ปภ. แนะหลักการขับรถบนทางด่วนและทางหลวงอย่างปลอดภัย

ข่าวทั่วไป Monday December 22, 2014 10:53 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--22 ธ.ค.--ปภ. กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แนะหลักการขับรถบนทางด่วนและทางหลวงอย่างปลอดภัย โดยไม่ขับแทรกเข้าไปในเส้นทางที่มีรถวิ่งมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเข้าช่องทางได้แล้วให้ขับรถในช่องทางด้านซ้าย เว้นระยะห่างจากรถคันอื่นให้มากกว่าเส้นทางปกติ 2-3 เท่า หากเกิดเหตุฉุกเฉิน จะได้สามารถหยุดรถได้ทันไม่ใช้ช่องทางซ้ายหรือไหล่ทางในการแซงรถ ไม่เหยียบเบรกกะทันหัน เพราะรถที่ขับตามหลังมาด้วยความเร็วสูง อาจหยุดรถไม่ทัน ทำให้ถูกชนท้ายได้ การขับรถลงทางด่วนหรือออกจากทางหลัก ควรให้สัญญาณไฟล่วงหน้า ไม่ขับตัดหน้ารถคันอื่นหลายๆ ช่องจราจร จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ทางด่วนและทางหลวงเป็นเส้นทางที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุรุนแรง ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงกว่าเส้นทางทั่วไป เพื่อความปลอดภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอแนะหลักการขับรถบนทางด่วนและทางหลวง ดังนี้ การเข้าทางร่วมหรือทางหลักผู้ขับขี่ควรให้สัญญาณไฟล่วงหน้า รอให้รถที่ขับในเส้นทางตรงไปก่อน พร้อมมองให้รอบด้านจนช่องทางขวาของผู้ขับขี่ไม่มีรถ ค่อยเปลี่ยนช่องทาง ไม่หยุดรถบริเวณสุดเส้นทางของช่องจราจร ไม่ขับแทรกเข้าไปในเส้นทางที่มีรถวิ่งมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ขับรถ ริมไหล่ทางคู่ขนานไปกับรถคันอื่น เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุเมื่อเข้าช่องทางได้แล้ว ให้ขับรถในช่องทางด้านซ้าย รอจนสามารถเร่งความเร็วได้เหมาะสม ค่อยเปลี่ยนไปใช้ช่องทางขวา จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุรถชนท้าย ผู้ขับขี่ที่ขับรถ บนทางด่วนหรือทางหลัก ต้องมองเส้นทางข้างหน้าในระยะไกล หากมีรถให้สัญญาณขอเข้าเส้นทาง ควรชะลอความเร็ว ไม่เร่งความเร็วแข่งกับรถที่กำลังเข้าเส้นทาง หากช่องจราจรด้านขวาไม่มีรถ ให้เปลี่ยนช่องจราจร เพื่อให้รถคันอื่นสามารถเข้าช่องทาง ได้อย่างสะดวกและปลอดภัย การใช้สายตาในการมองเส้นทาง ผู้ขับขี่ควรมองกระจกมองหลังและกระจกมองข้างเป็นระยะ เพื่อประเมินสถานการณ์ จะช่วยให้สามารถบังคับพวงมาลัย ควบคุมทิศทางรถและตัดสินใจแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย การรักษาระยะห่างเว้นระยะห่างจากรถคันอื่นให้มากกว่าเส้นทางปกติ 2-3 เท่า หากเกิดเหตุฉุกเฉิน จะได้สามารถหยุดรถได้ทัน ไม่ขับชิดท้ายรถคันหน้าในระยะกระชั้นชิด เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุรุนแรง การเลือกใช้ช่องจราจร ควรขับรถให้อยู่ในกึ่งกลางช่องจราจร ไม่ขับรถคร่อมช่องทาง หากเป็นเส้นทางที่มีสองช่องจราจร ควรใช้ช่องทางด้านซ้ายเสมอ เพราะช่องทางขวาใช้สำหรับแซงรถ หากเป็นถนนที่มีมากกว่าสองช่องจราจร ควรขับชิดซ้าย พร้อมเพิ่มความระมัดระวังในการใช้ช่องจราจรที่สอง เพราะเป็นช่องทางที่รถบรรทุกใช้แซง การเปลี่ยนช่องทาง ไม่เปลี่ยนช่องทางไปมา โดยไม่จำเป็น เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หากเปลี่ยนช่องทางควรให้สัญญาณไฟล่วงหน้าในระยะไม่ต่ำกว่า 60 เมตรพร้อมมองกระจกมองหลังและกระจกมองข้างให้รอบคอบทุกครั้ง รอจนเส้นทางด้านหลังไม่มีรถหรือรถอยู่ในระยะไกล ค่อยเปลี่ยนช่องทาง การขับแซงรถ ก่อนขับแซงรถคันอื่น ควรให้สัญญาณไฟล่วงหน้า พร้อมประเมินสถานการณ์จากสภาพการจราจร บนเส้นทาง สมรรถนะรถ ความเร็วของรถคันหลัง และระยะทางที่เหมาะสำหรับแซงรถ ไม่ใช้ช่องทางซ้ายหรือไหล่ทางในการแซงรถเพราะหากมีรถจอด อาจเกิดอุบัติเหตุได้ เมื่อขับแซงพ้นแล้ว ควรเว้นระยะห่างจากรถที่แซงก่อนให้สัญญาณเบี่ยงเข้าสู่ช่องทางเดิม การเบรกหรือหยุดรถ ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการหยุดรถให้มากขึ้น เพื่อให้สามารถควบคุมระยะทางในการหยุดรถได้อย่างปลอดภัย ก่อนหยุดรถควรมองกระจกหลัง เพื่อประเมินสถานการณ์ ชะลอความเร็ว เหยียบเบรกเป็นจังหวะและสัมพันธ์กับสถานการณ์ ไม่เหยียบเบรกกะทันหัน เพราะรถที่ขับตามหลังมาด้วยความเร็วสูง อาจหยุดรถไม่ทัน ทำให้ถูกชนท้ายได้ การขับรถลงทางด่วนหรือออกจากทางหลัก ตรวจสอบสภาพเส้นทางด้วยการมองกระจกมองหลังและกระจกมองข้าง พร้อมให้สัญญาณไฟล่วงหน้า เมื่อเห็นว่าปลอดภัยจึงค่อยๆ เปลี่ยนช่องทางจราจรทีละช่องทางไปทางด้านซ้ายสุด ไม่ขับตัดหน้ารถคันอื่นหลายๆ ช่องจราจร เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เมื่อขับรถออกจากทางด่วนหรือทางหลักแล้ว ควรลดความเร็วให้สัมพันธ์กับสภาพการจราจร เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง ทั้งนี้ การเรียนรู้หลักการขับรถบนทางด่วนและทางหลวง จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุและเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง 0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ