บล.ทรีนีตี้ แนะลงทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็ก มองกรอบดัชนีหุ้นไทยมีนาคม มีแนวต้าน 1,620 จุด - แนวรับ 1,540-1,560 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 3, 2015 11:45 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--3 มี.ค.--เมคอะเว็ลท์ คอนซัลติ้ง บล.ทรีนีตี้ แนะลงทุนหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก หลังมีโอกาสปรับตัวดีกว่าหุ้นขนาดใหญ่ เหตุยังไม่เห็นแรงซื้อจากต่างชาติ ส่องหุ้นไทยเดือนมีนาคมแกว่งตัว Sideways มองกรอบแนวต้าน 1,620 จุด แนวรับ 1,540-1,560 จุด จับตากนง. ปรับลดอัตราดอกเบี้ยดันเงินลงทุนรายย่อยไหลเข้า นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า คาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ในเดือนมีนาคม จะแกว่งตัว Sideways โดยมีแนวต้านที่ 1,620 จุด และกรอบแนวรับที่ 1,540-1,560 จุด ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากการเริ่มมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณของธนาคารกลางยุโรป (ECB) อย่างเป็นทางการ ทำให้คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้า (Fund flow) สู่ตลาดตราสารหนี้ของไทยในปริมาณสูง และน่าจะมีบางส่วนที่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยได้ในช่วงที่ SET Index มีการปรับตัวลงมาจนอยู่ในระดับที่มี Valuation น่าสนใจ บวกกับคาดการณ์การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 11มีนาคม หากมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยมองเป็น Upside surprise ต่อดัชนีตามปรากฏการณ์อัตราส่วนราคาต่อกำไรที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น (PE Expansion) ขณะเดียวกันความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk appetite) ของนักลงทุนรายย่อยยังคงอยู่ในระดับสูง หลังดอกเบี้ยเงินฝากภายในประเทศอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ดี มีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (FOMC) ในวันที่ 17-18 มีนาคม คาดว่ามีโอกาสจะถอดคำว่า “อดทน (Patient)” ออกจาก Statement ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความผันผวนในตลาดทุนทั่วโลก ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์ยังคงมีการปรับลดประมาณการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ Valuation ของตลาดหุ้นไทยปรับตัวแพงขึ้นโดยปริยาย นายณัฐชาต กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้น Sideways แนะนำให้มองหาหุ้นที่ไม่อิงกับภาวะตลาด ซึ่งหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก จะมีโอกาสปรับตัวที่ดีกว่า (Outperform) หุ้นขนาดใหญ่ เนื่องด้วยระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk appetite) ของนักลงทุนรายย่อยยังอยู่ในระดับสูง บวกกับ Valuation ของหุ้นกลุ่มนี้ยังมีความน่าสนใจกว่าหุ้นขนาดใหญ่ สำหรับหุ้นแนะนำในบทวิเคราะห์ The Big Picture จำนวน 20 บริษัท ได้แก่ GLOBAL, IFEC, VGI, TCAP, BJCHI, JMT, TMB, WHA, THAI, TRUE, ROBINS, SUPER, SGP, KKP, STA, CPF, CCP, MONO, FOCUS และ TPCH “ผลตอบแทนของหุ้นที่แนะนำในเดือนกุมภาพันธ์ยังคงให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาดอยู่ที่อัตรา 3.0% โดยมีการเปลี่ยนหุ้นระหว่างเดือน 7 คู่บริษัท ขณะที่ผลตอบแทนรวมของตลาด (SET Total Return Index) อยู่ที่0.7% ส่วนอัตราผลตอบทั้งหมดในระยะเวลา 56 เดือนของการจัดตั้งอยู่ที่ 791% เทียบกับ SET Total Return index ที่ 135%” นายณัฐชาตกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ