ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย สนับสนุนสินเชื่อระยะยาวให้แก่ บมจ. เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ ขยายโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่น วงเงินรวม 557.35 ล้านบาท

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 23, 2015 10:40 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--23 มี.ค.--ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้ลงนามในพิธีสนับสนุนสินเชื่อให้แก่ บมจ. เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet) รายใหญ่ของไทย วงเงินรวม 557.35 ล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 2 โครงการ ขนาด 23.22 MW(DC) และ 39.80 MW(DC) รวมกำลังการผลิต 63.02 MW(DC) “บมจ. เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ เป็นผู้ผลิตที่มีศักยภาพและมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เริ่มลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2557 โดยดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทนในประเทศญี่ปุ่นใน 3 รูปแบบ ทั้งลงทุนเองผ่านบริษัทย่อย พัฒนาโครงการเพื่อขายให้กับพันธมิตร และร่วมลงทุนกับพันธมิตร นอกจากนี้ การเป็นผู้ผลิตที่ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น จะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวอายุ 20 ปี กับผู้รับซื้อไฟฟ้ารายใหญ่ของภูมิภาค ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น จะช่วยให้กระแสเงินสดของโรงไฟฟ้ามั่นคงและแข็งแกร่งยิ่งขึ้นประกอบกับญี่ปุ่นเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง และเอื้อต่อการลงทุน จากนโยบายสนับสนุนพลังงานทดแทนของรัฐบาลญี่ปุ่น ทำให้ตลาดนี้กลายเป็นเป้าหมายสำคัญของการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนของผู้ประกอบการจากทั่วโลก” นายสุภัค กล่าว นายสุภัค กล่าวว่า การให้การสนับสนุนของธนาคารแก่บมจ.ในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายการให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนทุกประเภท อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าชีวมวล โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ โดยมีวงเงินปล่อยกู้รวมกว่า 6,000 ล้านบาทแล้ว นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW เปิดเผยว่า วงเงินสินเชื่อ 557.35 ล้านบาท ที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เป็นสินเชื่อระยะยาวอายุ 6 ปี ซึ่ง CHOW จะนำมาใช้ในกระบวนการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้ง 2 โครงการทันที โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเวลา 12 เดือนหลังจากนี้ และรับรู้รายได้ภายในปี 2559 “วงเงินสินเชื่อจากธนาคารทำให้บมจ. เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ ขยายธุรกิจได้อย่างคล่องตัว เป็นผลดีต่อบริษัทฯเป็นอย่างมาก และรบกวนผู้ถือหุ้นน้อยที่สุด บริษัทฯเล็งเห็นโอกาสในตลาดพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่นยังมีอีกมาก ซึ่งบริษัทฯจะใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง” นายอนาวิล กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ