กรุงเทพฯ--31 มี.ค.--ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส
- เริ่มมีแรงเทขายทำกำไรทองคำในวันศุกร์
- สัปดาห์ติดตามตัวเลขการจ้างงานเดือนมี.ค.ของสหรัฐ
- กรอบการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ 1,180-1,220 ดอลลาร์/ออนซ์
สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องแตะจุดสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือนที่ 1,219 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงหลังจากการประชุมเฟดส่งสัญญาณไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งตาดคาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยราวเดือนก.ย. ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาไม่ดี นอกจากนี้สถานการณ์ตึงเครียดในเยเมนทำให้มีแรงซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย อย่างไรก็ดีเริ่มมีแรงเทขายทำกำไรในวันศุกร์ที่ผ่านมาหลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นติดต่อกันยาวนาน 7 วัน ซึ่งประธานเฟดแถลงว่าเฟดคาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นในช่วงต่อไปของปีนี้ โดยจะเป็นการปรับขึ้นทีละน้อย
สัปดาห์นี้ประเด็นที่คาดว่าจะมีผลต่อราคาทองคำมากที่สุดคือการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานเดือนมี.ค.ของสหรัฐ กรณีที่ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ จะส่งผลให้มีแรงเทขายทองคำออกมาได้เหมือนในช่วงที่มีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนม.ค.และเดือนก.พ.ที่ราคาทองลงแรงกว่า 30 ดอลลาร์ แต่ถ้าออกมาไม่ดีคาดช่วยหนุนราคาทองคำให้อยู่ในระดับที่สูง สำหรับประเด็นอื่นที่ต้องติดตาม ได้แก่ การเจรจาหนี้ของกรีซ และสถานการณ์ตึงเครียดในเยเมน
แนวโน้มราคาทองคำในสัปดาห์นี้คาดว่าจะมีการปรับฐาน หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง และต้องระวังแรงเทขายทำกำไรในกรณีที่ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐเดือนมี.ค.ออกมาแข็งแกร่ง ดังนั้นนักลงทุนควรขายทำกำไรที่แนวต้าน 1,210 และ 1,220 ดอลลาร์/ออนซ์ตามลำดับ ซึ่งคาดว่ายังไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านหลังได้ ถ้าไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน ขณะที่ระยะสั้นทองคำมีแนวรับ 1,190 และ 1,180 ดอลลาร์/ออนซ์ ตามลำดับ ถ้าหลุดแนวรับหลังจะมีแนวรับถัดไปที่ 1,170 ดอลลาร์/ออนซ์