไครเมีย ซึ่งแต่เดิมเป็นเขตปกครองตนเองของประเทศยูเครน จนทำให้รัสเซียนั้นก็หันหน้ามาพึ่งไทยในเรื่องอาหารทะเล การประมง และปศุสัตว์ ทำให้เรามีโอกาสในการส่งออกไก่สด ปลา กุ้ง สุกร ฯลฯ ซึ่งถือเป็นการเปิดตลาดเพิ่ม ยังไม่นับเรื่องผลประโยชน์อีกหลายๆ เรื่องที่ประเทศไทยได้มาแบบไม่ตั้งใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นประเทศที่ผลิตยางธรรมชาติมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งในโลก มีสถานที่สวยงามมากที่สุดในโลก มีจิตใจดียิ้มแย้มแจ่มใสมากที่สุดในโลก แต่ผลประโยชน์นั้นเป็นเรื่องไม่แน่ไม่นอน ถ้าได้รับโอกาสก็ควรที่จะเก็บเกี่ยวและประคองรักษามันไว้ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ และที่สำคัญอย่าลืมในเรื่องการสร้างความมั่นคงให้ตนเอง ด้วยการดำรงชีพกินอยู่อย่างพอเหมาะ พอดี ในวิถีพอเพียง ตามรอยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการหันมาให้ความสนใจในเรื่องอินทรียวัตถุ การหยุดเผาตอซังฟางข้าว หยุดเผาใบอ้อย เน้นทำปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก ประจำฟาร์ม สร้างจุลินทรีย์ ขี้ควาย ขี้วัว เพื่อย่อยสลายอินทรีย์วัตถุด้วยตนเอง เน้นการสร้างสระน้ำประจำไร่นา ใช้พืชสมุนไพรไล่แมลง หมักขยายจุลินทรีย์ชนิดเฉพาะเจาะจงเพื่อปราบหนอน แมลง รา ไร เรียนรู้การตรวจวัดค่าความเป็นกรดและด่างของดิน การเพิ่มเติมเสริมแร่ธาตุสารอาหารให้พืชอย่างครบโภชนาการ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ช่วยทำให้ผลผลิตเพิ่ม ต้นทุนลดได้ทั้งนั้น เพื่อที่ว่าเมื่อผลประโยชน์นั้นไปแล้ว เราก็กลับมาอยู่ในจุดที่มีกินมีใช้แบบไม่ต้องซื้อ ต้องหา อย่างกระเสือกกระสนจนเกินไป หรืออย่างคำดีๆที่ว่า อยู่อย่าง “รวย” ด้วยคำว่า “พอ” สำหรับผู้ที่มีข้อสงสัย หรือต้องการคำปรึกษา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้โดยตรงที่ 02 986 1680-2 สนับสนุนบทความโดย นายมนตรี บุญจรัส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยกรีน อะโกร จำกัด สอบถามข้อมูลข่าวได้ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทรศัพท์ 0 2000 8499 , 081 732 7889

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ