เอสซีจีแถลงผลประกอบการปี 2557 ลงทุนต่อเนื่องตามแผนรับปีทองอาเซียน พร้อมทุ่มงบ R&D เต็มกำลัง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 29, 2015 11:01 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 ม.ค.--เอสซีจี ผลประกอบการเอสซีจีปี 2557 รายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากปีก่อน จากกลยุทธ์ส่งออกทดแทนเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว เชื่อมั่นปี 2558 เป็นปีทองเศรษฐกิจอาเซียน รับการเริ่มต้นของ AEC ปลายปีนี้ โดยโครงการลงทุนของเอสซีจีมีความก้าวหน้าต่อเนื่องตามแผน พร้อมผลิตสินค้ารองรับตลาดและการเติบโตของภูมิภาค เดินหน้าทุ่มงบการวิจัยและพัฒนา 4,800 ล้านบาท ตามกลยุทธ์มุ่งสู่ความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอย่างยั่งยืนในอาเซียน สอดรับนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมนวัตกรรมเพื่อพัฒนาประเทศ นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า งบการเงินรวมก่อนสอบทานของเอสซีจี ประจำปี 2557 มีรายได้จากการขาย 487,545 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากปีก่อน มีกำไรสำหรับปี 33,615 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8 จากปีก่อน เนื่องจากในไตรมาสที่สาม ปี 2556 ธุรกิจซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีกำไรจากรายได้ที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำ 1,701 ล้านบาท ประกอบกับในปีนี้ผลการดำเนินงานของธุรกิจ PVC ลดลง และมีขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ (stock loss) ที่เกิดขึ้นในไตรมาสที่สี่ ปี 2557 อันเป็นผลมาจากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมัน จำนวน 2,960 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการส่งออก 143,261 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 26 จากปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 30 ของยอดขายรวม เนื่องจากการปรับกลยุทธ์ของทุกธุรกิจเน้นการส่งออกในประเทศอาเซียนมากขึ้น เพื่อทดแทนเศรษฐกิจและความต้องการในประเทศที่ชะลอตัวลง ในไตรมาสที่สี่ปี 2557 เอสซีจีมีรายได้จากการขาย 116,710 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณขายของธุรกิจเคมีภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้น แต่ลดลงร้อยละ 6 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากราคาขายของธุรกิจเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลง มีกำไรสำหรับงวด 8,856 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจเคมีภัณฑ์ แม้ว่าในระหว่างงวดจะมี stock loss จำนวน 2,960 ล้านบาทก็ตาม และเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากในไตรมาสที่สี่เป็นช่วงที่มีรายได้เงินปันผลรับจากเอสซีจี การลงทุนสำหรับธุรกิจของเอสซีจีในอาเซียน นอกเหนือจากประเทศไทย ในปี 2557 เอสซีจี มีรายได้จากธุรกิจที่มีฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียนและจากการส่งออกไปยังอาเซียน 100,912ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 21 ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากปีก่อน ทั้งนี้เป็นรายได้จากธุรกิจที่มีฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียน 44,397 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9 ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นร้อยละ 14 จากปีก่อน และรายได้จากการส่งออกไปยังอาเซียน 56,515 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากทุกธุรกิจในอาเซียนมีผลประกอบการที่ดีและการสร้างการยอมรับในตราสินค้าของเอสซีจีในอาเซียนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เอสซีจี มีสินทรัพย์รวมในอาเซียน นอกเหนือจากประเทศไทย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 มูลค่า 84,875 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 18 ของสินทรัพย์รวมของบริษัทสินทรัพย์รวมของเอสซีจี ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 มีมูลค่า 465,823 ล้านบาท ผลการดำเนินงานในปี 2557 แยกตามรายธุรกิจดังนี้ เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ในปี 2557 มีรายได้จากการขาย 185,423 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากปีก่อน เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของกลุ่มธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน มีกำไรสำหรับปี 13,180 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 18 จากปีก่อน เนื่องจากในไตรมาสที่สามปี 2556 มีการรวมกำไรจากรายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำจำนวน 1,701 ล้านบาทเอสซีจี เคมิคอลส์ ในปี 2557 มีรายได้จากการขาย 248,118 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 จากปีก่อน จากปริมาณขาย Polyolefin ที่เพิ่มขึ้น กำไรสำหรับปี 12,461 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากปีก่อน เนื่องจากส่วนต่างราคาที่เพิ่มขึ้นเอสซีจี เปเปอร์ ในปี 2557 มีรายได้จากการขาย 64,614 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นของทั้งสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์และสายธุรกิจเยื่อและกระดาษ มีกำไรสำหรับปี 3,448 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 4 จากปีก่อน เนื่องจากค่าเสื่อมราคาและต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น นายกานต์ กล่าวว่า “เอสซีจี มีความเชื่อมั่นอย่างสูงในศักยภาพของอาเซียน โดยในปี 2558 คาดว่าจะเป็นปีทองเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ ที่จะขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ดี ซึ่งสอดรับกับโครงการลงทุนของเอสซีจีที่มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องตามแผน สามารถผลิตสินค้าเพื่อรองรับความต้องการของตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรงงานปูนซีเมนต์ในประเทศอินโดนีเซียและกัมพูชาจะเริ่มผลิตสินค้าออกสู่ตลาดได้ภายในปีนี้ ขณะที่โรงงานปูนซีเมนต์ในประเทศเมียนมาร์และสปป.ลาว คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปี 2559 และ 2560 ตามลำดับ รวมถึงโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในประเทศเวียดนามมีความคืบหน้าตามแผนเช่นกัน ซึ่งโครงการลงทุนเหล่านี้ ถือเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการขยายตัวของตลาดและรองรับความต้องการของลูกค้าในอาเซียน” นอกจากนี้ เอสซีจี ได้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการพัฒนาสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) เพื่อ ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า และพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยในของปี 2557 เอสซีจีมียอดขายสินค้า HVA 169,071 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากปีก่อน และคิดเป็นร้อยละ 35 ของยอดขายรวม ขณะที่สินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายใต้ตราสินค้า SCG eco value มียอดขาย 150,639 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 31 จากปีก่อน และคิดเป็นร้อยละ 31 ของยอดขายรวม ซึ่งผลสำเร็จนี้ เป็นผลจากวิสัยทัศน์ของเอสซีจีที่ส่งเสริมการพัฒนาด้านนวัตกรรมมาโดยตลอด โดยในปี 2557 เอสซีจีใช้งบประมาณการวิจัยและพัฒนาไปกว่า 2,700 ล้านบาท และในปี 2558 เอสซีจีจะเพิ่มงบประมาณงานวิจัยและพัฒนาเป็น 4,800 ล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมที่มีคุณค่าต่อผู้บริโภคต่อไป สอดรับกับนโยบายภาครัฐที่มุ่งเน้นการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาประเทศ ทั้งนี้ เอสซีจี เดินหน้าลงทุนเพื่อการเป็นผู้นำด้านสินค้านวัตกรรมและการบริการแบบครบวงจรของธุรกิจกระดาษ โดยล่าสุด บริษัททีซี เฟล็กซิเบิ้ลแพคเกจจิ้ง จำกัด ในเอสซีจี เปเปอร์ ได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมในบริษัทพรีแพค ประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าเฟล็กซิเบิ้ลแพคเกจจิ้ง (Flexible Packaging) บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุประเภทพลาสติก ใช้บรรจุสินค้าอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภค ส่งผลให้เอสซีจีมีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 22 เป็นร้อยละ 72 อนึ่ง คณะกรรมการบริษัทอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายจากผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2557 ในอัตรา 7.0 บาทต่อหุ้น เป็นเงินทั้งสิ้น 8,400 ล้านบาท โดยกำหนดวันที่ XD ในวันที่ 31 มีนาคม 2558 กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 2 เมษายน 2558 วันปิดสมุดทะเบียนรวบรวมรายชื่อเพื่อสิทธิรับเงินปันผลในวันที่3 เมษายน 2558 และกำหนดจ่ายเงินปันผลประจำปี 2557 งวดสุดท้ายในวันที่ 23 เมษายน 2558

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ