การขอรับความคุ้มครองผู้กล่าวหาศาสตราจารย์ นายแพทย์สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ตามมาตรา ๑๐๓/๕ ประกอบมาตรา ๑๐๓/๒ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

ข่าวทั่วไป Thursday December 25, 2014 12:50 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--25 ธ.ค.--สำนักงาน ป.ป.ช. ศาสตราจารย์พิเศษวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกกรรมการ ป.ป.ช. ได้ชี้แจงกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีหนังสือกราบเรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา สั่งการให้คุ้มครองศาสตราจารย์ นายแพทย์สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ให้ได้รับความคุ้มครองซึ่งเป็นไปตามมาตรา ๑๐๓/๕ ประกอบมาตรา ๑๐๓/๒ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ กรณีอาจถูกกลั่นแกล้ง ปลดให้ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข อันเนื่องมาจากการเป็นผู้กล่าวหาหรือแจ้งเบาะแสต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.กรณีกล่าวหา นายแพทย์พงษ์พิสุทธิ์ จงอุดมสุข อดีตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข กับพวก ว่าร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายก่อให้เกิดความเสียหายเกี่ยวกับการเบิกจ่ายค่าตอบแทนพื้นฐานรายเดือนและโบนัส และการเบิกจ่ายเงินรายได้โครงการที่รับทุนวิจัยจากประเทศแคนาดา (IDRC) โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และกรณีกล่าวหาศาสตราจารย์ รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กับพวก ที่ได้รับทุนจากสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ซึ่งปัจจุบันได้รับมอบหมายให้เป็นประธานคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข แล้วต่อมาได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาและคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ โดยมีผลประโยชน์ทับซ้อน คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ มาตรา 103/5 ประกอบมาตรา 103/2 มีเจตนารมณ์คุ้มครองผู้กล่าวหาซึ่งได้แจ้งเบาะแสหรือข้อมูล เกี่ยวกับการทุจริตต่อหน้าที่หรือข้อมูลอื่นใดอันเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว ไม่ให้ถูกกลั่นแกล้งหรือได้รับการปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม อันเนื่องจากการกล่าวหาหรือการให้ถ้อยคำหรือแจ้งเบาะแสหรือข้อมูลนั้น ซึ่งข้อเท็จจริงเรื่องนี้ปรากฏว่าศาสตราจารย์ นายแพทย์สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล เป็นผู้กล่าวหา ศาสตราจารย์ รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่ากระทำความผิดฐานทุจริต ต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ซึ่งได้ขอคุ้มครองไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามมาตรา ๑๐๓/๕ ประกอบมาตรา 1๐3/๒ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ ว่าอาจถูกกลั่นแกล้งปลดให้ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขโดยการบอกเลิกสัญญาจ้างผู้บริหาร ที่อ้างเหตุผลเกี่ยวกับการโต้แย้งอำนาจของประธานและคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ในการบริหารการประชุม ดังนั้น การบอกเลิกจ้างผู้บริหารที่ นายแพทย์สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ได้มีต่อศาสตราจารย์ นายแพทย์สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล จึงอาจสืบเนื่องมาจากการที่ ศาสตราจารย์ นายแพทย์สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล เป็นผู้กล่าวหาต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังกล่าวข้างต้น ดังนั้น เพื่อให้นโยบายแห่งรัฐซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการคุ้มครองช่วยเหลือพยานให้มีผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมและเพื่อให้การส่งเสริมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. ๒๕๔๒ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีหนังสือกราบเรียนนายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาสั่งการให้คุ้มครองศาสตราจารย์ นายแพทย์สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล หรือมีมาตรการอื่นใดตามที่เห็นสมควรต่อไป

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ