Movieแคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” (CAT A WABB!)

ข่าวบันเทิง Monday February 2, 2015 11:38 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--2 ก.พ.--สหมงคลฟิล์ม สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วมกับ เวิร์คพอยท์พิคเจอร์ส ชวนกันมายิ้มร่ารับศักราชใหม่ 2558 กับ ครั้งแรกบนแผ่นฟิล์มของ “จอนนี่แมวศุภลักษณ์” สุดยอดเซเลปเหมียวยักษ์แห่งโลกออนไลน์ที่มียอดคลิ้กไลก์มากกว่า 3 แสนไลค์ สะกิด “เป้ อารักษ์+ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” เกาะแข้งเกาะขา “เท่ง+โหน่ง” นี่ไม่ใช่หนังแมว แต่มีแววจะเป็นหนังรัก “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” (CAT A WABB!) กำกับภาพยนตร์โดย “เท่ง เถิดเทิง” แท็คทีมคู่กับ เป้ นฤบดี เวชกรรม (สาระแนห้าวเป้ง, สาระแนสิบล้อ, สาระแนเห็นผี) ภาพยนตร์ แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ กำหนดฉาย 4 มีนาคม พ.ศ.2558 บริษัทผู้สร้าง สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล และ เวิร์คพอยท์พิคเจอร์ส จัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทดำเนินงานสร้าง เวิร์คพอยท์พิคเจอร์ส ผู้อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ, ปัญญา นิรันดร์กุล, ประภาส ชลศรานนท์ ผู้กำกับ นฤบดี เวชกรรม, พงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ ผู้ควบคุมการสร้าง พาณิชย์ สดสี ผู้ดำเนินการสร้าง กาญจนา ไทยถานันดร์ ผู้กำกับภาพ พนม พรมชาติ เขียนบท กฤษณะ จิตรเนาวรัตน์, อิษรา เวชกรรม, ปรัชญ์ เนียมศรี, โรมรัน โจงจาบ กำกับศิลป์ ชยพล วัฒนธัณกิจ ลำดับภาพ นฤบดี เวชกรรม,พิชานนท์ วงศ์วิทยาเมธากุล,โรมรัน โจงจาบ ดนตรีประกอบ Banana ออกแบบเครื่องแต่งกาย วัลลภา ตั้งมิตรเจริญ ฟิล์มแล็บ G2D บันทึกเสียง G2D ทีมนักแสดง อารักษ์ อมรศุภศิริ, พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์?, พงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ์, ชูศักดิ์ เอี่ยมสุข, จอนนี่แมวศุภลักษณ์ (อาตแมว) เรื่องราวของ “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” (CAT A WABB!) เมโย (ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) นักศึกษาสาวใสสุดมั่นตัดสินใจสมัครเข้าฝึกงานในบริษัทเอเจนซี่โฆษณาของโดด (เท่ง เถิดเทิง) ผู้กำกับมือทองสุดเฮี้ยบ และ เฟียต (โหน่งชะชะช่า) ตากล้องเครางามขั้นเทพหุ้นส่วน แต่กลับกลายเป็นว่าเพียงแค่วันแรกเธอก็ดั๊นไปตกหลุมรักมอร์ (เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ) พี่เทรนสุดหล่อผู้ช่วยผู้กำกับแมวให้เป็นพรีเซนเตอร์เพื่อเลื่อนขั้นเป็นผู้กำกับเต็มตัว งานนี้มอร์มอบหมายให้เมโยดูแล “จอนนี่” แมวพระเอกตัวอ้วนกวนโอ๊ยสุดเลิฟของมร.โคบายาชิ ทำให้ทั้งคู่ใกล้ชิดกันจนสาวเจ้ามโนเอาเองว่าพี่มอร์มีใจให้!!! ในขณะที่ความรักฉบับมโนของเมโยกำลังงอกงาม ท่ามกลางกองถ่าย จู่ๆ เจ้าจอนนี่ก็ดั๊นมาหายแว๊บบ!!! ไปซะอย่างงั้น เป็นอันต้องวุ่นกันถ้วนหน้า แต่ก่อนที่ปรากฎการณ์แมวหายจะสลายมโนของทุกคน เมโยจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อตามหาเจ้าแมวตัวป่วนตัวนี้ให้เจอ ความรักของเมโญจะหยุดอยู่แค่ในมโนหรือไม่ อนาคตผู้กำกับของมอร์จะรุ่งหรือร่วง และบริษัทเอเจนซี่ของโดดกับเฟียตจะผ่านวิกฤตสุดหินชิ้นนี้ไปได้อย่างไร มาตามลุ้นกันได้ใน Cat a Wabb!!! #แบบว่ารักอ่ะ ใครเป็นใครในหนังเมียวอารมณ์ดี “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” (CAT A WABB!) จอนนี่ แมวไทยพันธุ์ศุภลักษณ์เพศผู้ เปรียบได้กับลูกรักของ มร.โคบายาชิ ลูกค้าชาวญี่ปุ่นคนสำคัญที่ว่าจ้างบริษัทโฆษณาที่เมโยฝึกงานอยู่ หน้าตาและท่าทางดูกวนๆ แบบมีเอกลักษณ์ กำลังจะกลายเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาตัวใหม่ ที่ทั้งบริษัทต้องทั้งขุน ทั้งดัน ให้จงได้ เมโย (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) นักศึกษาชั้นปี 4 เอกสายมโน ส่วนโทน่าจะเป็นนิเทศน์ เด็กฝึกงานหน้าใหม่ประจำบริษัทโฆษณา ที่ปิ๊งพี่เทรนตั้งแต่แรกเห็น หน้าที่สำคัญคือรับผิดชอบดูแล “แมวจอนนี่” พรีเซนเตอร์หนังโฆษณาที่จะชี้เป็นชี้ตายอนาคตในหน้าที่การงานของพี่มอร์ มอร์ ผู้ช่วยผู้กำกับโฆษณา (เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ) หนุ่มโสดไม่สนิท ที่อกพึ่งหักดังเป๊าะ หัวใจเลยเปราะบางเล็กน้อย ได้รับความไว้วางใจให้กำกับหนังโฆษณาสุดหินที่มี “แมวจอนนี่” เป็นพระเอก งานนี้ชี้เป็นชี้ตายชีวิตเค้า แถมยังต้องทำหน้าที่รับผิดชอบดูแลชีวิตและหัวใจ (รึเปล่า) ของเมโยเด็กปั้นนักศึกษาสาวฝึกงานสายมโนที่เข้ามาในชีวิตทำให้โลกเทาๆ ของเขาเริ่มมีสีชมพูเรื่อๆ โดด ผู้กำกับ...สุดเฮี้ยบ (เท่ง เถิดเทิง) เจ้าของบริษัทและผู้กำกับโฆษณามือหนึ่งของวงการ เก๋าทั้งฝีมือและความสามารถ มีความเป็นเพอร์เฟ็คชั่นนิสต์สูงปรี๊ด กำกับมาแล้วทุกอย่างในโลก ยกเว้น แมว เฟียต ตากล้องสุดเซอร์ ฮิปสเตอร์เรียกพ่อ? (โหน่ง ชะชะช่า) ตากล้องมือหนึ่ง หุ้นส่วนบริษัทของโดด แต่ชอบขัดโดดซะทุกเรื่องจนเหมือนคู่กัด เป็นคนเดียวในออฟฟิศที่กล้าปีนเกลียวแบบปีนแล้วปีนอีกปีนจนถึงที่สุด ก่อนแมวจะหาย!!! รายละเอียดงานสร้างของ “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” จุดประกายไอเดีย ที่มาที่ไปของ “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” หนังรักแบบฟรุ้งฟริ้งมุ้งมิ้งของสาวชอบมโนกับพี่เทรนสุดหล่อ และ แมว ย่างเข้าสู่ปีที่ 9 ที่ สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จับมือร่วมกับ เวิร์คพอยท์ พิคเจอร์ส สร้างรอยยิ้มแห่งความสุขคัดสรรเรื่องราวและสร้างความสนุกสนานนำเสนอความบันเทิงในรูปแบบภาพยนต์อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปรากฎการณ์ความสำเร็จของ “โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง” ภาพยนตร์คอมมิดี้-พีเรียดเรื่องแรก ในปีพ.ศ. 2549 ที่มาพร้อมกับความบันเทิงที่แตกต่างจากภาพยนตร์ไทยเรื่องต่างๆ ณ ขณะนั้น และในปีนี้ 4 มีนาคม พ.ศ.2558 2 ยักษ์ใหญ่ในวงการบันเทิงไทยพร้อมแล้วที่จะประเดิมมอบความสุข สนุกสนาน รับศักราชใหม่ด้วยการส่ง “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ ” ภาพยนตร์อมยิ้ม ฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้งสุดแสนโรแมนติคที่ขนเอาความแปลกใหม่ในไอเดียผสมผสานออกมาเป็นภาพยนตร์โรแมนติคคอมมิดี้ที่บอกเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองความรักที่เป็นตัวแทนของหญิงสาวในพ.ศ.นี้ที่มีเจ้าเหมียวสี่ขาเป็นตัวชูโรงจากการแท็คทีมร่วมกันของ 2 ผู้กำกับฝีมือดี เป้ นฤบดี เวชกรรม ผู้กำกับภาพยนตร์แห่งปรากฎการณ์อย่าง สาระแนห้าวเป้ง, สาระแนสิบล้อ และสาระแนเห็นผี และอยู่เบื้องหลังการแคนดิดศิลปินในเมืองไทยกว่า 500 เทปจากรายการสาระแน ฯลฯ แท็คทีมคู่กันเป็นครั้งแรกกับนักแสดงตลกอัจฉริยะเจ้าแห่งสารพัดมุก เท่ง เถิดเทิง ที่เคยฝากผลงานการแสดงและกำกับภาพยนตร์มาแล้วจาก “เท่งโหน่งคนมาหาเฮีย” และ “เท่งโหน่งจีวรบิน” มาร่วมกันถ่ายทอดมุมมอง แนวคิด และวิธีการกำกับที่ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใครแบบยกกำลังสองร่วมกันเป็นครั้งแรก “(นฤบดี เวชกรรม) ก็เริ่มมาจากทางสหมงคลฟิล์ม และ เวิร์คพอยท์ พิคเจอร์ส โดยโปรดิวเซอร์ก็คือพี่โอ๋ พานิชย์ สดสี แกมามีไอเดียว่าอยากจะทำหนังสักเรื่องที่มองผ่านในมุมมองของผู้หญิง คือเราทำหนังเกี่ยวกับผู้ชายๆ สนุกสนานเฮฮาตีลังกาอะไรกันแบบตลกหกคะเมนกันมาเยอะแล้ว ก็เลยรู้สึกว่ามุมมองของผู้หญิงก็น่าสนใจดี ถ้าผู้ชายอย่างเรากลับมามองในมุมผู้หญิงบ้างมันจะเป็นอย่างไร ก็เลยไปนึกถึงชีวิตผู้คนในวงการโฆษณารู้สึกว่ามีเสน่ห์ น่าสนใจ ประกอบกับเราเองมักได้เจอได้ฟังเรื่องราวของน้องฝึกงานผู้หญิงเวลาไปฝึกงานที่บ.โฆษณาเจอพี่ผกก.ที่เก่งๆ มีแนวความคิดแปลกใหม่หรือว่ามุมตลกอะไรของเขายังไงบ้างซึ่งคาแรคเตอร์ตรงนี้จุดประกายและน่าจะหยิบจับมาเล่นได้คิดว่าถ้าทำหนังรักเกี่ยวกับน้องนักศึกษาฝึกงานไปเจอกับพี่เทรนที่เท่ห์ทำงานเก่ง แล้วมโนไปว่าถ้าได้เป็นแฟนกับพี่เขาจะเป็นอย่างไร นั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องแล้วเราก็มาคิดต่อถ้าเกิดพี่เทรนคนนี้ต้องกำกับงานโฆษณาชิ้นหนึ่งที่เป็นแมว แล้วน้องฝึกงานคนนี้จะช่วยพี่คนนี้ยังไง มันก็เลยเกิดขึ้นกลายเป็นโปรเจ็คต์ที่มีทั้งเรื่องรักและเรื่องแมวเข้ามาเกี่ยวซึ่งตัวแมวก็จะมาเป็นทั้งโอกาสและอุปสรรคในความรักของทั้งสองคนนี้ คืออย่างหมาคนก็เคยเห็นมาแล้ว แล้วมันซ้ำ แล้วก็เคยคิดว่าเป็นยีราฟฟนะ พี่เท่งเคยเสนอยีราฟ เราก็ว่ามันก็น่าสนใจดีนะ(หัวเราะ) ตอนนั้นทุกคนก็เสนอหมดแหละยีราฟ นากมั้ย แต่สัตว์ที่มันใกล้ตัว และเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งที่มันใกล้เคียงกับผู้หญิงก็คือแมว ผู้หญิงกับแมวมีลักษณะที่คล้ายกันบางอย่าง อย่างหนึ่งเลยคือแมวมันจะไม่อยู่กับคนที่ไม่ดูแลมัน มันจะไปอยู่กับคนที่อบอุ่น มันก็จะคล้ายๆนิสัยผู้หญิงเหมือนกันในบางส่วนนะ แต่คงไม่เหมือนกันทั้งหมดหรอก แมวเขาจะเลือกอยู่กับคนที่เทคแคร์ดูแลแล้วก็นิ่มนวลกับเขา” หลังจากบ่มเพาะแนวคิดขีดร่างไอเดียกว่า2ปี ปรับเปลี่ยนพล็อตและเรื่องราวออกมาเป็นบทภาพยนตร์นับสิบร่าง จนมาลงตัวกับไอเดียที่ว่า “จะเป็นอย่างไรถ้าเรื่องราวความรักระหว่างน้องนักศึกษาฝึกงานสายมโน(ไปเรื่อย)กับรุ่นพี่เทรนในบริษัทโฆษณาจะรุ่งหรือร่วงขึ้นอยู่กับเหมียวยักษ์หนัก10กิโลเป็นตัวแปร” ซึ่งกว่าจะได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ ทีมงานตลอดจนผู้กำกับต้องผ่านการออกค้นหา ศึกษา รวบรวม และกลั่นกรองข้อมูลสำคัญที่จะต้องถูกนำมาถ่ายทอดออกมาเป็นเรื่องราว เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในภาพยนตร์ให้เกิดขึ้นได้ใกล้เคียงกับตัวละครและมีความสมจริงที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง2เส้นเรื่องสำคัญที่จะดำเนินควบคู่ไปตั้งแต่ต้นจนจบนั่นคือเรื่องความรักของคนและเรื่องราวของแมว ถึงขนาดต้องเลี้ยงแมวกันเลย “ในส่วนขั้นตอนการทำงานจริงเราก็ต้องเริ่มมาจากการหาข้อมูล เราต้องคุยกับคนโฆษณา คุยกับนักศึกษาจริงๆที่เคยไปฝึกงานจริงๆบ.โฆษณาเอาข้อมูลของเขามาจริงๆ เอามาเซ็ทเอามาเขียน นอกจากนั้นก็เลี้ยงแมวเพื่อที่จะได้ศึกษาว่าคาแรคเตอร์ของแมวเป็นอย่างไรแล้วก็วางน้ำหนักของตัวละครในเรื่องว่าจะเดินทางไปทางไหน คือหนังเรื่องนี้เป็นแนวโรแมนติคคอมมีดี้ หนังรักตลกสนุกสนาน ก็คือเส้นที่มันทิ้งไปไม่ได้ก็คือเส้นรักนะแต่เส้นที่สำคัญอีกเส้นหนึ่งก็คือเส้นของแมว ที่จะทำให้ความรักของคนคู่นี้เดินต่อได้และเกิดอุปสรรคก็เพราะแมว เพราะฉะนั้นบทมันผ่านมาเกือบ10ร่างเลยนะ มีการแก้มีการคุยกัน เพราะตอนเริ่มต้นเราไม่รู้ว่ามันยากยังไง เราเขียนสุดไปเลย เราเขียนให้แมวเป็นนั่น เป็นโน่น เป็นนี่ ไปสุดเลย แต่หลังจากที่ไปศึกษาชีวิตแมว ไปนั่งดูแมว ไปคิดไปลองทำดูกับแมวที่เราเลี้ยงอยู่ ก็เริ่มรู้ว่ามันยากเพราะฉะนั้นเราก็ต้องปรับบทแก้แล้วแก้อีก สำหรับคนที่ทำงานในสายโปรดักชั่นไม่ว่าจะสัตว์เด็กเอฟเฟกต์สลิง ก็คงน่าจะเคยผ่านกันมาหมดแล้ว แต่เรามั่นใจว่าถ้าเจอแมวรับรองเสร็จแน่นอน เพราะในความเป็นจริงแมวมันเป็นสัตว์ที่ไม่ฟังไม่เชื่อ ดื้อแล้วก็บังคับอะไรไม่ได้ ก็เลยเป็นโจทย์สำคัญที่ตัวละครพระเอกในเรื่องของเราคือมอร์จะก้าวข้ามจากการเป็นผู้ช่วยผู้กำกับไปเป็นผู้กำกับโฆษณาเต็มๆตัวได้ย่อมต้องไม่ใช่เรื่องง่ายๆ รวมทั้งพวกเราทีมงานที่กำลังทำภาพยนตร์เรื่องนี้กันอยู่ด้วยหลังจากที่เราพล็อตเรื่องขึ้นมาแล้วว่าแมวต้องทำอะไรบ้างคือไม่มีใครนึกภาพออกหรอกไม่ว่าจะเป็นผู้อำนวยการสร้าง อาร์ทไดเรคเตอร์ หรือว่าใครก็ตาม แม้กระทั่งนักแสดงที่มาอ่านบท ทุกคนยังหันมามองหน้าเลยพี่แล้วมันจะทำอย่างไร คือรู้ว่ามันเป็นภาระหนักแน่ แต่เราก็ยังคิดว่าเฮ้ยมันต้องเป็นไปได้ซิ เราก็เริ่มต้นจากการเลี้ยงแมวก่อนแล้วก็คอยเฝ้าสังเกตุพฤติกรรมแมวว่าไอ้ตัวนี้มีนิสัยแบบนี้ มันชอบแบบนี้ พอสักพักหนึ่งเราจะรู้ว่าแมวและตัวมันจะมีคาแรคเตอร์แตกต่างกันตัวนี้มีนิสัยชอบโลดโผนโจนทะยาน ซน ตัวนี้ชอบความสงบ ตัวนี้ชอบให้จับเบาๆ คือเราจะเริ่มรู้ว่าแมวมันเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นเวลาจอนนี่มากอง จอนนี่ชอบอะไร เราต้องจัดให้ หรือทาโร่ไม่ชอบอะไร ชาร์ลีชอบอะไรก็จัดไป ให้พวกเขาสบายใจก่อนแล้วค่อยเริ่มทำงาน นี่คือสิ่งที่เราจะต้องเรียนรู้ในระหว่างที่กำกับแมว” จับตา“เป้-ใบเฟิร์น”คู่มโนที่ใครๆก็ลุ้นใครๆก็จี๊ดให้ตกหลุมรัก พลิกคาแรคเตอร์ 360 องศาเปลี่ยนลุคแปลงร่าง “ เท่ง-โหน่ง” นอกจากการระดมทีมงานติวเข้ม และเตรียมตัวทำการบ้านอย่างหนักนิดที่ว่าทุกคนล้วนหายใจเข้า-ออกเป็นเสียงเหมียวเหมียวและพากันเข้าเป็นสมาชิกชมรมคนรักหมียว โจทย์สำคัญของโปรเจกต์ “แคทอ่ะแว้บ!”ที่มองข้ามไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง นั่นคือการวางตัว4ซุป’ตาร์นักแสดงแม่เหล็กที่จะมาถ่ายทอด 4 ตัวละครหลักของภาพยนตร์พร้อมกับภารกิจสร้างสรรค์บุคลิกพลิกตัวละคร360องศาปรับลุคแปลงโฉมเหล่านักแสดงทั้ง4ให้ชิคแอนด์คูลดูฮิปสเตอร์ที่สุด โดยเริ่มจากคู่จิ้นสุดมโนพี่เทรน-น้องฝึกงาน โดยตัวพี่มอร์ที่มาพร้อมความหล่อกวนติสต์ในแบบฉบับของผู้ช่วยผู้กำกับโฆษณาขวัญใจสาวๆ ที่ไม่ว่าจะแต่งไหนก็ล้วนแต่เท่ห์ในสายตาของสาวมโนอย่างเมโย ซึ่งงานนี้หนุ่มเป้ อารักษ์ อมรศุภศิริก็ไม่ทำให้ผิดหวังถึงขนาดทำการบ้านและหอบหิ้วคาแรคเตอร์หนุ่มโฆษณาที่ตัวเองตีความแตกโจทย์ให้แตกแล้วนำมาเสนอกับพี่เป้พี่เท่งผกก.แถมยิงยาวถึงแอ็คติ้ง ท่าทาง การพูดจาให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงกันเลยทีเดียว เป้ นฤบดี “ เราเลือกเป้ อารักษ์ มาเล่นเป็นมอร์ ตัวเป้เองมีเพื่อนที่เป็นผู้ช่วยผกก.ที่เขาพอจะเอาreference มาใช้ในเรื่อง เป้ก็จะเอามานำเสนอว่าเป็นคาแรคเตอร์อย่างนี้ดีมั้ย เราก็เอามาจูนกัน ส่วนตัวเฟิร์นเองยังเป็นนักศึกษาอยู่ก็ดีเลยเพราะเรื่องใกล้ตัวมากแค่ลดประสบการณ์เกี่ยวกับวงการนี้ออกไป ให้ใสๆมาเลย ก็จินตนาการกันมาแล้วก็มาเวิร์คช็อพ คือนักแสดง ทั้งคู่มีของกันอยู่แล้วเราก็มีหน้าที่ลดนี่นิดเพิ่มนั่นหน่อยจนทั้งสองคนนี้เขาเชื่อว่าตัวเขาคือมอร์และเธอก็เชื่อว่าเธอคือเมโย พอทำงานกันไปสักพักทีมงานก็เชื่อว่าเฮ้ย2คนนี้คือมอร์กับเมโยเขากำลังจะรักกัน มันก็โอเคเลยนะ” ในขณะที่สาวใสน่ารักอย่างน้องใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ ในบทเมโยนักศึกษาชั้นปี4สาวใสที่แอบมโนกับพี่เทรนเรียกได้ทั้งปิ๊งและถูกใจอยากเล่นทันทีที่อ่านบท “ ตอนอ่านบทรอบแรกนี่ คิดว่าอยากเล่นเลยอยากเล่น อยากเล่น อยากถ่าย ตลกมาก เพราะตอนอ่านบทแล้วนั่งขำ หัวเราะคิกคักกับพี่ ๆ เพราะมีการอ่านบทร่วมกัน แล้วคาแรคเตอร์ที่ได้รับคือเปลี่ยนตั้งแต่หัวจรดเท้าเลย ตอนแรกก็คุยกันว่าจะทำแบบไหนดีนะให้แบบเก๋ๆแนวๆ แล้วแบบวัยรุ่นเห็นแล้วแบบเกท แล้วอยากทำตาม การแต่งตัวก็แบบมีสไตล์ ตรงสไตล์คือละเอียดแม้กระทั่งสีเล็บ คือเฟิร์นว่ามันน่ารักมาก เล่นเองรู้สึกว่า วันนี้ได้เป็นเมโยอีกแล้วอย่างนี้เลยค่ะ แล้วยิ่งพอย้อนกลับมาเป็นตัวเองหันไปดูเมโยแล้วรู้สึกว่า เฮ้ย เขาใกล้ตัวมาก เขาเหมือนวัยรุ่น เหมือนเกือบจะมองตัวเองด้วยซ้ำ แต่แค่แบบชีวิตจริงอาจไม่มีโอกาสแต่งตัวแนวเท่านี้เองค่ะ แล้วก็มีความมโนมีความช่างฝันแล้วมันเป็นแบบ มันตรงกับชีวิตจริงของผู้หญิงที่แบบเฮ้ยชัวร์ เขาคิดชัวร์ ใช่ หรืออะไรอย่างนี้ เพ้อเจ้อไปเอง ซึ่งบทนี้มันน่ารักมาก มีการหยิบศัพท์วัยรุ่น แบบตามเว็บไชต์ ตามพันทิพ อะไรอย่างนี่ มาเป็นแบบกรุบกริบน่ารักค่ะ(หัวเราะ)” และเมื่อเริ่มต้นทำงานทั้งคู่ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง กลับกันจากครั้งแรกที่มีการเวิร์คชอพ ฟิตติ้ง ซ้อมการแสดงร่วมกัน รวมไปถึงซ้อมเข้าฉากกับแมวจอนนี่ จนกระทั่งถึงวันที่เปิดกล้องถ่ายทำ พูดได้ว่านอกจากทั้งคู่จะละลายพฤติกรรมในภาพความเป็นนักร้องและนักแสดงซูเปอร์สตาร์ที่เห็นกันชินตา มาเป็นพี่ผู้ช่วยผู้กำกับโฆษณาขี้เก๊กและน้องฝึกงานสายมโนจอมกวนได้อย่างน่ารักและน่าหมั่นไส้ ซึ่งผกก.อย่างเท่ง เทิดเถิงย้ำถึงเคมีทางด้านการแสดงของทั้งคู่ว่า “คือในเรื่องราวหลักของหนัง “แคท อ่ะ แว้บ!# แบบว่ารักอ่ะ” เราจะได้เห็นบรรยากาศความรักของเด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวที่เกิดขึ้นในบริษัทเราระหว่างพี่ผู้ช่วยผู้กำกับโฆษณากับน้องฝึกงานเราจะได้เห็นการแสดงของเป้กับน้องใบเฟิร์นหรือไอ้มอร์กับเมโย ซึ่งเป็นตัวแทนของวัยรุ่นทั่วๆไปในยุคนี้ที่มีความรักแบบใสๆ แค่มองตากันแล้วโลกมันปิ๊งปั้งสีชมพู ดูฟรุ้งฟริ้งๆสดใสๆ ยิ่งไอ้ตอนที่มีการแชทไลน์หากัน อารมณ์แบบอมยิ้มๆ ช่างมโนไงแอบชอบพี่เขา ไอ้เราอยากจะบอกรักเขา คือต่างคนต่างไม่กล้าบอกว่าเริ่มมีใจให้กันแล้ว ก็อาศัยสื่อผ่านกับพวกเครื่องไม้เครื่องมือพวกนี้แหละ มือถือ แท็บเล็ต จะบอกดีไหมนะ มันจะลุ้นเลย แล้วยิ่งพอเราได้ดูได้เห็นทั้งในหนังแล้วการทำงานนะ อดคิดไม่ได้ว่าคู่นี้ทีแรกตอนถ่ายทำก็มีแอบสงสัยเหมือนกันนะว่าคู่นี้ท่าทางจะมีข่าวว่ารักกันจริงๆ เพราะเขาแสดงได้เนียนมาก เป้กับเฟิร์นเนียนมาก อารมณ์ของความรักของวัยรุ่น โอเคเลย แล้วตีบทแตกด้วย” และแน่นอนว่าไม่เพียงแต่พี่ๆนักแสดง ทีมงานและผู้กำกับ แม้แต่ตัวหนุ่มเป้ อารักษ์เองที่รับบทพี่มอร์ก็ยอมรับว่าด้วยบทภาพยนตร์ ตัวเรื่องราว คาแรคเตอร์ ตลอดจนความสัมพันธ์ของตัวละครคู่นี้ที่น่ารักและโดนใจซะขนาดนี้อย่าว่าแต่คนแสดงเลย มั่นใจว่าคนดูก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกหลุมรักเมโยจากการแสดงของน้องใบเฟิร์นเหมือนกับที่ตนเองก็รู้สึกไปแล้วในระหว่างการถ่ายทำ “น้องใบเฟิร์นทำได้ดีมากครับ ในเรื่องนี้ใครดูก็คงต้องชอบเขานะ เพราะน่ารักมากในเรื่อง น่าจะชอบหมด หน้าตาแบบนี้ แต่งตัวแบบนี้ โผล่มาในกองแล้วทำมาเป็นชอบเรา โดนหมดครับ ไม่รอด โดนชอบกลับหมดนะ (หัวเราะ) กลับกันแล้วในส่วนของตัวพี่มอร์เองถ้าถามว่าเขาจะรู้สึกประทับใจเมโยตอนไหน ตรงที่หน้าตาน่ารักก่อนเลยตอนแรก แล้วยังเป็นคนจิตใจดีรักสัตว์อีก แล้วยิ่งพอเขามาชอบเราด้วยเราก็รู้สึกแบบเฮ้ย น่าจะเวิร์คมั้ง เหตุผลที่คนดูจะชอบ ผมว่ามันน่าจะเป็นเรื่องราว ผมว่าใครที่เข้าไปดูก็จะรักเมโยทุกตัวนะ ผมรู้สึกว่าตอนที่เล่นกับน้องแล้วรู้สึกว่าน่ารักจริง ๆ น้องเขาเล่นทำออกมาให้ดูกุ๊กกิ๊กซะขนาดนี้ เชื่อว่าคนที่เข้าไปก็เข้าไปดูใบเฟิร์นอย่างแรกนะ แล้วก็พี่เท่งพี่โหน่งที่เราจะได้เห็นเขาเล่นแบบไม่ยอมกันเลยนะ เขาไม่ยอมหยุดในการปล่อยมุก ต้องฮาแน่นอนครับแล้วก็คนที่ชอบแมวก็คงได้ไปดูแมวในแอ็คชั่นต่างๆ” นอกเหนือจากพาร์ทโรแมนติค แล้วอารมณ์คอมมิดี้แบบจัดเต็มจากการกลับมาแท็คทีมวาดลีลาปล่อยมุกทางด้านการแสดงของ เท่ง เถิดเทิง และโหน่งชะชะช่า (2ซูเปอร์สตาร์ตลกระดับแถวหน้าของเมืองไทย) ในบทของโดด ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาฝีมือดีเจ้าของบริษัทสติ และ เฟียตตากล้องโฆษณาสุดแนวแถมติสต์สุดๆ ก็เป็นอะไรที่มองข้ามไปไม่ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานนี้รับประกันว่าทั้ง แปลก แหวก ล้ำ ในบทบาทและคาแรคเตอร์ที่แฟนๆแก๊งสามช่ามีสิทธิ์ขากรรไกรค้างและนั่งหลังไม่ติดเบาะ เมื่อเห็นลุคและลีลาการแสดงของทั้งคู่ นี่ขนาดยังไม่รวมเวลาที่ทั้งคู่ต้องเข้าฉากร่วมกับแมวอีกนะ ลองคิดดูละกันขนาดน้องใบเฟิร์น นางเอกของเรื่องถึงขนาดสะดุดลุคใหม่ของพี่ๆทั้งคู่กันเลยทีเดียว “พี่เท่งหล่อมากเลยเรื่องนี้ พี่เท่งหล่อจริงๆมาถึงปุ๊บแว่นดำกลม แนวใส่หมวกแบบเท่มากเลย แล้วเวลาเดินกลายเป็นอีกคน เป็นผู้กำกับโฆษณาที่แบบน่ามอง แล้วพูดแบบมีวิธีการพูดที่แบบ ไอ้มอร์ ไอ้ อะไรอย่างนี้ แล้วพี่โหน่งเขามาถึงปุ๊บก็แบบติดหนวดมาเลย แล้วก็โวยวายดุหน่อยเป็นเหมือนตากล้องที่แบบเหมือนเราจะคุ้นเคยกับคนตามกองถ่าย ตากล้องตามโฆษณาอะไรมาบ้าง เฮ้ย เร็ว ๆ ซิสั่งนู้นสั่งนี่แล้วเหมือน แล้วหนูก็จะแบบ โอ๊ะๆ ตกใจจริง เหมือนเด็กฝึกงานจะขนเก้าอี้ตกๆ หล่นๆ ด้วยความเกร็งพี่เขามาก่อน พอพี่เขาเข้าคาแรคเตอร์แล้วพลิกมากค่ะ แต่ว่าความที่ยังเป็นพี่เท่งพี่โหน่งอยู่ก็คือเรื่องมุกตลกเรื่องอะไรที่แบบถ่ายสิบเทคไม่ซ้ำกันสักเทคเลยอย่างนี่ ก็น่ารักค่ะก็ต้องตามให้ทัน” เท่ง เถิดเทิง “ตอนที่พูดกับพี่เป้(นฤบดี เวชกรรม) ผมไม่อยากให้คนดูเห็นผมกับโหน่งในแบบเก่าๆ เพราะคนดูเห็นในทีวีก็เยอะแล้ว ละครก็เยอะแล้ว อยากเห็นรูปแบบเปลี่ยนลุคไปเลยอย่างนี้เราก็เลยค้นคว้า ในเรื่องเราเป็นเจ้าของบริษัททำโฆษณา เพราะฉะนั้นโดยลุคของการแต่งตัวเราก็จะดูรูปแบบของคนที่ทำโฆษณาเป็นหลัก ส่วนมากก็จะแต่งแนวนี่หมดนะ ตั้งแต่นี่เท้าจรดหัวเลย ดูบุคลิกของนักทำโฆษณา ดูแม้กระทั่งคำพูด การแต่งตัว การการเดิน บุคลิกต่างๆเอามาเป็นตัวเรา แต่แน่นอนลายเซ็นต์ความเป็นเท่งยังคงมีอยู่ ส่วนตัวโหน่งเล่นเป็นตากล้องโฆษณาเป็นทั้งเพื่อนและลูกน้องเราแต่ชอบปีนเกลียวเรา คาแรคเตอร์โหน่งจะเป็นคนรั้น เถียงเจ้าของบริษัท หนวดเคราจะรุงรัง มันไม่มีเวลาที่จะไปตัด นั่นคาแรคเตอร์ของโหน่งก็ถอดมาจากตากล้องทั่ว ๆ ไป แต่ลายเซ็นต์ความเป็นโหน่งก็ยังอยู่คงเดิมนั่นคือความสนุก คือความเป็นคู่หูดูโอ้กัน โหน่งชะชะช่า “สำหรับคาแรคเตอร์ในเรื่องนี้ จริงๆแล้วคือต้องบอกว่าตั้งใจเปลี่ยนลุคเลย คาแรคเตอร์บุคลิกการแต่งตัวท่าทางทรงผมหนวดเครา แตกต่างจากเรื่องที่ผ่านๆมาเลย คือผมต้องใส่หนวดใส่เครา ถามว่ายาก มันก็ยาก แต่เพื่อความสนุกสนานของท่านผู้ชม คนดู แฟนๆ เราก็ต้องทำ จริงๆผมก็เป็นคนที่เป็นภูมิแพ้ด้วย พอมาเป็นผู้กำกับภาพมือหนึ่ง ไอ้เราก็คืออาศัยประสบการณ์การทำงานในกองถ่ายหนังหลายๆปีที่ผ่านมาจะคอยสังเกตวิธีการทำงานวิธีคิดของพี่ๆผู้กำกับภาพ ทีมกล้องต่างๆเราก็จดจำบุคลิกลักษณะ คาแรคเตอร์ของพี่ๆเขาแม้แต่วิธีการนั่ง วิธีการจัดแสงจัดอะไร วิธีการพูด คือเราก็จำๆมาแม้แต่วิธีการยืน การนั่ง การเดิน การชี้นิ้ว ท่าทาง การสั่งการ อุปกรณ์ศัพท์แสงเทคนิคต่างๆ ส่วนการทำงานกับพี่เท่งมันเป็นอะไรที่เข้าขากันอยู่แล้ว อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ แล้วยิ่งมาเป็นภาพยนตร์ที่สนุกอยู่แล้วด้วย ไม่ซีเรียส ไม่เครียด สบายๆ แล้วเรื่องนี้มีแมวด้วยก็แปลกใหม่ทีเดียวเลย” ถึงเวลาหา “แมว” กระบวนการ “แคสติ้งแมว” จากสารพัดแมวหลากหลายพันธุ์ สะดุด จอนนี่ แมวไทยพันธุ์ศุภลักษณ์ เหมียวยักษ์หนัก10กิโล มีคาแรคเตอร์ ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนแมวตัวใดใด กระบวนการที่เรียกได้ว่ามีความสำคัญแทบจะมากที่สุดของภาพยนตร์เรื่อง “แคท อ่ะ แว้บ! # แบบว่ารักอ่ะ” ก็คือการเสาะแสวงหาแมว เสน่ห์ เอกลักษณ์ความน่าสนใจ ทั้งจากเซเลปแมวชื่อดังในเมืองไทยตลอดจนในโซเชี่ยลต่างๆ ล้วนถูกชักชวนให้มาทำการคัดเลือก หรือ แคสติ้ง เพื่อให้ได้แมวที่เหมาะสมที่สุดที่จะมารับบทตัวละครสำคัญที่จะมาเป็น “แมวหาย” ในภาพยนตร์เรื่อง “ แคท อ่ะ แว้บ! # แบบว่ารักอ่ะ ” จอนนี่อาตแมว หรือ จอนนี่แมวศุภลักษณ์ แมวยักษ์สีทองดำพันธุ์ศุภลักษณ์ หน้านิ่ง ดูเหมือนเบื่อโลก ไม่สนใจใคร ที่สำคัญหนักเกือบ10กิโลกรัม และได้รับการจัดอันดับจากเวบไซต์กระปุกดอทคอมให้เป็น1ใน12เซเลปแมวที่โด่งดังในโซเชี่ยลก็เข้าตาผู้กำกับและทีมงานจนคว้าบท จอนนี่ แมวคุณหนู ที่มร.โคบายาชิ ลูกค้าชาวญี่ปุ่นรักดั่งลูกชาย แมวหนุ่มตัวใหญ่ยักษ์ที่จะกลายมาเป็นตัวแปรสำคัญให้ความรักของสาวมโน เมโยกับพี่มอร์สุดหล่อออกหัวหรือก้อยนั่นเอง เท่ง เถิดเทิง “ทำไมเราเลือกจอนนี่ ผมเกิดมาก็เพิ่งมาเห็นนะ แมวที่มันสมบูรณ์ แล้วขนเขาเงา เป็นแมวโหวงเฮ้งดีครับ ซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่องนี้ไง ดูแล้วน่าเกรงขาม ด้วยความเป็นสีดำด้วย แตกต่างจากแมวตัวอื่นๆทั่วๆไป แล้วยิ่งพออยู่ในหนังฉากเปิดตัวเขาแบบ โอ้โห้ นั่งรถมาเหมือนเจ้าพ่อ ถ้าเราลองคิดดู เป็นแมวของยากูซ่า คือแน่นอนต้องเป็นแมวที่ทรงอิทธิพล แมวเสริมบารมี เราถึงเลือกตัวนี้มา เป้ อารักษ์ “จอนนี่ มันเป็นแมวที่ผมจะเรียกมันว่าไง คือมันนิ่ง มันจะมีจังหวะนิ่งคือจับใส่อะไรมันก็ใส่ได้ จับใส่ชุดอะไรนั่งท่านี้ไม่มีแมวตัวไหนนั่งได้ ดัวยความที่มันคงอ้วนมั่งครับ มันก็เลยนั่งท่านี้ได้ พอมันนั่งท่านี้ได้มันก็เลยเป็นแมวที่สเปเชียล แต่งตัวอะไรก็ได้ แมวทุกตัวมันก็ไม่ค่อยฟังอยู่แล้วล่ะ แต่ว่าจอนนี่มันก็จะตัวใหญ่กว่าปกติ ก็จะมีความดุอยู่บ้าง ก็จะเป็นเสน่ห์ของมันครับ” เป้ นฤบดี “เรามีการแคสติ้งแมวก่อน ตอนแรกก็เลือกแมวใดๆ ใครมีแมวหรือแมวที่มีคาแรคเตอร์ในโซเชี่ยลในอะไรเราก็เอามา ไม่ว่าจะเป็นแมวส้ม แมวเปอร์เซีย แมวสฟิงซ์ มาลองดูว่าคาแรคเตอร์จะตรงกับในบทมั้ย ก็ลองมาสั่งมานั่งมายืน ทำทุกอย่างๆที่พล็อตในหนังจะต้องให้แมวทำ สุดท้ายแล้วไปโดนกับจอนนี่ซึ่งเป็นเนตไอดอลในโซเชี่ยลเฟซบุคส์ ซึ่งจอนนี่มีคาแรคเตอร์อย่างหนึ่งคือเป็นแมวที่หน้านิ่ง แล้วก็เป็นแมวศุภลักษณ์ซึ่งเป็นแมวไทยที่หาได้ยากมีคาแรคเตอร์ที่ค่อนข้างชัดเจน แค่วันแรกที่มาก็รู้สึกได้ว่าตัวนี้มีออร่า มีความเป็นธรรมชาติของแมวซึ่งใกล้เคียงกับบทที่เราเขียนไว้ ตรงที่เป็นแมวที่มีความเป็นตัวเองสูง แล้วเวลาซนไม่เหมือนแมวตัวอื่น คือเป็นแมวตัวใหญ่ แต่มีความสามารถที่จะกระโดดสูง ว่องไว คล่องตัว แล้วนิ่งเวลามันจะมอง ไม่สนใจ หันหนี มันมีคาแรคเตอร์ของมันอยู่ ที่สำคัญคาแรคเตอร์ตรงกับบทด้วย นอกจากจอนนี่ในเรื่องแล้วก็จะมีแมวอีก3ตัวที่มีบทบาทสำคัญเช่นมีแมวสีขาวขนฟูลูกครึ่งเปอร์เซีย ขาวสะอาด น่ารัก ตาใสปิ๊ง แล้วก็นิ่งเวลาแต่งชุดเป็นเกอิชา แล้วเหมาะกับเขามากเลยชื่อชาลี แต่จริงๆแล้วก็คือแมวตัวผู้นะ แต่พอแต่งแล้วใช่เลยดูยังไงก็เป็นเกอิชา(หัวเราะ)ฉายามันคือชาลีแมวตุ๊ดส่วนอีกตัวหนึ่งก็คือทาโร่ ทาโร่เล่นเป็นซามูไรญี่ปุ่นตัวร้าย หน้าตามันจะหลุกหลิกเจ้าเล่ห์เป็นคู่ต่อสู้ของจอนนี่แล้วก็ส้มจี๊ดซึ่งในบทเล่นเป็นแมวตัวเมียที่เจ้าของเลี้ยงปล่อยแล้วมันก็มาอ่อยจนจอนนี่ใจแตกเสียงานเสียการส้มจี๊ดนี่เราก็เลือกมาจาก แฟนจอนนี่จริงๆซึ่งในบรรดาทั้งสี่ตัวใครกำกับยากสุดก็น่าจะเป็นส้มจี๊ดยากสุดคือบังคับอะไรไม่ได้เลย อย่างจอนนี่ยังมีความนิ่ง ชาลีก็นิ่ง เรายังพอแคนดิดหรือแอบถ่ายอะไรบางอย่างได้ แต่ส้มจี๊ดนี่ขี้กลัววางปุ๊บวิ่ง ตัวเล็กปราดปรียว เขาไม่อยู่กับที่ บางทีถ่ายไม่ทันด้วย” ใครว่ากำกับแมวเป็นเรื่องง่าย? Before and After ขึ้นชื่อว่าแมว ร้องเรียกเหมียวๆ ไหนว่าเดี๋ยวก็มาไง!! ด้วยบุคลิกที่มีความเป็นตัวเองสูง รักอิสระ มีความสันโดษ ถ้าเทียบกับศิลปินก็คืออาร์ทติสท์ดีๆนี่เองทั้งๆที่รู้ ว่าแมวไม่เหมือนสุนัขครั้นจะขอมือ ขอแขน หมอบลุกคลาน ไม่ต้องมโนเลย ถึงแม้ว่างานนี้ทีมงานจะทำการบ้านมาอย่างเต็มที่ แต่ครั้นพอถึงเวลาถ่ายทำจริงๆก็ “ไม่ง่าย” แต่ก็ยังมีบางคนที่เชื่อว่า แมวกำกับได้ โหน่งชะชะช่า “ว่ากันว่าอะไรที่เกี่ยวกับสัตว์เด็กเอฟเฟกต์สลิงนี่ล้วนเป็นเรื่องยาก แต่ผมก็เชื่อว่าไม่น่าเกินความสามารถของพี่เป้ นฤบดี เวชกรรมผู้กำกับของเราและพี่เท่ง เถิดเทิง ไอ้เรื่องแค่กำกับแมวนี่ไม่ยากสำหรับพี่เป้พี่เท่งหรอก จะให้แมวมาใส่ชุดซามูไร ฟันกัน ช้งเช้งๆ แมวโดดสะพาน แมววิ่งหนี ส่วนการทำงานกับแมว ผมว่าความวุ่นวายต่างๆมันเป็นความน่ารักของชีวิตสัตว์อยู่แล้ว ผมว่าความรักของมัน” แต่ถ้าขึ้นชื่อว่าแมวแล้วละก็ ต่อให้ร้องเรียกเหมียวๆ แต่ไหงไม่ยักจะเห็นว่ามา ถึงกลายเป็นเหตุว่า ทำไมถึงไม่ค่อยมีใครสร้างหนังที่เกี่ยวกับแมว อย่าว่าแต่หนังไทยเลย ย้อนกลับไปดูในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ เราแทบนับจำนวนหนังที่ถูกสร้างขึ้นในโลกที่มีแมวเป็นตัวเอกได้ เป้ อารักษ์ : “ต้องบอกก่อนลยครับว่า ตอนแรกที่อ่านบท ไอ้เรื่องแมวหรือเล่นกับแมว แมวจะแสดงได้มั้ยนั้นผมไม่ติดเลยครับ พอเป็นแมวนี่ ผมนึกว่ามันฝึกได้ตอนแรกนะครับ ตอนหลังมารู้ทีหลังว่าแมวฝึกไม่ได้ ซึ่งอันนี้มันเป็นเรื่องของผู้กำกับแล้วครับ เราก็อาศัยความอดทนเข้าไว้ ตอนที่ถ่ายจะติดที่มันช้าบ้าง ก็จะมีตอนแมวนี่ล่ะครับ แบบว่าทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดีนะ เพราะว่าพี่เป้ นฤบดีเขาเป็นคนค่อนข้างเป๊ะ คมกับสิ่งที่เขาต้องการจะใช้ ซึ่งในความจริงตอนแรกมันเหมือนจะเป็นไปได้ครับผม แต่หลังจากการรอการถ่ายด้วยจังหวะคิวหรือสภาพอารมณ์ของแมวแต่ละวันแล้วนี่มันเป็นไปได้ยากครับก็อาจจะต้องช่วยๆกัน ในหลายๆด้านครับทั้งนักแสดงเอง หรือเจ้าของแมว อย่างนักแสดงก็ต้องรอจังหวะ พอสั่งแอ็คชั่นดังเกินแมวก็หนีหรือบางทีอยากให้มันกินอะไรมันก็ไม่กินนะ” ใบเฟิร์น : “ทีแรกก็คิดว่าเขาคงมีวิธีหรือไม่ก็แมวคงโดนฝึกมาหรืออะไรอย่างพอมาถ่ายจริง ถึงได้รู้ว่าแมวเป็นสัตว์ที่ฝึกไม่ได้ค่ะ จนถึงตอนนี้นะค่ะตั้งแต่อ่านบทคิดว่าไม่เป็นปัญหาอะไร คือบทมันก็ไม่ยากนิ คิดไว้เอง คงตั้งกล้องไว้เดี๋ยวแมวก็อยู่เฉย ๆ นิ่ง ๆ แต่กลายเป็นว่ามันไม่ได้แม้กระทั่งอยู่เฉยๆค่ะ พอเรามาถ่ายจริงๆ เราจะรู้ว่าเขาคุมไม่ได้แม้แต่เจ้าของเขาก็คุมไม่ได้ เพราะฉะนั้นมันคือการตั้งกล้องรอตลอด คือถ้าเฟิร์นกับพี่เป้เล่นนะ มีกล้องหนังสองตัวกะว่า สองตัวนะ เดี๋ยวเสร็จเร็ว สองตัวอยู่กับแมวหมด เฟิร์นกับพี่เป้เล่นเฉยๆลอยๆยิ้มยืนอยู่ในฉากผ่านๆเป็นตัวประกอบไป ตอนนี้เอาแมวก่อน คือถ้าให้นั่งเขาก็จะเดิน ให้เดินเขาก็เดินไปไหนก็ไม่รู้คือมันคุมยากมากเลยจริง ๆ มันยากกว่าที่เฟิร์นคิดไว้แบบล้านเท่าเลยค่ะ” รวมกลเม็ดเด็ดๆ และสารพัดเทคนิคในการรับมือกับ “จอนนี่และชาวคณะ”ที่หลายคนไม่เคยรู้ และหนทางที่จะทำให้ “แคท อ่ะ แว้บ! # แบบว่ารักอ่ะ” รอด และคลอดออกมาเป็นภาพยนตร์สนุกสนาน เรียกรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะเบิกบานใจแก่ผู้ชมได้ สารพัดกลเม็ดเด็ดๆ ตลอดจนสารพัดเทคนิควิธีในการที่จะรับมือกับจอนนี่และบรรดาเหล่าแก๊งแมวๆที่จะต้องมาโลดแล่นเข้าฉาก จึงถูกงัดมาจากทุกตำรา อะไรที่ว่าเวิร์คๆ ทำแล้วได้ผลต่างถูกหยิบจับและนำมาทดลองกันจนหมดสิ้นงานนี้ จึงต้องอาศัยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของบรรดาผกก.,ทีมงานตลอดจนนักแสดงทั้งคนและนักแสดงแมวโดยเริ่มต้นที่ผู้กำกับเท่ง เถิดเทิงที่ยอมรับว่าเป็นเพราะสปิริทของทุกๆคนและการยอมให้เวลาในการกำกับแมวเยอะขึ้น “จำได้ว่าพอบทเสร็จแล้วก็มานั่งอ่านกัน อู้หู มันอู้หูหลายอย่าง อู้หู เฮ้ยมันได้เหรอ จะถ่ายกันยังไงวะ มันโอ้โห เยอะมาก หนักใจทั้งตอนนึกภาพกำกับแมว หรือแม้แต่ตอนที่เราจะต้องแสดง อย่างไอ้ฉากของเรานี่เอาเศษอาหารเอาหนูวางไว้บนอกแล้วให้แมวขึ้นมาอย่างนี่ เราได้ อย่างนี้เราถือว่าได้อยู่แล้ว แต่ผายปอดแมว เฮ้ย มันจะผายยังไงวะ เอาปากไปประกบมัน มันจะไม่กัดเอาเหรอวะ แต่มานั่งคิดว่าไหนๆทำแล้วก็ทำให้สุดๆไปเลยไง ต้องเอาให้สุดทุกๆซีนที่มีแมวอยู่ เราต้องเอาทุกอย่างที่เราจินตนาการไว้ อย่างที่เราคิดเอาไว้ มันจะใช้เวลาเท่าไหร่ก็ช่าง เราต้องเอาบุคลิก อุปนิสัยของแมว ออกมาตามที่เราคิด ต้องบอกว่าที่มันเกิดขึ้นได้เพราะทุกคนมีสปิริตหมด เพราะทุกคนรู้ เป้ก็รู้ น้องเฟิร์นก็รู้ ผมรู้ โหน่งรู้ พี่เป้รู้ คนในกองถ่าย “แคท อ่ะ แว้บ! # แบบว่ารักอ่ะ” รู้หมดว่าการทำงานกับสัตว์นี่มันยาก โดยเฉพาะแมวมันไม่เคยมีใครทำเลยไง เด็กช่างไฟ ตากล้องทุกคนต้องรอแมว เพื่อจะทำอะไรบางอย่างซึ่งเรากำหนดให้แมวทำ เวลาถ่ายต้องเช็คเลยพรุ่งนี้มีแมวไหมมี แล้วเราก็ไม่ทำมันลวก ๆ ทำแบบใจเย็น ๆ ทำกับแมว ถ่ายต้องทำใจเย็น ๆ ใช้เวลาเท่าไหร่ ไม่เป็นไร ใจเย็น ๆ เอาจนให้ออกดีที่สุด คือทุกๆอย่างต้องรอแมว ถ้าแมวไม่เอาก็ไม่ได้ ก็เคยถ่ายแล้วแมววิ่งหนีก็ต้องหยุดกองกันไปตามหาแมว” การรับแอ็คติ้งคนตามแอ็คติ้งแมวก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ถูกนำมาใช้กับนักแสดงทุกคนทุกครั้งที่ต้องเข้าฉากร่วมกับเจ้าเหมียวสี่ขาที่แม้แต่นางเอกสาวใบเฟิร์นเองก็ยอมรับว่าไม่ง่าย “คือในเรื่องนักแสดงต้องมีสมาธิมากๆนะ ถ้าแมวหลุดออกไปต้องดึงกลับมาที่มาร์ค เราต้องพยายามอุ้มเข้ามาที่มาร์ค แล้วก็มีแบบที่ยากกว่านั้นคือปล่อยแมวหล่นลงไปแล้วแมวต้องวิ่งไปทางนั้น แต่แมววิ่งไปทางนี้ ทุกคนก็ต้องนัดกันว่าห้ามมองทางนี้ต้องมองทางนั้นให้พร้อมกันทุกคน” รวมไปถึงการอาศัยมุมมองความสามารถเฉพาะของตัวผกก.อย่างเป้ นฤบดีที่ผ่านประสบการณ์แคนดิด แอบถ่ายมาแล้วอย่างโชกโชน เพื่อการแอบถ่ายแมวในแบบสดๆโดยเฉพาะเวลาแมวเผลอ เท่ง เถิดเทิง “ภาพยนตร์เรื่อง “แคท อ่ะ แว้บ! # แบบว่ารักอ่ะ” ก็กำกับสองคนกับพี่เป้ (นฤบดี) ด้วย หนึ่งถ้าเป็นอารมณ์ ภาษามุก อารมณ์แบบเป็นการต่อยอดมุกอะไรอย่างนี้ เราก็จะกำกับในส่วนนี้ แต่ถ้าเป็นอารมณ์ ธรรมชาติ ภาพสวย คือพี่เป้เขาเคยทำเรื่องสาระแนมาแล้วนั่นเป็นการแอบถ่าย การแอบถ่ายนี่ยากมาก สดๆเลย ได้พี่เป้ในส่วนตรงนี้เอามาใช้อะไร เอามาถ่ายแมว เวลาแมวมีปฏิกิริยาที่มันเกิดขึ้นนี่ เราสั่งมันไม่ทำหรอก แต่เวลาเราเผลอหน่อยมันทำ ฉะนั้นแล้วก็ทุกอย่างพี่เป้เขาต้องรัน รันเก็บบรรยากาศสดๆ คือการแสดงสดๆของแมว ซึ่งตอนเรานั่งชมภาพยนตร์ในเรื่องเราอาจจะคิดว่า เฮ้ย แมวน่ารักนะ แมวใคร เชื่องจังเลย สอนได้ยังไง แต่ความจริงเวลาถ่ายจริงๆ มันไม่ใช่นะ นั่นคือการแอบถ่าย แอบถ่ายแมว บางทีนักแสดงเล่นกันนี่ก็เล่นรอจังหวะแมว ยากแต่โจทย์นี่คือพี่เป้เขา ผ่าน สอบผ่าน สบาย หรือไม่ก็ต้องมีเทคนิคมาล่อ สมมติผมกำลังอยู่กับแมว แมวเขาถ้าลูบหัวหรือเกาคางเขาจะอยู่กับเรา แต่อยากให้ไปนี่ ไม่ไปหรอกจะนั่งนี่ ให้ไปไม่ไป ทำไงถึงให้ไป มีวิธี สเปรย์ลม กองถ่ายหนังเขาจะมีสเปรย์ลม ฉีดหน้าเลนส์ ฟี๊ด ๆ เสียงนี้เขาจะไม่ชอบ พอฉีดใกล้ๆ เขาจะตกใจแล้วรีบวิ่งหนีไปเลย” เป้ นฤบดี “เวลาที่จะให้มันเล่นอะไรต้องมีตัวล่อ จอนนี่เราต้องรู้ว่ามันชอบอะไรไม่ชอบอะไร ชอบคนไหนไม่ชอบคนไหนต้องบอกเลยว่าแมวถ้ามันไม่ชอบ เวลาที่ถูกโยนเข้าไปอยู่ในกองถ่ายมันกลัวอยู่แล้วละ มันตื่นมันผิดที่ผิดทาง แมวปกติมันจะอยู่ในที่ที่มันโอเคนะ ที่บ้านที่อะไรกับคนที่มันคุ้นเคยกับกลิ่นที่มันคุ้นเคย เอาแมวมากองมันตื่นทุกตัว กว่ามันจะนิ่งได้ กว่าจะให้มันทำตามที่เราต้องการได้ ไม่ว่าจะเดินมาหา เดินผ่านกล้อง หยุดมอง เอาแค่นี้ให้มันหยุดมองหรือเดินซ้ายเดินขวา หรือแม้จะให้มันอยู่เฉยๆ ไม่มีทางที่แมวมันจะทำตาม ต้องใช้วิธีแคนดิดเอา แอบถ่ายเอาบ้าง แล้วรอจังหวะเผลอบ้าง ไม่สั่งแอ็คชั่นบ้าง ให้ดารารอแมวบ้าง หรือบางทีถ้าเอาแมว ช่วงที่เเอาแมวหลายๆตัวมาแคสท์มันมีหนีบ้าง แอบหนีไปเลยหายไป3-4ชั่วโมงซึ่งเจ้าของเริ่มใจแป้วแล้ว ประสบการณ์แบบนี้ก็มีจนตอนหลังคือเวลาที่จะถ่ายแมวต้องหาคนบล็อคหรือไม่ก็ต้องถ่ายในที่ปิด ให้แมว คือดูแลยิ่งกว่าพวกดารา” รวมไปถึงการรวบรวมเอาสารพัดอุปกรณ์ที่เป็นตัวช่วยพิเศษเผื่อหวังผลในการกำกับจอนนี่ให้ทำหรือไม่ทำอะไร เป้ อารักษ์ “จอนนี่จะกลัวเสียงเครื่องปั่น แค่อยากทำให้เขานิ่งได้ก็แค่เปิดเครื่องปั่น ถ้ามีเสียงเครื่องปั่นเขาจะกลัว แล้วเขาจะเชื่อฟัง หรือจอนนี่ชอบเดินเข้าบ้านกระเป๋าของเขา ถ้าเกิดเปิดบ้านกระเป๋ามาล่อ บางทีก็อาจจะอยากเดินเข้า คือต้องบอกว่าโชคดีมากที่จอนนี่กับชาลี(แมวสีขาว)จะนิ่งครับผม คือเขาสามารถนั่งอยู่ในเซทได้ครับ ทาโร่ หมดสิทธ์ครับ ทาโร่นี่ไม่มีทางถ่ายได้เลยครับ หนีแบบกลัวตัวสั่นตลอด” โหน่งชะชะช่า “มีอยู่ฉากหนึ่งผมพี่เท่งกับจอนนี่ต้องเข้าฉากด้วยกันความยากคือเป็นซีนที่พี่เท่งต้องนอนแล้วแมวต้องขึ้นไปกินอาหารบนตัวพี่เท่งแล้วผมต้องไปอุ้มเอาแมวออก แต่ผมบอกว่าไม่อุ้มดีกว่าพี่ เอาเป็นแบบนี้ดีกว่า คือจริงๆถามว่าแค่ทำปกติเอาอาหารไปวางไว้กว่าแมวมันจะขึ้นไปกินอาหาร แค่นี้ก็ไม่ใช่ง่ายๆแล้วนะ ถ้าเป็นคนสั่งแอ็คชั่น คุณหยิบอาหารมากิน แต่แมวนี่เราจะสั่งเขายังไง เดี๋ยวคุณนะพอ 5 4 3 2 แอ็คชั่นนะ พอแอคชั่นนี่คุณเริ่มเดินขึ้นไปแล้วไปกินอาหารบนนี้ แล้วก็โดดลงมา คือมันสั่งไม่ได้ แต่ทีนี้ด้วยความเป็นโหน่ง ชะชะช่า เป็นเท่ง เถิดเทิง เราอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่กันแล้ว มันก็เลยต้องมีเพิ่มโน้นเพิ่มนี่แต่พี่เท่งเขาไม่กลัวแมวหรอก ชีวิตจริงไม่กลัวแมว แต่ในเรื่องเขากลัวแมว เราก็สร้างสีสัน เพิ่มสีสัน เอาไปยัดจมูกไปยัดปาก ให้แมวขึ้นไปกินบนหน้าเขาเพื่อให้เกิดความสนุกสนานขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้” ประวัติผู้กำกับ เป้-นฤบดี เวชกรรม จบการศึกษาปริญญาตรีคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้กำกับศิลป์ให้กับมานพ อุดมเดช จากกะโหลกบางตายช้า กะโหลกหนาตายก่อน และคว้ารางวัลกำกับศิลป์ยอดเยี่ยมรางวัลชมรมวิจารณ์บันเทิงจากภาพยนตร์เรื่องฝากฝันไว้เดี๋ยวจะเลี้ยวมาเอา ต่อมาร่วมงานกับอิทธิสุนทร วิลชัยลักษณ์(ผู้กำกับโหมโรงและลูกบ้าเที่ยวล่าสุด)ในงานโฆษณา และงานละคร จนได้ร่วมงานกับ เพื่อนสนิทอย่างเปิ้ล นาคร ศิลาชัยที่ชวนมาตั้งบริษัทเพื่อทำรายการสาระแนร่วมกันภายใต้ไอเดียที่ว่า “มาทำรายการที่ไร้สาระกันเถอะ” เป็นผู้ร่วมก่อต้ังรายการสาระแน และมีส่วนสำคัญในการแคนดิดนักแสดงกว่า 500ชีวิต อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของสาระแนมาตลอด12ปี รับผิดชอบตั้งแต่คิดรูปแบบ สร้างสถานการณ์เลือกแขกรับเชิญไปจนถึงควบคุมการผลิตทั้งหมดก่อนที่ความสนุกสนานมันส์ฮาของสาระแนแต่ละคร้ังจะปรากฎสู่สายตาประชาชน แต่ความฝันลึกๆคือการทำหนังตั้งใจที่จะทำภาพยนตร์มาตลอด10ปีจนกระทั่งรับหน้าที่ในฐานะกรรมการบริหาร (Managing Director) บ.ลักษ์ฟิล์ม ผลิตและสร้างปรากฎการณ์ภาพยนตร์ไทยที่เรียกได้ว่า แปลก แหวก ล้ำโดยร่วมกับบ.สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ผลิตภาพยนตร์ในแนวแคนดิดที่ไม่มีบทภาพยนตร์อย่าง สาระแนห้าวเป้ง ที่ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายเมื่อออกฉายและกลายเป็นปรากฎการณ์ห้าวเป้งทะลุ100ล้าน ตามด้วย “สาระแนสิบล้อ” ภาพยนตร์ในแนวABNORMAL COMEDY ที่มีบทภาพยนตร์เป็นชิ้นเป็นอันเรื่องแรกของทีมสาระแน และปิดท้ายโปรเจ็คต์ในนามสาระแนด้วย “สาระแนเห็นผี” ภาพยนตร์ในแนวสยอง-ฮาที่สร้างจากประสบการณ์จริงของทีมงาน“สาระแน” ก่อนที่จะตอกย้ำลายมือและไอเดียที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวต่อมาในนามบ.พิพัลทรีเดินหน้าลุยงานโปรดักั่นเฮ้าส์อย่างเต็มสูบผลิตภาพยนตร์อารมณ์ดี “สูบคู่กู้โลก”ให้กับสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล หลังจากนั้นได้เข้าไปร่วมงานกับบริษัทผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ในเมืองไทยอย่างเวิร์คพอยท์ โดยรับหน้าที่ผู้กำกับในรายการ “ตลก6ฉาก” ล่าสุดกลับมาสร้างปรากฎการณ์ที่คาดว่าจะเป็นที่จับตามองและเป็นอีกหมุดหมายหนังไทยที่ชวนให้กล่าวถึงอีกครั้งเมื่อจับมือแท็คทีมกับ “เท่ง เถิดเทิง” กำกับ”แมว” ใน “แคท อ่ะ แว้บ! # แบบว่ารักอ่ะ ” ภาพยนตร์โรแมนติคคอมิดี้ที่มีซูเปอร์สตาร์อย่าง เป้ อารักษ์ ,ใบเฟิร์นพิมพ์ชนก,โหน่งชะชะช่า และจอนนี่แมวศุภลักษณ์เป็นตัวชูโรง ประวัติผู้กำกับ-นักแสดง พงษ์ศักดิ์ พงษ์สุวรรณ์ หรือ “เท่ง เถิดเทิง” กว่าจะมาเป็น “เท่ง เถิดเทิง” เจ้าของรางวัลเอเชี่ยน เทเลวิชั่นอวอร์ด สาขานักแสดงตลกฝ่ายชายยอดเยี่ยมที่ชีวิตประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ ผ่านความยากลำบากและประสบการณ์ชีวิตอันหลากหลายตั้งแต่ ปั่นสามล้อ ขายก๊วยเตี๋ยว ล้างจาน เล่นลิเก ก่อนที่จะเข้าร่วมในคณะตลกเล็กๆอย่างมะกอกสามตะกร้า โยกย้ายคณะ ต่อมาเข้าเป็น 1ในสมาชิกตลกคณะชูศรีเชิญยิ้ม ซึ่งได้ร่วมงานกับโหน่งและนุ้ยเชิญยิ้มเป็นครั้งแรก จนถูก“หม่ำ จ๊กมก”เห็นแววดึงมาร่วมคณะออกเดินสายตามคาเฟ่ต่างๆ และได้เข้ามาสร้างสีสันในวงการโทรทัศน์ โดยได้รับการผลักดันจาก “ปัญญา นิรันดร์กุล” แห่งเวิร์คพอยท์ฯ ซึ่งเป็นผู้ตั้งชื่อ “เท่ง เถิดเทิง”ให้ ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในฐานะสมาชิกแก๊งค์สามช่าร่วมกับหม่ำ จ๊กมกและโหน่งชะชะช่า ร่วมสร้างรอยยิ้มและความสนุกสนานให้กับแฟนๆนับล้านๆคนที่เฝ้าดูพวกเขาในรายการชิงร้อยชิงล้าน(ตั้งแต่ปี40) มาเกือบ2ทศวรรษ เคียงคู่กับระเบิดเถิดเทิง(ตั้งแต่ปี39) ปัจจุบันมีงานงานพิธีกรในรายการโทรทัศน์และซิทคอมต่างๆมากมาย อาทิ ชัยบดินทร์โชว์,คุณพระช่วย,เท่งโหน่งผจญภัย,เท่งโหน่งวิทยาคม,ระเบิดเถิดเทิง) ฯลฯ ขณะที่ทางด้านภาพยนตร์กล่าวได้ว่าชี่อของ “เท่ง เถิดเทิง” เป็นที่การันตีถึงความสำเร็จแก่ผู้สร้างมาตลอดไม่ว่าจะเป็น7 ประจัญบาน , หลวงพี่เท่ง ,โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง และเท่งโหน่งคนมาหาเฮียที่กำกับร่วมกับโหน่งะชะช่าทำรายได้มากกว่า 100 ล้านบาท และไปร่วมสร้างสีสันใน โป๊ะแตก ,ตุ๊กกี้เจ้าหญิงขายกบ,จั๊กกะแหล๋น,ใหม่กะหม่ำโดนกะโดน ก่อนที่จะกลับมาร่วมแท็คทีมกับโหน่งชะชะช่าอีกครั้งใน “เท่งโหน่งจีวรบิน” ที่คิดพล็อตเองโดยรับหน้าที่กำกับร่วมกับสมิทธิ์ ทิมสวัสดิ์ นอกจากนี้บทเพลงที่ตัวเองเขียนคำร้องแต่งทำนองและขับร้องเองปีละครั้งอย่าง “กินตับ” “ร้องไห้หาพ่อเธอหรือ” และ “อ๊อดแอด” มียอดฟังและชมมากถึง 25ล้าน ,9.8ล้าน, 27 ล้านวิวในยูทูป และล่าสุดในปีพ.ศ.2558มีภาพยนตร์โรแมนติคคอมมิดี้อารมณ์ดีอย่าง “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” ที่ผลงานการกำกับ “แมว” เป็นครั้งแรกร่วมกับ เป้ นฤบดี เวชกรรม จากสาระแนห้าวเป้ง, สาระแนสิบล้อ, สาระแนเห็นผี, สูบคู่กู้โลก เตรียมเข้าฉาย BIG STAR IS COMING TO TOWN. ON MARCH 2015 ชื่อในวงการ จอนนี่แมวศุภลักษณ์ ,จอนนี่อาตแมว ชื่อจริง จอนนี่ อายุ 9 ขวบกว่า เพศ ชาย ลักษณะพันธุ์ เป็นแมวพันธุ์ศุภลักษณ์ ซึ่งจัดให้เป็น 1 ใน 4 แมวพันธุ์ไทยที่ยังคงหลงเหลืออยู่ถึงปัจจุบันซึ่งรวมถึงพันธุ์วิเชียรมาศ โกนจา และสีสวาด ระดับความป็อบปูล่า,ฮอตฮิต เป็น1ใน12แมวเซเลปที่โด่งดังในสังคมโลกโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คซึ่งจัดอันดับโดยเวบไซต์กระปุที่มีแฟนๆเฝ้าติดตามจำนวนมหาศาล นับตั้งแต่การถือกำเนิดของเพจจอนนี่แมวศุภลักษณ์เมื่อเดือนธ.ค.2555 โดยสองสามีภรรยาชาวจังหวัดระนองที่รักและเลี้ยงแมวจอนนี่ที่มักนิยมถ่ายรูปและอัพโหลดลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งถูกเพจชื่อดัง “โหดสัสV2"นำภาพจอนนี่ห่มผ้าจนหนูสีเหลืองนั่งพาดบ่าอยู่ เพื่อล้อเลียนข่าว “เณรคำ”ไปแชร์ จนกระทั่งมีคนนำภาพดังกล่าวไปแชร์ต่ออีกว่า1000ครั้ง เพียงแค่ช่วงระยะเวลาแค่คืนเดียวมีคนมากดไลค์มากมายนับหมื่นไลก์ หลังจากชื่อของ “จอนนี่อาตแมว” หรือ “จอนนี่แมวศุภลักษณ์”ก็เป็นที่รู้จักต่อในวงกว้างยิ่งๆขึ้นไปจนได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทุกแขนง และมีการนำเอาเรื่องราวชีวิตตลอดจนความ“ฮอต”ของจอนนี่ไปถ่ายทอดต่อจนประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงในวงกว้างยิ่งๆขึ้นไปอีก เอกลักษณ์ความโดดเด่นเฉพาะตัวของ “จอนนี่” ปัจจุบันเพจจอนนี่แมวศุภลักษณ์ มีคนเฝ้าตามคลิ้กไลก์เพจมากถึง 312,522ไลค์ พูดได้ว่าในแต่ละวันมีผู้คนเฝ้าติดตามเรื่องราวอัพเดทชีวิตในแต่ละวันของจอนนี่นับหมื่นนับแสนคน คอยติดตามว่าวันนี้จอนนี่จะมาในลุคส์ไหน หรือมีวีรกรรมเด็ดอะไรเกิดขึ้นในชีวิตบ้าง รวมไปถึงวันนี้จะมีภาพและข้อความล้อเลียนข่าวดังหรือแง่มุมอื่นใดในสังคมซึ่งกำลังเป็นนิยมจะถูกจอนนี่ล้อเลียนบ้าง หรือการใช้ชีวิตที่เกิดขึ้นในแต่ละวันกับเพื่อนแมวด้วยกันไม่ว่าจะเป็นแมวคู่ปรับอย่างทาโร่(โร่ศักดิ์)หรือกับมาดามเจนแมวสาวคู่รักของจอนนี่ และส้มจี๊ดแมวสาวคู่จิ้นล่าสุดของจอนนี่ ฯลฯ ว่าวันนี้เดินทางไปเที่ยวเล่นหรือมีกิจกรรมงานอะไรที่ต้องทำบ้าง ฯลฯ ด้วยความฮอตของจอนนี่ส่งผลให้ แมวพันธุ์ "ศุภลักษณ์" ซึ่งว่ากันว่าเป็นพันธุ์นิยมที่ชนชั้นสูงในอดีตนิยมเลี้ยงดู เพราะเชื่อว่าผู้ครอบครองจะร่ำรวย เต็มไปด้วยความสุข สุขภาพดี การงานรุ่งเรือง และเป็นที่นิยมเลี้ยงกันทั่วโลกกลับมาเป็นที่รู้จักและกล่าวถึงอีกครั้ง ผลงานในด้านต่างๆ ตลอดระยะเวลาเกือบ2ปีที่ผ่านมาเรียกได้รับจอนนี่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทุกแขนงที่มุ่งทำข่าวและนำเสนอเรื่องราวและความโด่งดังของจอนนี่เฉกเช่นซูเปอร์สตาร์ชื่อดัง อาทิ รายการโทรทัศน์ต่างๆทั้งรายการข่าว,รวมไปถึงรายการบันเทิงวาไรตี้ ไม่ว่าจะเป็น “เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์” ที่นำเสนอโดยพิธีกรชื่อดังอย่างสรยุทธ์,5เช้าข่าวใหญ่ ตลอดจนเวบไซต์ชื่อดังอย่าง sanook.com,kapok.com และสื่อออนไลน์มากมายรวมไปถึงสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ อย่างมติชน รวมไปถึงสื่อหนังสือพิมพ์ประจำท้องถิ่นภาคภาษาอังกฤษขึ้นพาดหัวรายงานการมาเยือนภูเก็ตของจอนนี่ ฯลฯ และเนื่องด้วยความฮอตของจอนนี่นี่เองส่งผลให้ภาพของจอนนี่ได้รับการเผยแพร่ออกไปอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นการล้อเลียนภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่องดังซึ่งกำลังเป็นที่ฮือฮาอยู่ในขณะนี้อย่างThe Hunger Games: Mockingjay Part I และเมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้รับความสนใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อจอนนี่ได้ไปเปิดบัญชีซื้อสลากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (สลากธกส.) ล่าสุดเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมาเหล่าสาวกแฟนคลับจอนนี่แมวศุภลักษณ์ได้เฮกันยกใหญ่เมื่อมีการเปิดเผยออกมาว่าจอนนี่กำลังจะมี “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ!” ผลงานการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกในชีวิตในแนวโรแมนติคคอมมิดี้อารมณ์เหมียวๆ ประวัตินักแสดง เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ ศิลปิน นักร้อง นักดนตรีวงSLUR นายแบบ พรีเซนเตอร์ นักแสดงหนุ่มคลื่นลูกใหม่ที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่ปรากฎตัวต่อสื่อครั้งแรกในปี48 และออกอัลบั้มแรกในปี49 booในสังกัดสมอลล์รูมในฐานะมือกีตาร์ของวง ปีถัดมาได้รับคัดเลือกให้เป็น1 ใน50หนุ่มโสดในฝันโดยนิตยสาร cleo บทบาทในฐานะการแสดงของเขาถูกฉายแววในปีเดียวกันจาก บอดี้ศพ#19 ก่อนที่จะมีผลงานทางด้านการแสดงทางด้านภาพยนตร์ตามมาอย่างอย่างต่อเนื่องทั้งในฐานะนักแสดงนำและนักแสดงรับเชิญ อาทิ รักสามเศร้า,ความจำสั้น แต่รักฉันยาว ,เฉือน,สุดเขตเสลดเป็ด,บุปผาราตรี3.2,ตุ๊กกี้เจ้าหญิงขายกบ,30+โสดON SALE นับจากผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกเมื่อปี50จนถึงปัจจุบันมีผลงานภาพยนตร์มาแล้วกว่า20เรื่อง ถือได้ว่าเป็นนักแสดงชายสุดฮอตขวัญใจผู้ชมอย่างแท้จริงไม่รวมกับผลงานละครที่มีมาต่อเนื่อง ล่าสุดมีผลงานเพลงในนาม “อารักษ์&เดอะปีศาจแบนด์” และมีผลงานพิธีกรรายการ เกษตรซ้าด และในปี58 หนุ่มเป้พร้อมแล้วที่จะกลับมาตอกย้ำภาพลักษณ์หนุ่มอารมณ์ดีใน “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” ภาพยนตร์โรแมนติค-คอมมิดี้ประกบกับนักแสดงสาวใบเฟิร์น พิมพ์ชนก จากสิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารักและการขึ้นจอครั้งแรกของ จอนนี่ศุภลักษณ์แมวสุดฮอตจากโซเชี่ยลออนไลน์ที่มีคนตามไลก์กว่า3แสนไลก์ ประวัตินักแสดง ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์ นางแบบ นักแสดงสาวที่เรียกได้ว่าความสามารถเกินตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านการแสดง ประสบความสำร็จอย่างสูงสุดในการสวมบทเป็น “น้ำ” เด็กสาวที่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองทุกอย่าง เพื่อเอาชนะใจรุ่นพี่(ซึ่งรับบทโดยมาริโอ้ เมาเร่อ)ที่ตนหลงรักจากภาพยนตร์เรื่อง “สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก”ที่กวาดรายได้กว่า100ล้านบาทและทำให้ ใบเฟิร์น กลายเป็นนักแสดงสาวขวัญใจแฟนๆไปทั่วประเทศ และตัวภาพยนตร์เองก็ประสบความสำเร็จจนทำให้ มาริโอ้-ใบเฟิร์น เป็นคู่ขวัญและโด่งดังในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศจีนจนสร้างปรากฎการณ์ภาพยนตร์ไทยเรื่องเดียวที่เปิดฉายในจีนด้วยจำนวนจอฉาย6,000โรงมากที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีหนังไทยเรื่องใดในประวัติศาสตร์เคยทำได้มาก่อน ล่าสุดมีการจัดอันดับศิลปินไทยที่มีแฟนคลับชาวจีนติดตามมากที่สุด(มกราคม2558)ในเวบไซต์weibo โดยใบเฟิร์นมียอดผู้ติดตามFollowersสูงสุดเป็นอันดับ1ด้วยยอดแฟนคลับที่ติดตามมากถึง4.8ล้านคน(เพียงเวลา3เดือนกว่าในช่วง มิ.ย.-ก.ย.55มีแฟนคลับมากถึง5แสนคน) หลายคนไม่รู้ว่าใบเฟิร์นวัยเด็กคืออดีตนักกีฬายิมนาสติเจ้าของเหรียญรางวัล และในสนามฝึกซ้อมนี่เองคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ได้มีโอกาสแสดงโฆษณาครั้งแรกเมื่อเรียนอยู่ชั้นป.6 เรียกได้ว่าตลอด2ทศวรรษนักแสดงสาวมากความสามารถเป็นที่รู้จักจากมิวสิควิดีโอ,โฆษณาและมีผลงานละครและภาพยตร์ออกมาอย่างต่อเนื่อง ในส่วนงานภาพยนตร์ใบเฟิร์นเริ่มต้นจากภาพยนตร์ของสหมงคลฟิล์มฯเรื่อง “นายอโศกกับ น.ส.เพลินจิต” ในปี46 และมีผลงานเรื่อยมาทั้ง ดราม่า,โรแมนติค,คอมมิดี้,สยองขวัญ,แอ็คชั่นออกมาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น 5หัวใจฮีโร่,เล็กเล็กที่เรียกว่ารัก,โคตรสู้โตรโส ฯลฯ ด้วยวัยเพียง22ปี เธอคือนักแสดงสาวที่แฟนๆเฝ้าจับตามองและอยากให้กลับมาถ่ายทอดผลงานทางด้านการแสดงในบทโรแมนติคคอมมิดี้มากที่สุด และในปี2558 มั่นใจว่าหนุ่มๆทุกคนจะตกหลุมรักสาวน้อยใบเฟิร์นอีกครั้งในบทเมโยสาวมโนที่แอบหลงรักพี่เทรนในบ.โฆษณาซึ่งรับบทโดยเป้อารักษ์พร้อมประกบกับแมวจอนนี่ศุภลักษณ์ใน “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” อย่างแน่นอน ประวัตินักแสดง ชูศักดิ์ เอี่ยมสุข หรือ “โหน่ง ชะชะช่า” ก่อนที่จะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ โหน่งเริ่มต้นสู้ชีวิตด้วยลำแข้งตัวเองมาตั้งแต่อายุเพียง11-12 ปี ทำมาแล้วแทบทุกอาชีพ ตั้งแต่ขายพวงมาลัย รับจ้างขูดสีบ้านเก่าตามริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นหางเครื่องอยู่วงดนตรีลูกทุ่งโดยจากบ้านนานถึง 7-8 ปี เคยเป็นเด็กส่งเอกสาร ยืนตะโกนขายผ้าที่สำเพ็ง แม้แต่เต้นคาบาเรต์ที่พัฒน์พงศ์ ฯลฯ ก่อนที่จะมีโอกาสได้อยู่ในทีมตลกคณะต่างๆ โดย1ในนั้นคือคณะตลกชูศรีเชิญยิ้มที่ได้พบกับ ตู้ หรือ เท่ง เถิดเทิงเป็นครั้งแรก และกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในคณะตลกของ หม่ำ จ๊กมก จนชีวิตถึงจุดสูงสุดเมื่อ ปัญญา นิรันดร์กุล แห่ง เวิร์คพอยท์ฯเปิดพื้นที่ให้ หม่ำ เท่ง โหน่ง ในนามของแก๊งค์สามช่า ได้โชว์ศักยภาพในการเรียกเสียงหัวเราะในรายการเกมโชว์อันดับ 1 อย่างชิงร้อยชิงล้าน(ตั้งแต่ปี41) จนเกิดการปฏิวัติโฉมใหม่ของรายการโทรทัศน์เมืองไทยเข้าสู่ยุคทองของตลกทางทีวี นอกจากนี้โหน่งชะชะช่า ยังเป็นกำลังสำคัญที่คอยสร้างสีสันและเติมเต็มความสนุกให้กับรายการต่างๆทั้งในส่วนวาไรตี้เกมโชว์และซิทคอม อาทิ ชัยบดินทร์โชว์,สงครามเท้าไฟ,ระเบิดเถิดเทิง,เก่งยกห้อง,เท่งโหน่งผจญภัย,ตลก6ฉาก,ขบวนการ3ช่า,เท่งโหน่งวิทยาคม ฯลฯ ขณะที่งานภาพยนตร์ โหน่งชะชะช่า ก็มีผลงานการแสดงมากมาย อาทิ ฟอร์มาลีนแมนรักเธอเท่าฟ้า,เอ๋อเหรอ,สายล่อฟ้า,โหน่งเท่งนักเลงภูเขาทอง แท็คทีมกับคู่ซี้อย่างเท่ง เถิดเทิงกำกับภาพยนตร์ร่วมกันเป็นครั้งแรกจากไอเดีย มุกแก๊ก ต่างๆที่ทั้งคู่คิดค้นร่วมกันจนเกิดเป็นเรื่องราวสนุกสนานในแบบฉบับของเท่งโหน่งใน “เท่งโหน่งคนมาหาเฮีย” และมีผลงานการแสดงภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องอาทิ 32 ธันวา, โป๊ะแตก , มือปืนดาวพระเสาร์,จั๊กกะแหล๋น,ใหม่กะหม่ำโดนกะโดน ,เท่งโหน่งจีวรบิน และในปี58 พร้อมกลับมาแท็คทีมกับเท่ง เถิดเทิงอีกครั้งในรอบ4ปี โดยคราวนี้ยอมเปลี่ยนลุคส์แปลงโฉมอย่างเต็มพิกัด พร้อมสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะควบคู่กับคู่มโนขวัญใจวัยรุ่น เป้ อารักษ์ และใบเฟิร์นพิมพ์ชนก พร้อมกับปะทะกับ “จอนนี่แมวศุภลักษณ์”เป็นครั้งแรกในภาพยนตร์คอมมิดี้โรแมนติคอารมณ์เหมียวเหมียว “แคท อ่ะ แว้บ! #แบบว่ารักอ่ะ” ?

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ